ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่202 พวกเรามาเริ่มกันใหม่ ดีไหม



บทที่202 พวกเรามาเริ่มกันใหม่ ดีไหม

บทที่202 พวกเรามาเริ่มกันใหม่ ดีไหม

ชั้นแปดของร้านอาหารจึงหาว มุมที่อยู่ติดหน้าต่างมากที่สุด

เธอใส่เสื้อสายเดี่ยวที่โชว์ไหล่ที่ดูสง่างามและเรียบหรูเหมือน ในตอนแรกเริ่ม

ตอนที่ฉินโจวไป ก็อดไม่ได้ที่จะมองบ่อยๆ

เมื่อเธอรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ และมองมาทางเขา เขาถึงจะผลุบ สายตาลง

“ฉันคิดไม่ถึงเลย ว่าจะเป็นคุณจริงๆ หานเทียน

ซูเล่ยโบกไม้โบกมือ เพื่อให้มานั่งตรงข้ามตัวเอง

เธอยิ้มมุมปากบางๆ เป็นรอยยิ้มที่สวยงามเกินบรรยาย “วันนี้ที่ เจอ ฉันเกือบจะจำไม่ได้ว่าคนในทีมเก่าของฉัน ในวันนี้จะเปลี่ยน ไปเป็นศัตรูเสียแล้ว”

ฉินโจวไม่ได้พูดอะไรต่อไป ผมยาวๆ ของเขาปิดบังใบหน้าของ เขาไปเกือบครึ่งหนึ่ง
หนวดเคราก็ยาวเฟื้ม ดูไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ ต่างเต็มไปด้วย อารมณ์ของศิลปะ

เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับศิลปินแล้ว อย่างน้อยก็สะอาดกว่า

หน่อย

ซูเล่ยจ้องใบหน้าของเขา จากนั้นรอยยิ้มมันก็ค่อยๆ เลือนหาย

ไป

เธอถามเสียงเบาๆ “ทำไมต้องออกไปด้วย ? ”

ฉินโจวยังคงไม่พูดอะไรต่อไป ซูเล่ยกลับมีท่าทางอดทนต่อไป และยังเทน้ำชาให้กับเขาด้วยตัวเองอีก

“ถ้าคุณไม่อยากจะพูด งั้นก็ดี วันนี้พวกเรากินข้าวกันเถอะ”

เธอโบกมือเรียกพนักงานบริการ ก่อนจะให้พนักงานบริการเอา อาหารมาเสิร์ฟ พนักงานบริการเลยรีบเอาอาหารที่เธอสั่งก่อนมา เสิร์ฟให้

“มีแต่อาหารที่คุณชอบกินนะ กินเยอะหน่อย” เธออ่อนโยนตลอด

ทั้งคืนเลย

ฉินโจวกลับมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะของตัวเอง ก่อนจะรู้สึกปวดใจเล็กน้อย

“คุณชอบดื่มเหล้าตอนกลางคืนใช่ไหม ? เหล้านี้ฉันให้คนเอา เหล้ามาจากบ้านให้เป็นพิเศษเลยนะ คุณลองชิมดู

ซูเล่ยเทเหล้าให้เขาครึ่งแก้ว และดันแก้วไวน์ให้เขา “ลองชิมดู ฉันรับรองเลยว่าคุณจะชอบ

อาจจะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวอย่างไร หรือพูดอะไร ฉินโจว เลยหยิบแก้วขึ้นมา ก่อนจะดื่มจนหมดในทีเดียว

จะมีใครดื่มเยอะได้เหมือนคุณอีกนะ กินเหมือนจะพังสมบัติของ ฉันไปจนหมดอย่างนั้นแหละ

ซูเล่ยยิ้ม แต่กลับไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก พลางหยิบตะเกียบขึ้นเพื่อ คืบกับข้าวให้กับเขา

ตลอดการกินข้าวมื้อนี้ ฉินโจวไม่ได้พูดอะไรเลย เขากินข้าว อย่างเงียบๆ

เหล้าขวดนั้น ส่วนใหญ่ก็ลงท้องเขาไปหมด

แต่ฉินโจวไม่ได้ดื่มเก่งขนาดนั้น เมื่อดื่มเข้าไปทั้งขวด ก็เริ่มมีน แล้ว
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น เริ่มเปลี่ยนเป็นสวยขึ้นเรื่อยๆ

ปากแดงๆ ฟันขาวสวยรอยยิ้มที่สวยงาม มันรวมเข้ากับคนที่อยู่ ล็กๆ ภายในใจอย่างสมบูรณ์แบบ

เขานวดๆ ขมับเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะมึนแต่ก็ไม่ถึงกับเมามาย

เมื่อฉินโจวดื่มไวน์จิบสุดท้ายเสร็จ เขาก็วางแก้วลง ก่อนจะสื่อว่า อาหารมื้อนี้ มันจบลงแล้ว

ขณะที่เขากําลังจะลา จู่ๆ ซูเล่ยก็ยื่นมือออกมา และจับมือของ เขาที่วางอยู่บนโต๊ะ

*หานเทียน กลับมาช่วยฉันเถอะ คุณเป็นคนของฉันตั้งแต่แรก

แล้ว ทําไมต้องไปช่วยคนอื่นเพื่อมาโต้กับฉันด้วยล่ะ ? ”

ฉินโจวกำมือแน่น เพราะมือของเธอมันอุ่นและนุ่มมาก

เธอจับมือของเขาเอาไว้เบาๆ โดยมีความรู้สึกบางอย่างรวมอยู่ ด้วย มันทําให้ใจที่เคยชินกับการอยู่คนเดียว กลับตื่นขึ้นมาอีกใน ทันที

เมื่อก่อน ที่อยากจะจับมือของเธอ กลับถูกเธอปฏิเสธอย่างไร้ เยื่อใย
และข้างๆ กายของเธอ มีผู้ชายที่โดดเด่นอยู่มากหน้าหลายตา มาโดยตลอด แต่ว่าในนั้นกลับไม่มีแม้แต่เงาของตัวเองอยู่เลย

ฉินโจวอยากจะดึงมือกลับ แต่จู่ๆ ซูเล่ยกลับจับมือของเขาเอาไว้

แน่น

“หลังจากที่คุณไปแล้ว ฉันก็ผ่านแต่ละวันไปอย่างยากลำบาก ทั้งปีนี้ ฉันไม่ประสบความสำเร็จสักอย่างเลย

ซูเล่ยปวดใจ จมูกก็รู้สึกคัดจมูกขึ้นมา จากนั้นน้ำตาก็เริ่มคลอเบ้า

“คุณรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่สามารถไม่มีคุณได้ แล้วคุณเองก็รู้อีกด้วย ว่า ความสำเร็จที่ผ่านมาของฉัน อันที่จริงมีคุณคอยสนับสนุนมา ตลอด”

เธอเอามือมาจับมือของเขาแน่น ก่อนจะเอามือมากุมที่หัวใจของ

ตัวเอง

“หานเทียน กลับมาอยู่ข้างฉันนะ ขอร้องล่ะ”

น้ำตาหยดนั้น มันไหลรินอาบแก้มเธอ และหยดลงบนหลังมือ ของเขาราวกับว่าไม่ได้ตั้งใจ
มันเย็นชามาก และความเย็นชานี้ก็เข้าครอบคลุมเข้าไปในจิตใจ ของเขา

ฉินโจวไม่รู้ว่าตัวเองออกมาจากร้านอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ ไม่รู้ด้วยว่าเข้าไปในห้องกับเธอสองคนด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่

เมื่อมองหญิงสาวที่สวยและงดงามตรงหน้าเธอ ผู้หญิงที่อยู่ใน ใจของเขา ก็กำลังค่อยๆ เปลื้องผ้าออกทีละชิ้นๆ ตรงหน้าเขา

เธอกําลังเปลื้องผ้าต่อหน้าสายตาของเขาทีละนิดๆ เขาหายใจ เข้าลึกๆ ก่อนจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตัวเองยื่นมือสองมือของตัวเอง ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“หานเทียน ฉันมอบเรือนร่างของฉันให้กับคุณ แล้วหลังจากนี้ ฉันก็จะเป็นของคน กลับมาได้ไหม ? ”

ทั้งเนื้อทั้งตัวของฉินโจวแข็งที่อไปหมด ขนาดแบนทั้งสองข้าง ของเขาก็ยังแข็งทื่อไปด้วยเลย

เขากอดเธอด้วยความอึ้ง เมื่อเขาได้กอดเรือนร่างที่ตรงตามแบบ ฉบับของผู้หญิงที่เขาฝันมาตลอด เขาก็รู้สึกเหมือนอยู่ในฝัน
ถ้าเกิดว่ามันเป็นความฝัน ก็คงไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีก

อยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป……

แต่ว่า ในใจก็ยังรู้สึกถูกทิ่มแทงอยู่ มันเป็นเหมือนหอกยาวๆ ที่ กำลังทิ่มแทงอยู่

ขอแค่คิดขึ้นมาได้ มันก็ทิ่มแทงจิตใจของเขาจนเจ็บปวดและ ลามไปทั่วทั้งเนื้อทั้งตัวไม่หยุด

“ทําไม….องมาคบกับเขา ? ” ในที่สุดเขาก็ถามขึ้นมาด้วยน้ำ เสียงแหบแห้ง

คืนนี้ ฉินโจวเพิ่งจะพูดออกมาประโยคเดียวเอง

ซูเล่ยตกใจ เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าจะนึกถึงเรื่องในตอนต้น

เขาออกห่างจากเธอก็เพราะเรื่องนั้น นอกจากนี้ยังหายไปจาก เธอเลยด้วย

“หานเทียน มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันขอโทษนะ จากนี้ ฉัน จะไม่มีทางไปทำแบบนั้นแล้ว

เธอซุกไซ้ก่อนจะกอดคอของเขาเอสไว้แน่นพลางพูดข้างๆหูของเขา

“ในตอนนั้น เขาข่มขู่ฉัน ถ้าเกิดว่าไม่คบกับเขา เขาจะลงมือกับ ทีมของฉัน และเขาก็ยังขู่ว่าจะทำร้ายมือของคุณ

ซูเล่ยบ่นพึมพำ ก่อนจะเอาริมฝีปากบางๆ ของเธอกวาดผ่านใบห ของเขาไป ซึ่งมันทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขานั้น มันเกร็งขึ้น มา

“คุณเป็นคนเก่งของทีมของพวกเรา คุณคือส่วนที่ฉันขาดไปไม่ ได้ ถ้าเกิดว่ามือของคุณถูกเขาทำร้ายไป ฉันจะทำอย่างไรล่ะ?”

“คุณ……..เพราะฉันเหรอ ? ” ฉินโจวกำมือแน่น ก่อนจะหายใจ อย่างเร็วและแรงเหมือนเดิม

“แน่นอน ทุกสิ่งที่ฉันทำ ก็เพื่อปกป้องคุณ หรือว่าคุณยังไม่เชื่อ ฉันเหรอ ? ”

ซูเล่ยพยายามจะเอาตัวแนบไป แต่จู่ๆ ก็ผลักเขา ก่อนจะขึ้น คร่อมเรือนร่างของเขา

“หานเทียน มาพูดอะไรตอนนี้ มันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ฉันไม่มีใครอยู่ข้างกายเลย เพราะตอนนี้มันเป็นที่ของคณ

มือของเธอ ลูบแก้มของเขา อย่างเบาๆ และนุ่มนิ่ม เพื่อที่จะให้ เขามัวเมาหลงไป

เธอก้มหน้า ก่อนจะหอมแก้มของเขา “หานเทียน ฉันเป็นของ คุณ เป็นของคุณตลอดไป ! ”

“เลยเลย……

“ในที่สุดคุณก็ยอมที่จะเรียกชื่อของฉันแล้วเหรอ ? ” เธอยิ้มขึ้น รอยยิ้มนั้น มันสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก

“หานเทียน พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม ? ออกจากยัยขี้เหรี่ กู้อานหยานนั่น แล้วกลับมาอยู่ข้างกายฉัน พวกเรา…..มาเริ่มใหม่ กันเถอะ”

กู้อานหยานรู้สึกไม่สบายใจ

คืนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการวาดการ์ตูนหรือเขียนบทร่าง ก็รู้สึกไม่สงบ เลยแม้แต่น้อย
“ฉินโจวกลับไปคนเดียว จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่าเนี่ย ? ”

ซูเสี่ยวหมี่ยังไม่วางใจ คืนนี้เขาเกือบจะถูกรถชน ตอนนี้ เขาก็ กลับไปคนเดียวอีก

แล้วก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร สรุปแล้ว มันทำให้รู้สึกไม่ ปลอดภัย

“ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอก” หยางอีปลอบ “ที่นี่มันห่างจากโรงเรียน ไปไม่ไกล ถ้าเกิดว่าเกิดเรื่องขึ้น พวกเราจะต้องได้ข่าวนานแล้ว

เมื่อพูดไปแบบนี้ ซูเสี่ยวหมี่ก็คิดว่าไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ พลางมองไปที่กู้อานหยาน

“อานหยาน ฉันคิดว่าคืนนี้เขาดูแปลกๆ คุณคิดว่าอย่างไร ? ”

“ไม่รู้” กู้อานหยานปล่อยเมาส์ ก่อนจะมองเธอ เหมือนมีอะไร อยากจะพูด แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน

เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความ เธอก็ต้องตกใจ และต้องอึ้ง ไปชั่วขณะ

ซูเสี่ยวหมี่ดูเครียดขึ้นมาทันตา “อานหยาน ฉินโจว……
กู้อานหยานพยักหน้า พลางมองพวกเขา “ฉินโจวบอกว่า…….จะ

ออกจากชมรมวาดภาพของพวกเรา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ