บทที่84 นี่มันจะมาเอาชีวิตชัด ๆ
กู้อานหยานอยากจะพูดแบบไม่เกรงกลัวอะไรเลยจริง ๆ ว่า “แม่จะไม่กลับซะ อย่าง!”
แต่ว่า สุดท้ายกลับเปลี่ยนเป็นประโยคพวกนี้ “วันนี้ที่มหาลัยมีกิจกรรม จะ ต้องอยู่ทำจนดึก คืนนี้ฉันไม่กลับไปแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องเรียนหนังสืออีก
พอวางสายลง ซูเสี่ยวหมี่กะพริบตาให้เธอ
“อะไรคือมีกิจกรรมที่มหาลัย? เธอกำลังนัดกับผู้ชายอยู่ชัด ๆ ! เธอจบแน่ ๆ ถ้าคุณชายใหญ่มู่รู้เรื่องเข้า ต้องถลกหนังเธอแน่ ๆ
ที่นี่มีหยางอีกับเทียนโยว ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายทั้งนั้น และยังเป็นผู้ชายที่ หล่อขนาดนี้ แอะ หรือเด็กผู้ชาย
เธอถึงขนาดโกหกว่ามีกิจกรรมที่มหาลัย นี่มันปิดบังและหลอกลวงกันอยู่เห็น 7!
“ปากเธอใหญ่ขนาดนี้ จะโทรหาคุณชายใหญ่มู่สักหน่อยไหมล่ะ บอกเขาว่า ฉันโกหกเขาเลยไหม?”
กู้อานหยานค้อนเธอไปทีหนึ่ง แล้วเอาโทรศัพท์ยื่นไปวางลงตรงหน้าเธอ “มา เธอมีปัญญา เธอก็ไปฟ้องเลย ไม่แน่คุณชายใหญ่มู่อาจจะให้เงินค่าฟ้องความ ลับเธอก้อนหนึ่งก็เป็นไปได้” เสี่ยวหมี่กลับมองโทรศัพท์เธอ แล้วก็หดหัวกลับมา
“อย่า ผู้ชายของบ้านเธอน่ากลัวขนาดนี้ ฉันจะไม่เข้าใกล้เขาเด็ดขาด!
ผู้ชายแบบคุณชายใหญ่ ถึงแม้จะหล่อเหลาทำให้คนหลงไม่คิดชีวิต แต่ สำหรับซูเสี่ยวหมี่แล้ว กล้าแค่ดูอยู่ไกล ๆ แต่ไม่กล้าเข้าไปแหย่ใกล้ ๆ หรอก
ความเย็นในตัวเขาที่ทำให้คนเย็นยะเยือกไปจนกระดูกกลายเป็นน้ำแข็ง กระทั่งความดุดันตั้งแต่หัวจรดเท้าเฉพาะตัวของเขา ถ้าใครเข้าใกล้ ก็อาจจะ หายวับไปในพริบตา ได้
และก็คงมีแต่คนใจกล้าแบบอ่านหยานนี่แหละ ที่กล้าเป็นคู่หมั้นของเขา
เขาชูเสี่ยวหมี่ไม่กล้าหรอก แค่เดินเข้าใกล้สองก้าวก็มีความกดดันสูงเท่ากับ ภูเขาแล้ว
“ในเมื่อไม่กล้า ก็อย่าพูดมากขนาดนี้!”
กู้อานหยานเก็บโทรศัพท์กลับมา ทำความสะอาดสำนักงานมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยจนนั่งยังนั่งไม่ไหวแล้ว
เทียนโยวคนดี รีบเอาไหล่ของนายเสียสละออกมาเร็ว
มู่เทียวโยว่ขยับเก้าอี้ไปข้าง ๆ เธอ เพื่อให้เธอพึงบนตัวเขาได้
ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนซี้ที่อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว ไม่เคยรู้สึกว่าการ กระทำแบบนี้มันมีอะไร แต่ว่า ผู้ชายที่อยู่ในรถไกล ๆ กลับมองจนนัยน์ตาอย่าง
กับป่าอาถรรพ์ที่หนาวเหน็บ
มหาลัยมีกิจกรรม ต้องอยู่จนดึกเหรอ?
มาก!
หมั้นกันแค่ผ่านไปไม่กี่วัน ก็พูดโกหกเป็นแล้ว ผู้หญิงคนนี้นี่
“คุณ คุณชายใหญ่ครับ อาจจะเป็นเพราะว่ากิจกรรมที่มหาลัยเพิ่งเลิกก็ได้
แล้วตอนนี้ก็ออกมากินข้าวกัน……
หลีเย่ไม่กล้าช่วยคุณผู้หญิงแก้ตัวต่อ ในเมื่อ คุณผู้หญิงพิงไหล่ของผู้ชายคน นั้นไว้ เป็นความจริงที่โต้แย้งไม่ได้
แต่ว่า ท่าทางของคุณชายใหญ่ตอนนี้ช่างทำให้คนกลัวจริง ๆ
คุณผู้หญิง….. ก็แล้วบุญแต่กรรมเถอะนะครับ
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างหลังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ หลีเย่แอบมองจาก กระจกมองหลังอยู่หลายครั้ง เขาแค่จ้องมองเงาร่างที่อยู่ไกล ๆ พวกนั้นด้วย สายตาเยือกเย็น
แววตาทั้งสองข้างนั้นขรึมลง นัยน์ตาเหมือนป่าอาถรรพ์ หลีเย่ก็ไม่รู้ว่าเขา
กำลังคิดอะไรอยู่
แต่ว่า ความไม่ดีใจนั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อการที่คุณผู้หญิงโกหก นี่ ถือเป็นการยั่วยุต่อเขา
สำหรับกู้อานหยานที่อยู่ฝั่งร้านนั่งกินเล่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร พอกิน ไปกินไปก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังคอขึ้นมา
พอหันกลับไปมอง ข้างหลังก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
แล้วดูรอบข้าง ก็ไม่พบอะไรแปลก ๆ เลย
“มีอะไรเหรอ?” เทียนโยวที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกถึงความผิดปกติของเธอเป็นคนแรก
กู้อานหยานนั่งตัวตรง แล้วไปรอบทิศทางเสร็จแล้วก็ส่ายหัว “ไม่มีอะไร
แค่มักจะรู้สึกว่า เหมือนมีสายตาคู่หนึ่งที่หนาวจนทำให้น้ำแข็งแข็งตัวได้คอย จ้องมองตัวเองอยู่ตลอดเวลา
อาหารถูกนำขึ้นมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว หยางกับซูเสี่ยวหมี่ที่สังเกตไม่เห็น อะไรรีบก้มหน้าก้มตากิน
กู้อานหยานก็ยังอดไม่ได้เหลียวกลับไปมอง แต่ก็ยังไม่พบอะไรผิดปกติเช่น
เดิม
เพียงแค่ มีความรู้สึกคล้ายโดนเสือชีต้าจดจ้องอยู่ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเลย
จริง ๆ
“ฉันไม่เห็นอะไรเลย” เทียนโยวเลื่อนโจ๊กชามหนึ่งมาไว้ตรงหน้าเธอ “อย่า คิดมากเลย กินให้ชมก่อนค่อยว่ากัน”
“อืม” เธอก้มหัวแล้วค่อย ๆ กินทีละซ้อน ทีละช้อนขึ้นมา
ปกติเทียนโยว์จะมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นอายอันตราย ในเมื่อเขาพูดว่าไม่มี อะไรก็คงไม่น่าจะมีอะไร
ตัวเธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ตั้งแต่ที่โกหกกับคุณชายใหญ่มู่แล้ว ในใจก็ รู้สึกอยู่ไม่สุขตลอดเวลา
เหมือนกับว่าในใจกลัวความผิดอย่างงั้น
คำพูดโกหกพูดไปเรื่อยไม่ได้จริง ๆ ดูอย่างตอนนี้รู้สึกกดดันในใจมาก
ถ้าหากโดนคุณชายใหญ่จับได้ว่าเธอโกหกเขาขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าจะมีผลตาม มายังไงบ้าง?
ผู้ชายคนนั้น บางครั้งก็น่ากลัวมากจริง ๆ ……
“อ่านหยาน ซี่โครงเกลือและพริกไทยที่เธอชอบที่สุด เอาไหม?”
“เอา!”
ในที่สุด ความรู้สึกที่เหมือนว่าโดนเสือชีต้าจ้องก็ได้จางหายไปแล้ว
ในวินาทีที่เธอก้มหัวลงนั้น เหมือนเธอจะได้ยินเสียงรถสตาร์ทมาจากที่ไกล ๆ หรือเธอคิดไปเองเหรอ? หลังจากที่กินอิ่มผมพอแล้ว อ่านหยานกับซูเสี่ยวหมี่ก็จะกลับหอพักแล้ว
หยาง กับเทียนโยวถึงจะพักอยู่นอกมหาลัย แต่ว่าก็ไม่วางใจให้สองสาวกลับ เอง เลยตามไปส่ง
จากสำนักงานถึงมหาลัยระยะทางไม่ไกลมาก และเดินไปก็ถึง
แต่ว่า ระหว่างทางจะต้องผ่านทางเปลี่ยวเส้นหนึ่ง
ทางเส้นนี้สองข้างทางเป็นสวนสาธารณะแบบเปิด มาเดินตอนกลางวันจะรู้สึก ว่าดอกไม้ใบหญ้าสองข้างทางสวยมาก อากาศบริสุทธิ์ทำให้คนรื่นรมย์
แต่พอกลางคืนมาเดินอยู่บนถนนสายนี้ กลับทำให้มีความรู้สึกกลัวเหมือนอยู่
ในป่าทึบยังไงไม่รู้ ตั้งแต่มู่เทียนโยวเดินเข้ามาในทางสายนี้แล้ว หัวคิ้วก็ค่อย ๆ ขมวดขึ้น
ความรู้สึกไม่ชอบมาพากล ผ่านเข้ามาในจิตใจ
แค่เดินไปสิบกว่าก้าว อยู่ ๆ ขาเขาก็หยุดลง แล้วพูดเสียงเบาว่า “รอก่อน
ทำไมเหรอ?” สามคนที่อยู่ข้างหน้าหยุดเดิน กู้อานหยานหันกลับมามองเขา “มีอะไรผิดปกติเหรอ?”
มู่เทียนโยว่ไม่ได้อธิบาย แต่ว่าอยู่ ๆ ก็จับมือกู้อานหยานไว้ แล้วเดินกลับทาง เก่า “หยางอี เปลี่ยนเส้นทาง” “ได้” หยางอีเดินเข้าไปลาก เสี่ยวหมี่ แล้วรีบเดินตามไปข้างหลังพวกเขา
ห้ไกล ๆ พวกอันธพาลสิบกว่าคนที่หลบซ่อนตัวอยู่สองข้างทางสีหน้าเปลี่ยน เป็นขรึมลงทันที
ระยะห่างตั้งไกลขนาดนี้ รู้ได้ยังไงว่าพวกเขาหลบซ่อนอยู่
เด็กหนุ่มที่ตัวสูงสุดคนนั้น สัญชาตญาณดิบของเขาสูงจนน่ากลัวจริง ๆ !
หนึ่งในนั้นรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาโทร “พวกเขาไม่ผ่านทางนี้ พวกนายไป สกัดไว้ได้เลย!”
คืนนี้พวกเขาเตรียมตัวมาแล้ว ที่หลบซ่อนอยู่ตรงนี้เป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มที่ แบ่งมาเท่านั้น
เพราะฉะนั้น พวกมเทียนโยว์ทั้งสี่คนยังถอยกลับไปไม่ถึงปากทางเลย คนอีก กลุ่มหนึ่งก็เข้ามาดักไว้แล้ว ทำให้ทางถอยของพวกเขาโดนอุดตายไปแล้ว!
“ช่วยด้วย! ฆ่าคนแล้ว!”
กู้อานหยานกับซูเสี่ยวหมี่คิดก็ไม่คิด ก็รีบตะโกนขึ้นมา
ที่นี่ห่างจากปากทางไม่ถึงสิบเมตร ขอแค่สามารถทำในผู้คนบนท้องถนนข้าง นอกสังเกตเห็น บางทีอาจจะมีคนช่วยแจ้งตำรวจให้ “ยัยเด็กโง่ หุบปาก! ผู้ชายสองคนที่มีมีดอยู่ในมือ รีบพุ่งตัวมาทางมู่เทียนโย และอานหยวน
พวกคนที่อยู่ข้างหลังก็เห็นได้ชัดว่าในมือถือมีดสั้นกันไว้ พริบตาเดียวก็พุ่งมา ทางพวกเขา
มู่เทียนโบว์ดึงอานหยานไปข้างหลัง แล้วก็หนึ่งหมัดเหวี่ยงไปทางผู้ชายที่ ลอบเข้ามาข้างหน้า
เทียนโยว ระวัง!” กู้อานหยานพึมพำขึ้นเสียงเบา ตาเห็นว่ามีดฟันลงมาทาง ” หมัดของมู่เทียนโบว์แล้ว
อีกฝ่ายเขามีมีดนะ แต่ในมือเทียนโยวกลับไม่มีอะไรสักอย่าง
หยางอีเอาหญิงสาวสองคนคุ้มกันไว้ข้างหลัง อยากจะเข้าร่วมศึกนี้ด้วย แต่ว่า เขาต่อสู้ไม่เป็นนี่!
ได้แต่มองมู่เทียนโยต่อสู้ด้วยมือเปล่ากับมีดของคนอื่นอย่างตาละห้อย แม้แต่จะร้องเตือนยังไม่ทันเลย
ในช่วงที่มืดใกล้จะฟันโดนหมัดของมู่เทียนโยวนั้น อยู่ ๆ ข้อมือของมู่เทียนโย ว่ก็หมุนเปลี่ยนทิศทาง ห้านิ้วคว้าจับขึ้น หมัดกลายเป็นเหมือนกรงเล็บ
เสียงกึกดังขึ้น แล้วผู้ชายที่ถือมืดก็ร้องเสียงหลง ข้อมือของเขาเหมือนจะหัก แล้ว
และมีดที่อยู่ในมือของเขา ก็เปลี่ยนมาอยู่ในมือของเทียนโยว์ในพริบตา ในที่สุดมือของเขาก็มีอาวุธจนได้
กู้อานหยานและซูเสี่ยวหมี่ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ถือว่าหาความมั่นใจกลับมาได้บ้าง แล้ว
แต่ว่า สถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ ยังไม่ควรมานั่งยินดีจริง ๆ
ข้างหน้ามีคนดักไว้สิบกว่าคน ข้างหลังก็มีคนกำลังพุ่งตามมาอีกเป็นสิบคน
คนพวกนี้ในมือล้วนแล้วแต่มีอาวุธ ดูไม่เหมือนพวกนักเลงที่เปฟางฟางเคยพา
มาก่อนหน้านี้
คนพวกนี้ถือว่าเป็นอันธพาลในสังคมของจริง! ลงมือแต่ละทีก็เป็นแบบโหด
สุด ๆ แบบนั้น !
ดูจากท่าทางเหล่านี้แล้ว นี่ไม่ใช่การหาเรื่องธรรมดาแล้ว นี่มันตั้งใจจะมาเอา
ชีวิตชัด ๆ !
ตกลงเป็นใครกัน ที่ต้องการจะเอาชีวิตของพวกเขาให้ได้ขนาดนี้?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ