ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 221 เธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง



บทที่ 221 เธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง

บทที่ 221 เธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง

หลีเยบอกให้คนเตรียมรถไว้นานแล้ว และรถก็กำลังจอดรออยู่ ข้างนอกของประตูห้องโถง

ในขณะที่มู่บ้านเปียกำลังจะขึ้นรถ อยู่ๆเขาก็หยุดเดินทันที

“คุณชายใหญ่ครับ มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ตอนนี้หลีเย่กำลังรีบ ร้อนที่จะไปตามหาคร แต่เมื่อเห็นว่าคุณชายใหญ่หยุดเดิน เขาก็ คิดว่าคุณชายใหญ่อาจจะไม่อยากไปแล้ว

จริงๆแล้วหลีเย่นั้นไม่อยากจะสนใจคนอย่างเวยจ๋อเลยสักนิด เขาถึงขั้นที่มีความรู้สึกเกลียดเธอด้วยซ้ำ

แต่ กู้เวยจือเป็นผู้มีพระคุณของคนในตระกูลมู่ และตอนนี้ก็เป็นที่ จับตามองของหลายๆคน

นายท่านใหญ่และคุณผู้หญิงใหญ่เป็นคนที่ชอบเอาใจใส่ แล้วถ้า หากมีเรื่องเกิดขึ้นภายใต้การปกครองของเขา ต่อไปในอนาคต จะมีคนในตระกูล อีกกี่คน ที่จะนำเรื่องนี้มาวิจารณ์นายท่านใหญ่?

เขาพิจารณาปัญหาเหล่านี้ จากมุมมองของคุณชายใหญ่ทั้งหมด

ถึงคุณชายใหญ่จะไม่ค่อยใส่ใจตำแหน่งของตัวเองในตระกูลมู่ แต่เขาหลีเย่ใส่ใจ

มู่บ้านเป่ยหันกลับมามองที่เขา เงาของร่างที่สูงยาวภายใต้ สายลมยามเย็น ทำให้คนรู้สึกไม่อาจจะเข้าใจได้

“ไปเรียกคุณผู้หญิงให้ออกไปข้างนอกพร้อมกับฉัน”

“คุณชายใหญ่ครับ ผมว่าคุณผู้หญิง……..คุณผู้หญิงไม่…… ไม่ ค่อยชอบกู้เวยจ๋อสักเท่าไหร่

และยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคุณผู้หญิงแล้ว เธอมองวิธีการทั้งหมด ของกู้เวยจือเป็นเรื่องตลก

“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งต้องให้อยู่ในสายตาของฉัน” เพื่อหลีกเลี่ยง ความเข้าใจผิด เพราะแม่สาวน้อยคนนั้นมักจะชอบพูดว่าเขาและกู้ เวย อนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกัน

คืนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนจะดีขึ้น เล็กน้อย อยู่ๆก็รู้สึกไม่อยากมีสงครามเย็นแบบหลายวันที่ผ่านมา แล้ว
ถึงแม้ในใจของผู้หญิงคนนั้นจะไม่สนใจเขา และนำเอาความ สนใจทั้งหมดของเธอไปใช้กับคนอื่น

แต่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ตอนนี้เธอก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเขา

จริงๆแล้ว มู่บ้านเป่ยยังคงคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องคืนนั้น ที่กู้อานห ยานไม่ยอมรอเขา และพอเช้ามาเธอก็รีบออกจากบ้านไปทันที

หลีเย่เหมือนจะเข้าใจความคิดของคุณชายใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย แต่เข้าแค่ไม่เข้าใจว่าคุณชายใหญ่นั้นสนใจความรู้สึกของคนอื่น ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

หรือบางทีอาจจะแค่ใส่ใจความรู้สึกของคุณผู้หญิงคนเดียวก็ได้? ถึงขั้นต้องพาคุณผู้หญิงไปด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด “ครับ” หลีเย่พยักหน้า แล้วรีบเดินไปทางห้องโถงทันที ตอนกูอานหยานเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แล้วลงมา มู่บ้านเป่ยก็นั่งอยู่ บนรถแล้ว
เธอไม่คิดว่าข้างนอกจะเย็นขนาดนี้ อากาศของค่ำคืนในเดือน ตุลาคมนั้นหนาวเย็น และดูเหมือนเธอจะสวมเสื้อผ้ามาบางเกินไป

เมื่อหลีเย่เปิดประตูรถให้ กู้อานหยานก็ก้าวเท้าขึ้นไปทันที

เธอยังไม่ทันได้นั่งดีๆ ก็มีเสื้อคลุมบางๆตัวหนึ่งมาคลุมที่ร่างของ

เธอ

บนเสื้อคลุมตัวบางยังคงมีความอุ่นจากร่างของเขาอยู่ จนทำให้ เธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

แต่เขารู้ได้ยังไงว่าเธอหนาว? หรือว่าเมื่อกี้เขากำลังมองดูเธอ ตอนเดินคดตัวมาจากประตู

ทันใดนั้นจิตใจเธอก็ฟุ้งซ่านขึ้นมาทันที แต่ไม่นาน ก็กลับมาสงบ เหมือนเดิม

“ทำไมถึงให้ฉันไปตามหาคนด้วยล่ะคะ? ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้ สักหน่อย”

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เธอไม่อยากออกไปตามหาผู้หญิงจอมปลอม คนนั้นต่างหาก
มู่บ้านเป่ยหันไปมองที่เธอ แต่ก็ไม่พูดอะไร

เมื่อหลีเยี่ขึ้นมาบนรถแล้ว เขาก็เคลื่อนรถออกไปทันที

ข้างหน้ารถของพวกเขายังมีรถอีกสิบกว่าคัน ที่ออกจากห้องพัก ว่างเจียงเก๋อ และไปที่ริมทะเลเพื่อไปตามหาคน

และตอนที่มู่บ้านเป่ยและกู้อานหยานไปถึง ก็มีคนหลายคนที่อยู่ ที่นั่น และทั้งหมดก็เป็นบอดี้การ์ดของพวกเขาเอง

คนหายไปตั้งแต่ตอนกลางดึง ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาแค่สามชั่วโม งกว่าๆ

และการผู้ใหญ่คนหนึ่งหายตัวไปแค่สามชั่วโมง ระยะเวลาที่สั้น ขนาดนี้ ถึงแม้จะไปแจ้งความ ทางตำรวจก็คงไม่รับแจ้งหรอก

ดังนั้น ก็ทำได้เพียงสั่งให้คนของตัวเองออกตามหาทุกที่

“ได้ไปตรวจดูกล้องวงจรปิดของถนนที่อยู่รอบๆนี้แล้วหรือยัง?” หลีเย่ถามฉินอี้ที่ตามหาคนอยู่ทางนี้มาตั้งแต่แรก

สีหน้าของฉินอี้นั้นแสดงออกถึงความกลุ้มใจและโทษตัวเอง: “ฉันให้คนไปดูกล้องวงจรปิดบนถนนทุกตัวแล้ว แต่เธอไม่ได้ออกจากชายหาด

ถ้าหากไม่ได้ออกไปจากชายหาด งั้นก็คงยังอยู่บนชายหาด แน่นอน หรือไม่ก็คงไปนั่งเรือ

แต่ตอนที่ฉินอี้มาส่งเธอ เธอก็อยู่เพียงคนเดียวนี่ แล้วเธอจะไป นั่งเรือเร็วขนาดนั้นได้ยังไง?

มีเพียงความน่าจะเป็นอย่างเดียวคือ ถูกจับตัวไป

มู่บ้านเป่ยเดินลงมาจากรถ และกู้อานหยานก็กำลังเตรียมตัวจะ ลงมาเหมือนกัน แต่เขากลับพูดขึ้นมา: “ลมริมหาดมันแรง คุณนั่ง รออยู่ที่รถเถอะ”

กู้อานหยานลังเลอยู่สักพัก แล้วค่อยพยักหน้าให้กับเขา

ฉินอี้จึงรีบเดินมารับมู่บ้านเป่ย: “คุณชายใหญ่ครับ ผมคิดว่าคุณ หนูเวยจ๋อเธอถูกจับตัวไปครับ”

แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่นิ่งของมู่บ้านเป่ย คู่อริที่เขาคิดออกไว้ ส่วน ใหญ่ก็เป็นคู่อริที่โหดเหี้ยมทั้งนั้น

“ผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างคุณหนูเวยจ๋อ ไม่น่าจะทำผิดอะไร รุนแรงได้นะครับ และความน่าจะเป็นเดียวก็คือ……
ฉินอี้มองไปที่เขา ถึงแม้มันยากที่จะพูด แต่เมื่อเรื่องมันมาถึงตรง นี้แล้ว เขาก็จําเป็นต้องพูดออกไป

“คุณชายใหญ่ครับ ผมสงสัยว่า…….อาจจะเป็นศัตรูของคุณชาย ครับ”

ช่วงนี้กู้เวยจือชอบโพสต์เกี่ยวกับเรื่องราวการใช้ชีวิตอยู่ห้องพัก ว่างเจียงเก๋อของเธอในเวยป๋อ และก่อนหน้านี้ก็เคยไปร่วมงานใน นามตัวแทนจากบริษัท ชื่อกรุ๊ป ในงานการประกวดการ์ตูนของ มหาวิทยาลัยที่บริษัทเจียงชื่อกรุ๊ปเป็นผู้จัดอีกด้วย

ทุกคนยังคงสงสัยว่าความสัมพันธ์ของเธอและคุณชายใหญ่ นนสนิทกันมาแค่ไหน

และก็ยังมีการเล่าลือกันในอินเทอร์เน็ต พูดว่าคุณชายใหญ่ และกู้เวยจือนั้นเคยรักกันมาก่อน แต่ในเวลาต่อมาทั้งสองคนก็ถูก คุณท่านหญิงมู่สั่งให้เลิกกัน

คุณชายใหญ่มู่จึงได้เชื่อฟังคำพูดของคุณท่านหญิง แล้วมาหมั้น กับคุณหนูสามตระกูล แต่คนที่เขารักมากที่สุด ก็ยังคงเป็นคุณ หนูรองตระกูลกู้อย่างเวยคือ

และการที่เธอหายตัวไปในคืนนี้ มันจะมีความเกี่ยวข้องกับข่าว ลือพวกนี้หรือเปล่า?
“คุณชายใหญ่ครับ เป็นไปได้หรือเปล่าครับว่าจะเป็นคนของ Paradise Island ?”

การที่คุณชายใหญ่ อุ้มคุณผู้หญิงกลับมาจากในงานประมูล ของParadise Islandในครั้งนั้น ทำให้ลูกค้าของ Paradise Islandรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม

นี้ถือเป็นการทำลายกฎของ Paradise Island เลย

แล้วถ้าหัวหน้าของParadise Island คิดอยากจะเอาคืนขึ้นมา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

และยิ่งไปกว่านั้น เรื่องทำลายกฎแบบนี้ ถ้าหากว่าไม่ได้ทำการ แก้แค้นให้สาสม แล้วถูกเล่าลือออกไป มันต้องส่งผลกระทบ ถึงความเชื่อมั่นในใจของลูกค้า ที่มีต่อParadise Islandอย่าง แน่นอน

ซึ่งการแก้แค้นของParadise Island ก็อยู่ในการประมาณการ ของพวกเขาอยู่แล้ว

แต่แค่คิดไม่ถึงว่า จะเลือกลงมือกับกู้เวยจ๋อก็เท่านั้น

“คุณชายใหญ่ นี่มันเป็นสัญลักษณ์ของParadise Island นี่ครับ
จนในที่สุดก็มีลูกน้องคนหนึ่งก็เจอตราที่เกือบจะถูกคลื่นซัดหาย

ไป ตกอยู่ริมหาด

และทันทีที่มู่บ้านเป่ยหยิบตรานั้นขึ้นมาดู สายตาของเขาก็มี ความเย็นขึ้นมาทันที

เป็นคนของ Paradise Islandจริงๆด้วย ที่จับตัวกู้เวยจ๋อไปเพื่อที่ จะแก้แค้นเขา

“ถ้าไม่ใช่เพราะการใช้ชีวิตที่ดูโอ้อวดของกู้เวยจือ ไม่อย่างนั้น คนพวกนั้นจะเอาเธอมาเป็นเป้าหมายได้ยังไง”

ไม่รู้ว่ากู้อานหยานนั้นลงมาจากรถตั้งแต่เมื่อไหร่ และเธอก็กำลัง เดินมาที่พวกเขาอย่างช้าๆ

มู่ล้านเป่ยขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เพราะว่าเขาไม่อยากดึงเธอมา เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

แต่ตอนที่เขาหันไปและเห็นว่าเธอคลุมเสื้อคลุมของเขาอยู่ นัยน์ตาของเขาก็มีความรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที

ฉินอี้หันมองไปที่กู้อานหยาน เขารู้สึกว่าการนำเรื่องอื่นมาพูด ประชดในเวลานี้ของเธอ มันดูเป็นการกระทำที่ดูเกินไป
สีหน้าของเขานิ่งขึ้นมาเล็กน้อย และมีความไม่พอใจอยู่ด้วย “คุณผู้หญิงครับ คุณหนูเวยมือเป็นพี่สาวของคุณผู้หญิงนะครับ!”

“ฉันไม่ได้พูดอะไรผิด เพราะถ้าพวกมันพุ่งเป้ามาที่คุณชายใหญ่ มู่จริงๆ อย่างนั้นก็เป็นเธอเองที่หาเรื่องใส่ตัว ”

สามารถไปดูที่เวยป้อของกู้เวนคือได้เลย อย่างน้อยๆในหนึ่งทุก วันเธอจะต้องโพสต์สองโพสต์ บางครั้งมีถึงสามโพสต์

นอกจากจะเป็นรูปของตัวเองแล้ว ก็เป็นชีวิตประจำวันที่เธออยู่ใน ห้องพักว่างเจียงเก๋อ และบางครั้งก็จะมีสองสามรูป ที่ถ่ายมู่บ้านเป่ ยติดไป ด้วยความไม่ตั้งใจ

ถึงแม้ในทุกครั้งที่ถ่ายลงจะเป็นเพียงภาพของร่างเขาที่อยู่ไกลๆ แต่คนที่รู้จักคุณชายใหญ่ ไม่มีทางที่จะไม่ดูออกว่าเป็นเขา

ผู้หญิงคนนั้น หาเรื่องใส่ตัวเองจริงๆ

จริงๆหลีเย่รู้สึกเห็นด้วยกับคำพูดของกูอานหยานเป็นอย่างมาก คุณชายใหญ่มู่ไม่ชอบเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของตัวเองเป็นที่สุด แต่ผู้หญิงคนนี้กลับแสดงออกว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ข้างกายของ คุณชายใหญ่ทุกเช้าทุกเย็น

ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของคุณท่านหญิง คุณชายใหญ่มู่ต้อง ไล่เธอออกจากห้องพักว่างเจียงเก๋อแน่นอน

แต่ตอนนี้ กู้เวยจือได้หายตัวไปแล้ว ผู้ชายตัวใหญ่อย่างเขา จะ พูดออกไปก็ดูไม่ดี

เขาจึงมองไปที่มู่บ้านเป่ย และพูดขึ้นมาเบาๆ: “คุณชายใหญ่ครับ มีความเป็นไปได้นะครับว่าสิ่งที่คุณหนูกู้โพสต์ไปในเวยป๋อ มัน ทำให้คนอื่นคิดว่าเธอและคุณชายใหญ่นั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อ กัน”

ถึงขั้นทำให้คนอื่นรู้สึกว่า เธอต่างหากที่เป็นผู้หญิงของมู่บ้าน

เป่ย

เพราะฉะนั้น เธอก็เลยถูกคู่อริของคุณชายใหญ่จับตัวไป ……หา เรื่องใส่ตัวเองจริงๆ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ