ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่122 ชมรม ยากที่จะอธิบาย



บทที่122 ชมรม ยากที่จะอธิบาย

บทที่122 ชมรม ยากที่จะอธิบาย

หลังเลิกเรียน กู้อานหยานกับซูเสี่ยวหมี่ ตามเห้อหลิงจือเข้าไปที่สตูดิโอพิเศษ สำหรับชมรมพวกเขา

ระบบตรวจสอบของมหาวิทยาลัยไม่ได้ เข้มงวดอะไร แต่ว่า ระดับต่างกัน ได้รับ การปฏิบัติก็ต่างกัน

เห้อหลิงจือเป็นหัวหน้าห้อง ถูก มหาวิทยาลัยต้องการทุกห้องจำเป็นต้อง มีสมาชิกชมรมอย่างน้อยสามคน ดังนั้น เธอสามารถสมัครได้

แต่เพราะขนาดของชมรมยากที่จะ อธิบาย ดังนั้นสตูดิโอนี่ที่ลงสมัคร ก็ยาก ที่จะอธิบายเช่นกัน “พระเจ้า ที่นี่ …..แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่ ห้องอเนกประสงค์น่ะ ? “ซูเสี่ยวหมี่เข้า มา ก็เกือบจะตกใจจนตะลึง

สตูดิโออยู่ชั้นบนสุดในมุมที่ห่างไกลสุด ถัดจากกำแพงก็คือบันได

เนื้อที่ทั้งสตูดิโอไม่ถือว่าเล็ก แต่ วาง เครื่องดนตรี กระดานวาดบางส่วน คอม เก่าๆที่พังหมดแล้วไม่น้อย เป็นต้น

ในสตูดิโอมีแค่คอมสองเครื่อง ต่างเป็น คอมเก่าๆที่ทิ้งไว้

ส่วนกระดานวาดรูป ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขา พกกันมาเอง รุ่นกระดานที่ทิ้งไว้ก็เก่าจน ใช้ไม่ได้แล้ว

ที่จริงจะโทษซูเสี่ยวหมี่ที่ตกใจขนาดนี้ ไม่ได้ เพราะว่าตอนที่เดินมา สตูดิโอของ คนอื่นสวยมาก

ส่วนพวกเขาก็ ……ก็คำนั้นแหละ ยากที่ จะอธิบาย

ในสตูดิโอยังมีผู้ชายอีกสองคน ต่างเป็น เพื่อนร่วมห้องพวกเขา

หนึ่งในนั้นหลังจากทักทายเห้อหลิงจือ ก็พยักหน้าให้กู้อานหยานกับซูเสี่ยวหมี่

ส่วนอีกคน เขานั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เหมือนกำลังวาดอะไร ไม่สนใจพวกเขา เลย

“พวกเขาคือสมาชิกของชมรมเรา หลิว ช่างกับฉินโจว”

เห้อหลังจือก็ทำตัวไม่ค่อยถูก เมื่อมอง ไปทั่วห้องชมรม น่าจะห้องทำงานชมรม ของพวกเราก็ ……แค่ก ธรรมดาที่สุด

“พูดอีกอย่างว่า ชมรมรวมฉันกับอาห ยาน มีแค่ห้าคน ? ”

“ไม่ สี่คน “เห้อหลิงจ่อยิ้มอย่าง อึดอัด เอ่อ เพราะว่าฉันเป็นหัวหน้าห้อง เอ่อ…..แค่ก ฉันคือผู้ก่อตั้ง แต่…..ฉัน วาดไม่เป็น”

เสี่ยวหมี่ก็ดูท้อแท้ทันที หมายความว่า ชมรมพวกขา จริงๆแล้วมีแค่สี่คน

“เอ่อ ผม……ผมก็ไม่ได้ทำได้มาก ……”หลิวบางยกมือ ม รอยยิ้มดูโง่”ผ ลงสี……ได้จำกัด”

เงียบไป เขาก็พูดอีก : “แต่ผมชอบวาด มาก จริต ความคิดของผม ท.I ผมจะต้องเป็นจิตรกรที่โดดเด่น ! ”

กู้อานหยานไม่พูดอะไร อารมณ์หม่นลง ซูเสี่ยวหมี่ยมให้เขา ถือว่าปลกใจ แต่ ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาปลุกไม่ปลุกใจ แต่เป็น ……..

“ก็หมายความว่า ชมรมเรายังไม่มีผล งานวาดที่สำเร็จ ? “

เดือนหน้าจัดงานนิทรรศการการ์ตูน ไม่มีผลงานของตัวเอง ไม่มีทางเข้าร่วม การแข่งขันได้

เห้อหลิงจือขยับแว่นอีก ทำอะไรไม่ ถูก : “ที่จริงฉัน…..ก็ไม่คิดถึงแข่งขัน แต่ ถ้าไม่เข้าร่วม ก็รอครึ่งปีหลังก็ได้” “พวกคุณรู้ ฉันเป็นหัวหน้าห้อง ก็อยาก ให้ชมรมของห้องเรามีคะแนนมาก ดังนั้น ฉันลงชื่อแล้ว”

กู้อานหยานกับเสี่ยวหมี่สบตากัน

ลงชื่อ ไม่เท่าไหร่ แต่ ถ้าไม่มีผลงาน ลงชื่อไปก็ลงไปเท่านั้น

แต่ เห้อหลิงจือก็พูดถูก ไม่เข้าร่วม ก็ ต้องรอครึ่งปีหลัง

ครึ่งปี นานมากไปแล้ว

“ผมสามารถเชิญนักเรียนชั้นอื่น เข้า ชมรมพวกเราได้นะ ? ”

หยางอีก็เป็นนักวาดรูป ถ้าได้เขาพาเข้า มา อย่างน้อยซูเสี่ยวหมี่ก็เชื่อใจชมรม พวกเขาขึ้นมาบ้าง

แต่ ตอนนี้เริ่มทําการ์ตูนขึ้นมา หนึ่ง เดือนทำสิบบท

สิบบท สำหรับเรื่องยาวๆแล้ว ก็เป็นแค่ เปิดเรื่อง

ไม่มีคะแนน ไม่มีชื่อ ตอนที่เข้าร่วมการ แข่งขันก็จะเสียเปรียบ แม้แต่ด่านแรกก็ อาจจะไม่ผ่านด้วยซ้ำ

แต่ความเร็วของการวาดเป็นแบบนี้ หนึ่ง เดือนสิบบท หนึ่งบทประมาณสี่สิบเฟรม ปริมาณงานเป็นจิตรกรเต็มตัว

พวกเขายังเป็นนักเรียน ถึงจะโอที ก็ ทำได้แค่นี้

มากกว่านี้ ก็วาดไม่ได้แล้ว “ไม่ได้ พวกเราแค่ชมรมห้อง ไม่ สามารถรับนักเรียนห้องอื่นได้”

เห้อหลิงจือส่ายหน้า ข้อจำกัดที่ มหาวิทยาลัยมีต่อชมรมเล็กๆของพวก เขามีมาก

ยังไงซะ ชมรมมักจะเข้าร่วมกิจกรรม ของสังคมอยู่แล้ว มีผลต่อภาพลักษณ์ มหาวิทยาลัยอย่างมาก

“ชมรมแบบนี้ของเรา ไม่สามารถออก จากวิทยาลัยได้ ใช้นามของมหาวิทยา ลัยหนิงปอรับงาน ต้องอัปเกรดก่อน

กู้อานหยานเข้าใจแล้ว มหาวิทยาลัยก็ เพื่อปกป้องภาพลักษณ์ไม่ให้ได้รับผลก ระทบ

อยากใช้ชื่อของมหาวิทยาลัยหนิงปอรับ งานนอกได้ แต่ จําเป็นต้องอัปเกรดชมรม ก่อน ความสามารถต้องเป็นที่ยอมรับจาก มหาวิทยาลัยก่อน

“งั้น แอบช่วยได้ไหม ? “ซูเสี่ยวหมี่นับ นิ้ว

“แอบน่ะได้ แต่ ใครจะยอมวาดแต่ไม่ ลงชื่อล่ะ ? ”

เห้อหลิงจือยักไหล่ อย่างช่วยไม่ ได้ : “คุณก็รังแกคนอื่นขนาดนี้ไม่ได้ใช ไหมล่ะ ? ”

เสี่ยวหมี่กัดนิ้ว มองกู้อานหยาน

ก็ไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เจอปัญหาที่ ไร้ทางแก้ ก็เอาความหวังทั้งหมดไปไว้ที่ กู้อานหยาน กู้อานหยานไม่พูดอะไร เดินไปที่หน้า คอมของหลิวซ่าง

หลิวซ่างกำลังลงสี ถึงแม้รู้ว่า ประสบการณ์ตัวเองไม่มากพอ แต่ เพราะ ว่าชมรมมีแค่เขาที่ลงสี ให้กู้อานหยานดู ถือว่ามั่นใจเล็กน้อย

แต่คำพูดของกู้อานหยาน กลับทำความ มั่นใจของเขาแตกสลายทันที : “แสง และเงาอ่อนไป ลำดับสีก็ไม่ดี ดูสลัวเกิน ไม่มีความสดใหม่เลย”

กู้อานหยานจ้องภาพวาดในคอม ท่าทางจริงจัง

คนที่เข้าใจเธอต่างรู้ เวลานี้กู้อานหยาน ดูไม่มีรักษาน้ำใจ แต่ เธอพูดอย่างจริงใจ มาก หลิวซ่างถูกว่าก็รู้สึกผิด : “คุณ…….ลง สีเก่ง ? ”

“ไม่ใช่ฝีมือเยี่ยมอะไร ก็แค่เคยเรียนมา บ้าง”

หลิวซ่างก็ไม่มั่นใจทันที : “ที่ผมลงสีไป

“ถ้าคุณสามารถทำได้ดีที่สุดแล้ว งั้น ใน สายนี้ คุณน่าจะไม่มีศักยภาพจริงๆ”

กู้อานหยานคำนี้ทำให้คำที่หลิวซ่างจะ พูด ติดอยู่อย่างนั้น

หลิวซ่างขยับปาก แต่พูดอะไรไม่ออก

เลย

สุดท้าย เขาก้มหน้าลง บ่นเบาๆ : “งั้น คุณ….คุณก็ต้องเอาผลงานตัวเองมา ก่อน คำวิจารณ์ ใครก็พูดได้..….….….

กู้อานหยานไม่สนใจ ระดับการลงสีนี้ ไม่ สามารถสำเร็จได้

มองพักหนึ่ง เธอก็ถามอีก : “รูปนี้ คุณ เอามาจากไหน ? วาดเองเหรอ ? ”

ดูคุ้นมาก เหมือนจะเคยเห็นใน อินเทอร์เน็ต

หลิวซ่างทนไม่ค่อยไหว : “รูปที่หาใน เน็ตเอา ส่วนสีตัวเองลง แค่จะให้หัวหน้า ดูผลลัพธ์”

เขารู้ว่าประสบการณ์ของตัวเองยังไม่ พอ แต่เขาชอบวาดจริงๆ ใครว่าเข้าชมรม จะต้องเก่งถึงจะเข้าได้ล่ะ ? เวลาที่เขาสัมผัสกับการวาดรูปไม่นาน ตอนนี้ความสามารถเลยมีจำกัด แต่ ไม่ได้ รับประกันว่าอนาคตจะไม่เก่ง !

แต่สายตาวิจารณ์ ของกู้อานหยาน ทำให้คนรู้สึกแย่จริงๆ

“หัวหน้า ผมยังมีธุระ ไปก่อนนะ”เก็บ ของเรียบร้อย หลิวซ่างก็จะปิดคอม

กู้อานหยานกลับกดเมาท์ มอง เขา : “ภาพนี้ นอกจากต้นฉบับที่คุณหา ในเน็ต อันอื่นคือคุณทำเหรอ ? ”

“ใช่ ! ไม่เชื่อคุณก็ไปดูในเน็ต ทั้งหมด ต่างไม่มีการจับสี ! ผมไม่ได้เอาการลงสี ของคนอื่น มาเป็นผลงานตัวเอง !

หลิวซ่างโกรธ หยิบกระเป๋าเรียนของตัว เอง หมนตัวออกไป เขาปิดประตูห้องเสียงดัง กรอบประตูสั่น ทำให้กังวลจริงๆ

สตูดิโอนี้ ความจริงแล้ว……ยากที่จะ อธิบาย
201628418_273202354581355_1611618131210396308_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ