ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 218 เธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง



บทที่ 218 เธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

บทที่ 218 เธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง

ทันทีที่หลีเย่ลงจากรถ ก็รีบเดินออกไปให้ไกลจากรถที่สุด

และไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ประตูรถถึงถูกเปิดออก ฝ่ายชาย รีบเดินลงมาจากรถอย่างไว

สีหน้าของเขาดูนิ่งๆ จังหวะการหายใจปกติ เสื้อผ้าสะอาด เรียบร้อย และยังรักษาท่าทางของคนเย็นชาไว้

และเมื่อหันไปมองผู้หญิงที่เดินตามเขาลงมาจากรถ ถึงแม้เธอ จะจัดระเบียบเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังสามารถเห็นรอยยับบน เสื้อผ้าของเธอได้อย่างชัดเจน

แล้วก็ยังเห็นได้ชัดว่าผมยาวสลวยของเธอนั้นยุ่งเล็กน้อย แต่ก็ ยังดีที่ผมของเธอสวยตั้งแต่เกิด เพราะแค่เธอนำมือสางผมเล็ก น้อยผมก็จะกลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้ว

แต่ใบหน้าของเธอนั้นแดงราวกับปัดบลัชออนไว้ จังหวะการ หายใจก็เร็วกว่าปกติ และดวงตาก็เต็มไปด้วยความมึนเมา

ถ้าไม่ใช่เพราะดื่มเยอะไป งั้นก็น่าจะเป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาสอง คนทำร่วมกันเมื่อสักครู่แน่นอน ที่ทำให้อารมณ์ของเธอนั้นพุ่งสูงขนาดนี้

“มองผมทําไม? คุณทําให้คู่หมั้นของคุณขายหน้าต่อหน้าคนอื่น นี่คุณไม่คิดจะรับบทลงโทษอะไรหน่อยเหรอ?”

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว คุณชายใหญ่มู่ยังดูมีท่าทีที่ภูมิใจด้วยซ้ำ

กู้อานหยานจึงถลึงตาใส่เขาทันที เธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคน นี้พอจะไร้ยางอาย ก็จะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้!

แต่ว่าเรื่องแบบนี้ จะโทษแค่เขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้

ใครให้พวกเขายังเป็นคู่หมั้นกันล่ะ?

เมื่อกู้อานหยานจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองเสร็จอีกครั้ง ก็รีบ เดินเข้าไปในห้องโถงทันที

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าจะได้เจอซูหยาน ที่นั่งอึ้งอยู่บนโซฟาภายใน ห้องโถง

และเมื่อเห็นว่ากู้อานหยานกลับมา ซูหยานก็รีบลุกขึ้นยืนทันที แต่สายตากลับมองผ่านเธอไป แล้วมองไปที่มู่บ้านเป่ยที่กำลังเดิน ตามหลังเธอมา
“เป่ย เปียกลับมาแล้วเหรอ?” เสียงของเธอมีความแหบเล็กน้อย และมีความร้อนใจอยู่ด้วย

“ครับ”มู่บ้านเป่ยพยักหน้า และเดินเข้าไปพร้อมกันกับกู้อานห ยาน“ป๋าซู”

“เป่ย ปล่อยเลยเล่ยไปเถอะนะ เลยเล่ยเธอยังเด็กอยู่ และเล่ยเล่ ยก็ยังไม่เข้าใจอะไรอีกเยอะ

ทันทีที่ซูหยานเปิดปากพูด น้ำตาของเธอก็แทบจะร่วงลงมาแล้ว

หลังจากเกิดเรื่องซูเล่ย ยังไม่ทันที่จะได้ไปเยี่ยมซูเล่ยเลยด้วย ซ้ำ เธอก็ได้รู้ข่าวว่ามือของซูเล่ยนั้นใช้การไม่ได้แล้ว และชีวิต เกี่ยวกับการวาดการ์ตูนที่เหลือของเธอ ก็คงต้องจบลง

อีกสักพักเธอก็จะไปเยี่ยมซูเล่ยแล้ว แต่ตอนนี้ เธอจำเป็นที่จะ ต้องคุยกับมู่บ้านเป่ยให้รู้เรื่องก่อน

“เป่ย ถ้าเล่ยเล่ยทำอะไรผิดพลาดไป ป้าซูขอโทษแทนเล่ยเลย

ได้ไหม?”

“ผมไม่หาเรื่องเธอแน่นอน” มู่บ้านเป่ยแสดงท่าทีของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน นอกเสียจากเธอจะทำให้เรื่องมันใหญ่ขึ้น

“ไม่หรอก เลยเล่ยจะไม่ทําแบบนั้นอีกแน่นอน!”ซูหยานรีบส่าย หน้า เพื่อเป็นการรับรองกับเขา

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ป้า ก็กลับไปได้แล้ว เพราะว่าผมพูดแล้วว่า ผมจะไม่ไปเอาเรื่องเธอ”

เรื่องนี้ก็ถือว่า จบๆไปแล้วกัน

มู่บ้านเป่ยเดินเข้าไปนั่งที่โซฟา แต่ซูหยานยังคงยืนอยู่ที่เดิม กัดฟันแน่น แล้วหันหน้ามามองที่เขา

“ป๋าซู มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า?”มู่บ้านเป่ยขมวดคิ้วขึ้นมา

ท่าทางแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับท่าทางปกติของเขา เกิดเรื่องใหญ่ ถึงขั้นทําลายชีวิตของเล่ยเล่ยขนาดนี้ แต่เขากลับทําเหมือนไม่มี อะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นเหรอ

ซูหยานมองไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยมือที่สั่นเทา ปกติแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขานั้นก็ถือว่าไม่เลว

เธอรู้สึกตื่นเต้น โกรธแค้น น้อยใจ แต่กลับไม่กล้า
เธอพยายามระงับความโกรธของตัวเองไว้ตั้งแต่แรก แม้แต่ตอน พูด เธอก็ต้องบังคับให้เสียงและท่าทีของเธอเป็นปกติมากที่สุด

“เป่ย เลยเลยเพิ่งจะอายุยี่สิบสองปีเอง เล่ยเล่ยเธอยังเด็กจริงๆ

ยี่สิบสองปี อายุยังน้อยยังไม่พ้นจากรัวโรงเรียนเลย มันก็ต้องมี การทำผิดพลาดบ้าง

แม้จะทําผิดพลาดไปบ้าง แต่พอรู้ว่าผิดก็รู้จักปรับปรุงตัวเอง แบบนี้มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?

จ้านเป่ยจึงมองไปที่เธอ ถ้าหากว่าไม่จําเป็น เขาไม่อยากจะทํา อะไรเธอที่แต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลมู่ เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของ เขาและดูแลเขาอย่างดี

แต่เขาเป็นคนที่ไม่ชอบอธิบายอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาที่เขาไม่เห็น ด้วยกับคําพูดของซูหยาน เขาก็จะเลือกเงียบไปเลย

แต่ป้า ที่ปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบเถียงกับใคร วันนี้อาจจะถูก กระตุ้นจนรู้สึกรับไม่ได้จริงๆ

เธอเดินเข้ามาข้างหน้าของมู่บ้านเป่ย ถึงแม้เธอจะรู้สึกโกรธมาจนนิ้วมือสั่นเทาไปหมด แต่เธอก็ยังเก็บความรู้สึกโกรธไว้

“เป่ย ป้าหวังว่าเป่ยจะให้สัญญากับป้าได้ ว่าต่อไปจะไม่มีใครมา ทำร้ายเล่ยเลยแบบนี้อีก

“ป๋าซูคะ”กู้อานหยานเดินเข้าไปยืนข้างๆของมู่บ้านเป่ย แล้วมอง สบตากับซูหยาน

“ในสายตาของป้า ป้าเห็นฉันเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า?”เธอถามขึ้น

มา

ตอนนี้ซูหยานไม่อยากจะเห็นหน้าของอานหยาน แต่กู้อานห ยานนั้นยืนอยู่ข้างๆของมู่บ้านเป่ย จึงไม่สามารถทำเป็นมองไม่ เห็นไม่ได้

“ป้าไม่เข้าใจค่ะว่าคุณหนูกู้หมายความว่ายังไง”เธอเหยียดมุม ปากเล็กน้อย

“ถ้าหากมีคนมาทำร้ายฉัน ไม่รู้ว่าป้าซูจะไปพูดกับคนคนนั้นให้ หรือเปล่า ว่าฉันนั้นยังเป็นเด็ก และขอให้เขาให้อภัยฉัน?”

ซูหยานมองที่กู้อานหยาน วันนี้เธอแค่ไม่อยากจะทะเลาะ เธอแค่ ต้องการใหมู่บ้านเป่ยให้คำสัญญากับเธอก็เท่านั้น
ชูเล่ยเป็นหลานสาวที่เธอรักมากที่สุด และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับซู เล่ย พี่ใหญ่และพ่อแม่ทุกคนนั้นรู้สึกกังวลจนแทบจะเป็นบ้า

และตอนนี้ คนในตระกูลซูทุกคนก็ตกอยู่ในความลำบากใจ ถึงแม้ ในใจของทุกคนนั้นจะรู้สึกโกรธแค้นและเสียใจ แต่เพราะว่าเป็นคู่ จ้านเป่ยพวกเขาเลยทำอะไรไม่ได้

ในสถานการณ์แบบนี้ เธอจะมีกะจิตกะใจไปสนใจผู้หญิงที่ยังไม่ ได้ถือว่าเป็นคนในตระกูลมู่อย่างกู้อานหยานได้ยังไง?

“คุณหนูกู้คะ ป้ารู้นะคะว่าคุณหนูรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ ตอนนี้เล่ยเล่ยของพวกเราก็น่าสงสารมากพอแล้วนะคะ ป้าอยาก ให้คุณหนูเห็นใจสักหน่อย อย่าเอาเรื่องอื่นมาปนกันอีกเลยนะคะ”

“ป้าซูคะ ฉันแค่อยากจะพูดคุยด้วยเหตุผลกับป้าก็เท่านั้นคะ

กู้อานหยานไม่ได้มีเจตนาจะยั่วยป้าซูเลยสักนิด และเธอก็ดูออก ว่าถึงแม้ซูหยานนั้นจะโกรธจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว แต่อย่างน้อยป้า ซูก็ยังถือว่าได้ผ่านการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี เพราะสามารถเก็บ ซ่อนความโกรธไว้กับตัวเองได้

การอบรมสั่งสอนแบบนี้ เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก
“ในตอนนั้น คนที่ป้าซูพูดว่ายังเป็นเด็กอยู่ เธอได้ไปหานักเลงมา มากกว่าสามสิบคน เพื่อที่จะมาหาเรื่องพวกฉัน

สีหน้าของกู้อานหยานนิ่งลงเล็กน้อย มันไม่ใช่การประชด แต่ มันคือความโกรธ

แต่ หยานกลับไม่ได้สนใจอะไรกู้อานหยานเลย เธอแค่มองอยู่ ที่มู่บ้านเป่ย: “เป่ย ป้าแค่ต้องการคำสัญญาเดียวจากเป่ยเท่านั้น!

“ชูเล่ยสั่งให้คนพวกนั้น ทําลายแขนของเพื่อนฉัน และพูดว่าจะ ทําให้ฉันกลายเป็นคนพิการ! ฉันสามารถไม่หาคำสัญญาจากใคร ได้ล่ะ?”

อยู่ๆกู้อานหยานก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา จนทำให้ภายในห้องโถง นั้นเต็มไปด้วยเสียงสะท้อนจากคำพูดของเธอ

แค่คิดก็รู้แล้วว่า ประโยคนี้มันเสียงดังแค่ไหน?

“พอคนของตระกูลซูของพวกคุณทำผิดพวกคุณก็พูดว่าเธอยัง เด็ก แล้วคนที่โชคร้ายอย่างพวกฉัน มีใครที่อายุเยอะกว่าเขา บ้าง? แล้วพวกฉันไม่ใช่เด็กหรือยังไง?”

“และคนที่เธอคิดจะทําร้าย ก็คือแฟนเก่าของเธอด้วย เขาใช้ให้เพื่อนของฉันวาดการ์ตูนให้เธอมาตลอด แต่กลับใช้เป็นชื่อ ของคนอื่นแทน”

“เธอพูดไร้สาระอะไร! จนในที่สุด หยานระงับความโกรธของ ตัวเองไม่ได้อีกต่อไป เธอจ้องไปที่กู้อานหยานด้วยสายตาที่เต็ม ไปด้วยไฟแห่งความโกรธ

“ตอนนี้เธอเป็นอย่างนั้นเหรอ? เธอได้รับบาดเจ็บหรือว่าส่วนไหน พิการอย่างนั้นเหรอ? เธอได้รับความไม่เป็นธรรมอะไร?”

แต่เล่ยเล่ยของเธอล่ะ? มือของเล่ยเล่ยนั้นใช้การไม่ได้แล้ว

“ใช่ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บจริง แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าฉันรู้จักหาวิธี ป้องกันตัวเองไว้ล่วงหน้า จึงได้หาคนมาช่วยไว้ได้ทัน

“แต่คุณหนูตระกูลซูของพวกคุณไม่ยอมหยุดเอง หยิบท่อนไม้ ขึ้นมาเพื่อจะทำร้ายเพื่อนของฉัน แล้วถ้าไม่ได้คุณชายใหญ่มู่มา ช่วยไว้ได้ทัน คนที่ได้รับบาดเจ็บในตอนนี้ก็จะเป็นฉัน

“เธอ……”

“ที่คุณชายใหญ่มู่ได้รับบาดเจ็บ ก็เป็นเพราะฝีมือเลยเล่ยคนของ ตระกูลป้าซูไง หรือป้าจะพูดว่าเนื้อหนังของคุณชายใหญ่มู่นั้นหนา แม้จะถูกตีก็จะไม่เป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ?”

“ฉัน…..”ซูหยานหันไปมองที่มู่ล้านเป่ย แต่เธอกลับมองไม่เห็น รอยแผลบนร่างของมู่บ้านเป่ยเลยสักนิด

จนสุดท้าย เธอจึงจ้องไปที่กู้อานหยาน ความเป็นผู้ดีของเธอนั้น ถูกความโกรธครอบงำจนหมด

“ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธอ ที่นี่ไม่ต้องการให้คนนอกอย่างเธอมายืน พูดฉอดๆแบบนี้! ฉันเป็นคุณผู้หญิงใหญ่ของตระกูลมู่ ฉันขอสั่งให้ เธอไสหัวออกไป ไสหัวกลับไปที่ตระกูลกู้ของพวกเธอซะ!”

กู้อานหยานมองกลับไปที่ซูหยานด้วยสายตาที่ไม่สนใจไยดี แต่เธอก็พบว่า การที่เธอพูดด้วยเหตุผลกับซูหยานนั้นไม่ได้มี ประโยชน์อะไรเลย

เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาใครคนหนึ่ง: “ไปตรวจ สอบเรื่องกฏที่ซูเล่ยเคยแฝงไว้ให้หน่อยสิ อันไหนที่มีหลักฐาน ก็ นำไปเปิดเผยทางอินเทอร์เน็ตให้หมด”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ