บทที่ 215 นางเอก ก็เป็นคนหน้าชื่อใจคดไม่ใช่เหรอ?
บทที่ 215 นางเอก ก็เป็นคนหน้าซื่อใจคดไม่ใช่เหรอ?
เรื่องที่กู้อานหยานให้เทียนโยวไปทำก่อนการแข่งขันก็คือ หา คนมาช่วยนี่เอง
ในตอนนั้น เทียนโยวยังคงมีความลังเลเล็กน้อย เพราะว่าเขา ไม่ค่อยมั่นใจกับฉินโจวสักเท่าไหร่
แต่กู้อานหยานยืนยันหนักแน่นว่า ฉินโจวนั้นจะต้องกลับมา แน่นอน
และการกลับมาของเขา จะต้องทำลายความหยิ่งผยองของซู เลยได้แน่นอน
คุณหนูผู้ร่ำรวยอย่างซูเล่ย ไม่มีทางที่จะทนได้แน่นอน เพราะฉะ นี้ คืนนี้ต้องมีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นเป็นแน่
มู่เทียนโยวเป็นครูฝึกอยู่ที่ค่ายมวยแห่งหนึ่ง และคนที่มาในคืนนี้ ก็เป็นลูกศิษย์ของเขาทั้งนั้น
แต่มันก็เป็นแค่การข่มขู่ให้คนพวกนั้นกลัวก็เท่านั้น สำหรับการ ลงมือทำร้ายจริงๆนั้น มู่เทียนโยว่เคยพูด ว่าห้ามไม่ให้พวกเขา ลงมือจริงเด็ดขาด
และตอนนี้ สามารถทำให้อีกฝ่ายกลัวจนวิ่งหนีไปได้ ก็ถือว่า ภารกิจของพวกเขาได้ทำสำเร็จแล้ว
“ครูเทียนโยวครับ เป็นยังไงบ้างครับ? พวกผมน่ากลัวใช่ ไหม!”ผู้ชายที่เป็นหัวหน้าในกลุ่มยกไม้เบสบอลขึ้น แล้วถามด้วย เสียงหัวเราะ
ทุกคนรู้สึกชินตั้งนานแล้ว กับการที่เทียนโยว่เป็นคนไม่ชอบพูด
แต่ทุกคน ก็ยังรักและเคารพเขามากๆ
ครูฝึกคนนี้ เป็นคนที่จริงจัง และเคร่งครัดมาก ถึงแม้ครูฝึกจะไม่ ชอบพูดไม่ชอบยิ้ม และดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเหตุผล
แต่ลูกศิษย์ทุกคนที่ครูเทียนโยว่เป็นคนฝึกออกมา จะเป็นลูก ศิษย์ที่เก่งเรื่องการต่อยมวยมาก
“ยังไงคืนนี้ก็ขอบคุณทุกคนมากนะคะ อ่านหยานดินออกมา จากข้างหลังของมู่เทียนโยว แล้วยิ้มให้กับพวกเขา
“จะขอบคุณทําไมกันครับ? เทียนโยวก็เป็นครูฝึกของพวกเราอยู่ แล้ว และถ้าต่อไปมีเรื่องอะไรอีก ก็มาหาพวกผมได้เลยนะครับ!”
“ค่ะ ถ้าต่อไปมีเรื่องอะไรอีก ฉันจะต้องไปหาพวกคุณแน่นอน ค่ะ!”กู้อานหยานพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าตอนนี้ พวกเราต้องรีบออก ไปจากที่นี่แล้วละค่ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะกลายเป็นการรวมตัวกัน จริงๆนะคะ”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ มีผู้ชายที่ถืออาวุธไว้ครบมือ แล้วรวมตัวอยู่ ด้วยกันแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ
ถ้าหากยังไม่ออกไปจากที่นี่อีก พวกแมงป่องก็คงมาสอน วิทยาศาสตร์กับพวกเขาแน่นอน
หลังจากที่กลุ่มคนกลุ่มนี้กลับไปแล้ว พวกเขาก็กำลังจะกลับไป ที่สำนักงานของตัวเองเหมือนกัน แต่กลับเห็นว่าซูเล่ยนั้นยังอยู่
ซูเล่ยยังคงจ้องมองอยู่ที่ฉินโจว โดยยังไม่ยอมกลับไป
จริงๆแล้วฉินโจวไม่อยากจะตอกย้ำเธออีก แต่สุดท้าย เขาก็อด ไม่ได้ที่จะพูดเตือน: “ตอนนี้คุณก็รู้แล้วใช่ไหม ว่าคนพวกนั้น…….……
“หุบปากของคุณไปซะ!”ซูเล่ยจ้องอยู่ที่เขาด้วยร่างกายที่สั่นเทาเพราะความโกรธ
“ฉินโจวพอเถอะ นายไม่มีทางที่จะพูดให้คนแบบเธอยอมได้ หรอก”
ซูเสี่ยวหมี่ถอนหายใจออกมาหนึ่งที แล้วหันกลับไปจับมือของ ฉินโจวไว้: “ไปเถอะ พวกเรากลับไปฉลองกันต่อดีกว่า”
ฉินโจวก็รู้สึกยอมแพ้แล้วจริงๆ จึงได้เดินไปทางอาคารฟูฮัว พร้อมกับซูเสี่ยวหมี่
ซูเล่ยจ้องมองแผนหลังของพวกเขา และก็มีภาพที่ตัวเองยืน ถอดเสื้อผ้าอยู่ข้างหน้าของฉินโจว แล้วนั่งอยู่บนร่างของเขาด้วย ความมั่นใจแวบขึ้นมาในหัวของเธอ
การเยาะเย้ยเธอของหานมินจูน สายตาของทุกคนที่มองเธอเป็น เพียงลิงตัวหนึ่ง เธอนำทุกๆอย่างมาคิดวนไปวนมาอยู่ในหัวไม่ หยุด
เธอกลายเป็นตัวตลกของทุกคนบนโลกใบนี้ และทุกคนก็กำลัง หัวเราะเยาะเธอ ว่าเธอโง่ ว่าเธอถูกใช้เป็นเครื่องมือ ว่าเธอถูกทิ้ง!
“ฉินโจว” เธอกัดฟันแน่น และพร้อมกับสองมือของเธอที่สั่นเทา
ทันใดนั้นเธอก็หยิบไม้ที่อยู่บนพื้นขึ้นมา และพุ่งเข้าไปหาฉินโจว ราวกับคนบ้า
และจังหวะที่กู้อานหยานหันหน้ากลับไปมองนั้น ก็เจอกับซูเล่ยที่ กำลังพุ่งเข้ามาหาฉินโจวพอดี
“ฉินโจว ระวัง!”
เธอรู้สึกตกใจมาก จึงได้รีบหันกลับไป แล้ววิ่งเข้าไปหาฉินโจว
อยู่ๆก็มีเสียงท่อนไม้ตีไปโดนแขนของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา
เพราะว่าแรงที่แรงเกินไป จึงทำให้ข้อมือของซูเล่ยนั้นเคล็ด เธอจึงกรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บ แล้วไม้ที่อยู่ในมือก็ลอยออก ไปทันที
กู้อานหยานอึ้งไปทันที แล้วเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้าง หน้าของเธอ ด้วยความไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง
เขามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? แล้วทำไมเขาถึงได้มายืนอยู่ข้างหน้าของเธอ ในเวลาที่เธอตกอยู่ในอันตราย ราวกับว่าเขา ตกลงมาจากฟ้าได้ล่ะ?
ฉินโจวก็รู้สึกอึ้งขึ้นมาทันที แล้วรีบหันกลับไปมองอานหยาน แกไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม?
“ฉัน. สักนิด ไม่เป็นอะไรไม้ท่อนนั้นไม่ได้ตีลงมาที่ร่างของเธอเลย
ซูเล่ยกำลังมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าของกู้อานหยาน ยัง ไม่ทันที่เธอจะได้รู้สึกกลัว เธอก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาตรงข้อมือทันที
“เจ็บ…… “เธอจับข้อมือข้างขวาของเธอไว้ ด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
ข้อมือ…ราวกับว่าข้อมือของเธอนั้นคลาดเคลื่อน
มือของเธอ…..เธอทำทุกอย่างด้วยมือข้างนี้ แล้วถ้าหากมันได้ รับบาดเจ็บถึงเอ็นและกระดูก ต่อไปเธอจะทำยังไง?
ฉินโจวอยากวิ่งเข้าไปดูอาการของเธอ แต่หลังจากได้เห็นกู้อาน หยานแล้ว เขาก็รีบดึงเท้าที่ก้าวออกไปกลับมาทันที
ท่อนไม้ที่ซูเลียตีไปเมื่อสักครู่ เกือบไปโดนใส่ร่างของกู้อ่านห ยานแล้ว
เขาไม่สามารถเห็นใจผู้หญิงคนนี้ได้แล้ว เพราะทุกอย่างเธอเป็น คนที่หาเรื่องใส่ตัวเอง
“ฉันเจ็บจังเลย ฉันเจ็บจังเลย…….ซูเล่ยเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเจ็บ จริงๆ หรือว่า……กลัวกันแน่
เมื่อได้เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าของอานหยาน เธอก็รู้สึก กลัวจนแทบจะยืนไม่ไหว
จนในสุดท้าย เธอก็นั่งลงไปบนพื้น และร้องไห้ขึ้นมาด้วยความ เจ็บปวด
เพราะว่าเธอนั้นเจ็บจริงๆ และยิ่งไปกว่านั้นคือเธอรู้สึกกลัวมาก จริงๆ กลัวถึงขั้นที่ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกชื่อของเขา
“คุณเป็นยังไงบ้าง?”เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป กู้อานหยานก็รีบจับ มือของมู่บ้านเป่ยไว้ทันที แล้วสำรวจดูแขนของเขา: “มีได้รับบาด เจ็บตรงไหน……”
“ไม่มี” มู่บ้านเป่ยหันกลับไปมองซูเล่ยที่นั่งร้องไห้เสียงดังอยู่บน พื้นด้วยสีหน้าที่นิ่ง
น้ำเสียงของเขานั้นเย็นชา และไร้ความรู้สึก: “มาแสร้งทำเป็นบ้า ต่อหน้าของฉัน มันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ”
“พี่ใหญ่ ฉันเจ็บ……ซูเลยจับข้อมือของตัวเองไว้ ด้วยใบหน้าที่ เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
แต่มู่บ้านเป่ยกลับเตะท่อนไม้ท่อนหนึ่งไปไว้ข้างหน้าของซูเล่ย
“เมื่อกี้ ใช้แรงเท่าไหร่ในการตีกู้อานหยาน ก็ใช้แรงเท่านั้นไป ที่มือขวาของตัวเอง”
พระเจ้า! ถ้าใช้แรงแบบเมื่อกี้ นั่นก็เท่ากับทำลายมือของซูเล่ยนะ
นี้ถือเป็นการทำลายอีกครึ่งชีวิตที่เหลือของเธอเลยนะ
“พี่ใหญ่ ไม่นะ ฉันไม่ต้องการ……..เลยถอยหลังไปในขณะที่ ร้องไห้อยู่ และเธอก็รู้สึกตกใจจนสีหน้าซีดไปหมด พี่ใหญ่ ฉันไม่ กล้าแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้……
“ถ้าหากเธออยากให้บริษัทซีบีดีกรุ๊ปล้มละลายภายในสามวัน เธอก็ออกไปได้เลย”
คำพูดของมู่บ้านเป่ยนั้น เยือกเย็นจนทำให้คนฟังนั้นรู้สึกสั่นไป ทั้งตัว
“หนึ่ง สอง….….”
“ฉันยอมตีแล้ว! พี่ใหญ่ ฉัน…………แล้ว…….
ซูเล่ยร้องไห้จนแทบจะเป็นลม แต่ในใจของเธอนั้นรู้ดีว่า คุณ ชายใหญ่มู่นั้นเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เมื่อเขาพูดออกมาแล้ว ก็ ต้องทําให้ได้
ตระกูลซูก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมายาวนาน แล้วถ้าหากมีคนอื่น มาพูดว่าจะทำให้บริษัทซีบีดีกรุ๊ปปิดลงภายในสามวัน เธอก็จะดู มันเป็นเรื่องตลก
แต่นี่มันไม่เหมือนกัน เพราะถ้าเป็นคำพูดของมู่บ้านเป่ย จะไม่มี ใครกล้าสงสัยว่าประโยคนั้นจริงหรือเปล่า!
ถ้าไม่มีแขนขวา อย่างมากก็แค่ไม่สามารถวาดภาพด้วยตัวเอง ได้ แต่เธอก็ยังสามารถดูแลสตูดิโอและพนักงานของเธอให้เดิน ต่อไปในทางเดิมได้
หาคนที่วาดเก่งๆสองสามคน แล้วเผยแพร่งานใหม่ออกไปใน
ชื่อของตัวเอง
แต่ถ้าหากบริษัทซีบีดีกรุ๊ปล้มละลาย เธอก็จะไม่ใช่คุณหนูผู้ ร่ำรวยอีกต่อไป แล้วเธอจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?
เลยหยิบท่อนไม้ขึ้นมา ทุกคนนั้นรู้สึกว่ามันโหดไปหน่อย
แต่ใครจะไปกล้าขัด คำพูดของคุณชายใหญ่
และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่เลยก็คิดจะทำร้ายจินโจวเหมือน กัน และเธอไม่คิดหรือว่าการที่เธอทำแบบนั้นก็ดูโหดร้ายไม่แพ้ กัน?
คุณชายใหญ่ ก็แค่ใช้วิธีที่เธอใช้ทำกับคนอื่น มาทำกับตัวของ เธอก็เท่านั้น
ถึงแม้วิธีการอาจจะดูโหดร้ายไป แต่เขาก็ว่ายุติธรรมมาก
ทุกคนจึงทำได้แค่หันหน้าหนี
ซูเลยจับท่อนไม้ไว้ในมือ แล้วมองมือขวาของตัวเอง ในขณะที่ มือซ้ายนั้นกำลังสั่นอยู่
แค่ดีท่อนไม้ท่อนนี้ลงไป ชีวิตของเธอก็ฟังทลายลงทันที
เธอมองไปทางอานหยาน ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิงวอน
ถ้าหากพูดว่าตอนนี้กู้อานหยานเป็นคนชนะทุกอย่าง งั้นเธอก็จะ ต้องเป็นนางเอกของฉากใหญ่ฉากนี้ และนางเอกทุกคนก็เป็นคน ที่หน้าชื่อใจคดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
เธอจะสามารถขอร้องแทนเธอได้ไหม? ในเมื่อเป็นนางเอก ก็ ควรจะมีจิตใจที่ดีสิ!
แต่ก็น่าเสียดาย เพราะว่ากู้อานหยานนั้นไม่แม้แต่จะหันมามอง
เธอเลย
เมื่อซูเล่ยมองไปที่มู่จ้านเป่ยอีกครั้ง เธอก็ต้องตกใจกับความเย็น ชาที่อยู่ในสายตาของเขา
จนในสุดท้ายเธอกัดฟันแน่น ยกไม่ขึ้น และใช้แรงตีลงไปที่
มือขวาของเธอ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ