ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 51 แสดงละครเหรอ ใครจะไม่เป็น?



บทที่ 51 แสดงละครเหรอ ใครจะไม่เป็น

เช้าตื่นมา กู้อานหยานก็โทรหาหยางเลย

“เสี่ยวหมี่ไม่เป็นไรแล้ว ตอนนี้ตื่นแล้ว กำลังกินโจ๊กอยู่ หมอบอกว่า รอสภาพจิตใจเธอดีขึ้นกว่านี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ

เสียงของหยางอีฟังดูยังมีความกังวลอยู่บ้าง “อานหยาน เธอกับ คุณชายใหญ่…..เป็นยังไงบ้าง? เขาคงไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ หรอกนะ”

“ไม่ทำหรอก กลับมาก็เข้านอนแล้ว ฉันก็เข้านอนคนเดียวแล้ว” …ไม่ใช่ซิ ฉันหมายถึง กลับมา

กู้อานหยานไอกระแอมเบา ๆ ทำไมมีความรู้สึกเหมือนยิ่งแก้ตัวยิ่ง ไปกันใหญ่นะ?

“เธอก็ต้องนอนคนเดียวอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้น คุณชายใหญ่มู่เหรอ จะยอมมานอนกับเธอด้วย? ใครจะไม่รู้ว่าพวกเธอแต่งงานกันเพราะ

ธุรกิจ?” หยาง ยิ้มแฮะ ๆ ไม่กังวลสักนิดว่าคำพูดตัวเองจะไปทำร้ายจิตใจ

คนอื่น

ไอ้คนบ้า! เธอแย่ขนาดนี้เลยเหรอ?

อานหยานอยากจะเตะมันทีเดียวให้บินไปเลย! แต่ว่ามาคิด ๆ ดู แล้ว การแต่งตัวปกติแบบนี้ของเธอ แค่ผู้ชายที่อยู่เหนือคนอื่นแบบ คุณชายใหญ่ม่ยอมมองเธอนานขึ้นสักนิด ก็ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ แล้ว

ยิ่งไม่ต้องพูด ว่าจะยอมนอนกับเธอ

ก็ใช่ เธอมันอัปลักษณ์ขนาดนี้นี่

พอวางสายแล้ว อานหยานก็เดินเข้าห้องน้ำ มองเงาตัวเองใน กระจก

ทั้ง ๆ ที่ริมฝีปากแดง ฟันขาวสวย ใบหน้าผ่องใสไร้ริ้วรอย ไม่รู้สวย ขนาดไหน

แต่เธอรู้ชัดเจนดี เดี่ยวใบหน้านี้ก็จะกลายเป็นน่าเกลียดแล้ว

แต่ก็จนปัญญา พอล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ กู้อานหยานก็เริ่มแต่ง แต้มใบหน้าให้กับตัวเอง

ชาติที่แล้วพอหน้าตาที่แท้จริงของตัวเองถูกเปิดเผยแล้ว เธอโดนผู้ หญิงทั้งหลายของตระกูลมู่ปองร้ายอยู่ตั้งนาน

แต่ว่าชาตินี้ ตัวเองยังเป็นสาวอัปลักษณ์อยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไม ถึงเริ่มมีคนปองร้ายเธอแล้ว?

คนที่สามารถทำให้มู่บ้านเปียปกป้องได้ ก็มีแค่คนในตระกูลมู่ เท่านั้น แต่เธอยังไม่ทันได้แต่งเข้าบ้านเลยก็เริ่มลงมือแล้ว คนคน นั้นคือใครกันนะ?

“คุณผู้หญิง คุณชายใหญ่กำลังรอคุณอยู่ค่ะ วันนี้ต้องกลับไปตระ กูลมู่เพื่อไปพบคุณท่านและคุณหญิงใหญ่ค่ะ”

สาวใช้กำลังเคาะประตูอยู่ข้างนอก

ในที่สุดกู้อานหยานก็วาดกระอันสุดท้ายเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำ …รู้แล้ว”

ตอนที่กู้อานหยานเดินลงมา มู่จ้านเป่ยกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เข้าอยู่ที่โต๊ะอาหาร ในยุคที่ข่าวสารสังคมออนไลน์กำลังบูมขนาดนี้ คุณชายใหญ่ยัง รักษาความเคยชินในการอ่านข่าวเศรษฐกิจยามเช้า ก็ไม่รู้จะพูดว่า เขามีรสนิยม หรือควรจะว่าเขาหัวโบราณ

แต่ว่า ถึงแม้จะไม่อยากยอมรับแต่อานหยานก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณชายใหญ่มู่ที่ตั้งใจอ่านหนังสือพิมพ์ดูมีเสน่ห์มากจริง ๆ

เธอนั่งลงตรงที่ตรงข้ามเขา อานหยานก็ยังอดไม่ได้ที่จะแอบมอง เขาสักหน่อย

ก่อนที่ชายหนุ่มจะวางหนังสือพิมพ์ลง เธอรีบชักสายตากลับมา รีบ พูดกับพ่อบ้านฉินหมิงว่า “เสริฟอาหารเช้าได้แล้ว ”

“ครับ คุณผู้หญิง ”

ท่าทางสง่างามของหญิงสาว ทำให้ฉินหมิมีความรู้สึกผิดปกติ เหมือนกับว่าคุณผู้หญิงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานแล้ว เหมือนเป็นเจ้า นายผู้หญิงของที่นี่อย่างเต็มตัวแล้ว

แต่ว่า ความเป็นเจ้านายผู้หญิงแบบนี้กลับไม่ทำให้คนคัดค้าน แม้ กระทั่ง มีความรู้สึกว่าแน่นอนอยู่แล้ว

ไม่พูดก็ไม่ได้ เจ้านายผู้หญิงคนใหม่นี้ ช่างเหมาะสมกับบ้านนี้ จริง ๆ

ฉินหมิงรีบสั่งให้คนรับใช้นำอาหารเข้ามาเสริฟ

ของคุณชายใหญ่มู่เป็นกาแฟหนึ่งแก้ว แซนวิชหนึ่งอัน และไข่ดาว

สองฟอง

อาหารเช้าของอานหยานนั้นมีหลากหลายรูปแบบ มีติ่มซำเกือบ สิบอย่าง ส่วนใหญ่เป็นของหวาน

อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกาฝากที่อยู่ข้างกายมู่บ้านเป่ยจริง ๆ ตัวเขาขยันทำงานหาเงินทุกวัน แต่เธอนอกจากกินนอนเที่ยวทุก

วันแล้วก็ไม่ทำอะไรเลย

แน่นอนว่า ที่พูดถึงนั่นมันเรื่องของชาติที่แล้ว

คนแบบนี้ มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ถือว่าเป็นส่วนเกินจริง ๆ

เพราะฉะนั้นเธอตัดสินใจแล้ว ชาตินี้ เธอจะต้องพึ่งตัวเองให้ได้!

ลุงหมิงตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่ต้องเตรียมอาหารให้ฉันเยอะแยะ ขนาดนี้แล้ว ฉันไม่เลือกกินและกินได้ไม่เยอะ นมหนึ่งแก้ว แล้วก็ ขนมหวานหนึ่งชุดก็พอแล้ว” ฉินหมิงมองดูปูจานเป่ย มีท่าทางลังเล

เรื่องทุกอย่างในบ้านนี้ ก็ต้องเอาตามที่คุณชายใหญ่ว่าทั้งนั้น แล้ว คุณผู้หญิงขออาหารแค่นี้ ถ้าพวกเขาทำตามที่เธอว่าจริง ๆ ไม่รู้ว่า คุณชายใหญ่จะไม่พอใจหรือเปล่า?

ถึงแม้ โดยปกติคุณชายใหญ่จะไม่ใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ พวกนี้อยู่แล้ว

มู่บ้านเป่ยวางแก้วกาแฟลง มองเขาสายตาเฉยชา ต่อไปเรื่องใน

บ้าน ให้ทำตามที่เธอว่า

เรื่องในบ้านนี้ ให้ทำตามที่เธอว่า

คำพูดแบบนี้ เปลี่ยนเป็นผู้หญิงคนไหนได้ฟัง ก็คงซาบซึ้งจน ร้องไห้แน่ ๆ

แต่กู้อานหยานกลับมีแค่ความโศกเศร้านิดหน่อย ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ ยิ่งพบว่าชายหนุ่มตรงหน้ากับคุณชายใหญ่มู่ที่ใจดำท่าเธอชอกช้ำ ใจเมื่อชาติที่แล้วช่างต่างกัน

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าต้องอยู่ห่าง ๆ ไว้ แต่กลับไม่รู้ทำไมยิ่งอยู่ยิ่งเข้าไปใกล้ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป เธอคงจะถอนตัวไม่ขึ้นในที่สุด

อยู่ ๆ จิตใจก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา กู้อานหยานวางตะเกียบลง แล้วลุก ขึ้นยืน ” ฉันอิ่มแล้ว”

เธอหมุนตัวจะเดินหนี ข้างหลังกลับได้ยินเสียงต่ำที่แฝงความไม่ พอใจของชายหนุ่มดังขึ้น “ดื่มนมให้หมดก่อน

น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนคำสั่ง ทำให้จิตใจลึก ๆ ที่อยากจะต่อต้านของ กู้อานหยานพุ่งขึ้นมาทันที

“เยอะเกินไป ดื่มไม่หมด” เธอไม่ใช่หมูซะหน่อย แก้วใหญ่ขนาดนี้ จะดื่มยังไงไหว?

“จะให้ฉันป้อนเธอเหรอ?” เขาวางมีดกับซ่อมลง แล้วจ้องหน้าที่ดื้อ

ดึงของเธอเขม็ง

ไอ้หมอนี่ กำลังขู่เธอชัด ๆ

กู้อานหยานมองค้อนเขาทีนึง สะบัดเสียง ชื่อ เย็น ๆ ทีนึง แล้วหมุน ตัวเดินจากไป

เดินจากไปอย่างนี้จริง ๆ เหรอ! ฉินหมิงจิตใจหวิวหวิว นี่ยังเข้าอยู่เลย ทำไมเริ่มทะเลาะกันแบบนี้ แล้ว?

คุณผู้หญิงคนนี้ ช่างมีพลังชีวิตที่เปี่ยมล้นจริง ๆ แม้แต่คุณชาย ใหญ่เธอก็ไม่กลัว!

ก็ไม่รู้ว่าจะชื่นชมเธอคำหนึ่งว่า ทำดีจริง ๆ หรือว่าควรจะร้องไห้ เสียใจกับโชคชะตาที่เหลือของเธอดี

ในบ้านนี้ ไม่เคยมีใครกล้าท้าทายคุณชายใหญ่แบบนี้มาก่อน ไม่ เคยมีเลยจริง ๆ !

“คุณ คุณชายใหญ่ ผมว่า….แก้วนี้มันอาจจะใหญ่เกินไปจริง ๆ ครับ ครั้งหน้า ครั้งหน้าผมจะให้เขาเปลี่ยนให้เล็กลงครับ”

มู่บ้านเป่ยไม่พูดอะไร ใบหน้าที่สงบนิ่ง ตอนนี้กลับปกคลุมไปด้วย ความอึมครึม

ยัยเด็กนี่ ดีมาก! จนถึงตอนนี้ก็ยังดื้อดึงกับเขาอีก!

เขาหยิบมีดซ่อมขึ้นมาใหม่ แล้วกินอาหารต่อ หน้าที่เรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ใด ๆ แล้ว อย่างกับเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลีเย่เดินเข้ามาจากข้างนอก หอบกุหลาบแดงสีสันสดใสมาซ่อนึ่ง พูดอย่างร่าเริงว่า ” คุณชายใหญ่ กุหลาบที่คุณเลือกมาถึงแล้ว เครื่องบินเพิ่งลำเลียงสด ๆ มาถึงเมื่อเช้า…

“ใสหัวไป!”

รถหยุดลงที่โรงรถตระกูลมู่ หลีเย่ลงจากรถแล้ว ก็รีบไปเปิดประตู ให้ทั้งสองคน

ข้าวใหม่ปลามันคู่นี้ หลังจากหมั้นกันแล้วก็เพิ่งกลับมาบ้านนี้อย่าง เป็นทางการครั้งแรก

แต่ว่าระหว่างที่เดินมาตามทางเดิน กลับไม่มีความหวานแบบคู่รัก

สักนิด

ตลอดทางที่เดินตรงไปยังบ้านใหญ่ ไม่เพียงไม่มีการโต้ตอบกัน แม้แค่คำพูดก็ยังไม่มีการพูดกันสักคำ

ตอนที่จะถึงห้องโถงใหญ่ของบ้านใหญ่นั้น หลีเปลองเสี่ยงตายพูด อะไรบ้าง มู่บ้านเป่ยถึงจะมองกู้อานหยานแล้วพูด “อย่าลืมเนื้อหาใน สัญญาหล่ะ” อานหยานเม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็ควงแขนของเขาไว้นิ้วเรียวยาว ตบใบหน้าที่แข็งที่อเบา ๆ ในที่สุดก็มีรอยยิ้มน้อย ๆ ขึ้นมา

ห้ามให้คนตระกูลมู่รู้ว่าความลับที่พวกเขาหมั้นกันหลอก ๆ เธอไม่ ได้ลืมสักหน่อย

ถ้าหากผิดสัญญา จำนวนเงินที่ต้องชดใช้ เธอรับผิดชอบไม่ไหว

จริง ๆ

ก็แค่แสดงละคร? มีอะไรยากกัน?

ริมฝีปากบางของเธอคลี่ออก ยิ้มเย็น แล้วอยู่ๆ ก็เอาศีรษะไปฟังที่ แขนของมู่บ้านเป่ย

ท่าทางแนบชิดกันขนาดนี้ ใคร สองคนนี้ยังทะเลาะกันอยู่ ก็คงดูไม่ออกว่า เมื่อวินาทีที่แล้ว

“คุณย่า” เมื่อเดินมาถึงห้องโถงใหญ่ ก็เห็นคุณหญิงใหญ่กับคุณ ท่านนั่งอยู่ด้วยกัน อานหยานปล่อยมือจากมู่บ้านเป่ย แล้วรีบเดิน เข้าไป

“คุณย่า วันนี้สีหน้าดูไม่เลวเลยนะคะ อาหารเช้าทานอะไร? ทาน เยอะไหม? แล้วเลือกทานไหมคะ?” คุณหญิงใหญ่ยิ้มแฉ่ง พยักหน้าติด ๆ “ไม่เลือก ไม่เลือก ฉันเชื่อฟัง หมอ กินทุกอย่าง”

เธอมองดูมู่บ้านเป่ยที่เดินอยู่ข้างหลังอานหยานอีกทีนึง ถึงจะมา จับมือกู้อานหยานแล้วถาม “อานหยาน ย่าไม่เจอเธอมาสองวัน เจ้า เด็กเมื่อวานซืนนี่รังแกเธอหรือเปล่า?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ