ประธานมู่ ฉันไม่รักนายอีกแล้ว!

บทที่ 47 เธอรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใคร



บทที่ 47 เธอรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใคร

บทที่ 47 เธอรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นเป็นใคร

มู่บ้านเป่ยยืนอยู่ตรงหน้า ราวกับว่านั่นคือกำแพงที่แข็งแกร่ง มากที่สุดในปฐพี ที่ไม่มีใครสามารถจะทลายข้ามผ่านไปได้ เลยทีเดียว

คนที่ลักพาตัวเสี่ยวหมี่เมื่อคือก็คือคนคนนั้น คุณชายมู่ อย่า

ปล่อยให้มันหนีไปได้นะ ! ”

กู้อานหยานอยากจะดูด้านหลังของเขาเสียเหลือเกิน แต่ทว่า เงาสูงใหญ่นี้ กับบดบังสายตาของเธอไปจนหมด

แต่จู่ๆเธอกลับรู้สึกว่าในเวลานี้สายตาที่มู่บ้านเป่ยมองเธอดู

จะแปลกพิกล

สายตาดูเย็นยะเยือก ไม่แสดงออกถึงความอบอุ่นใจเลย แม้แต่น้อย แต่สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือ เขามาทำอะไรที่นี่กัน

แน่ ?

ถ้ามาเพื่อช่วยเธอ แล้วทำไมถึงปล่อยให้หยางกาววิ่งหนีไป

ทางข้างหลังอย่างนั้นได้ล่ะ ?
“คุณชายใหญ่..

………อานหยานขมวดคิ้วเป็นปม

“กลับไปกับฉัน มู่บ้านเป่ยก้าวเข้ามาประชิด

“เธอหมายความว่ายังไง ? “ก่อนที่เขาจะเข้าถึงตัวกู้อานห

ยาน เธอกลับถอยออกห่าง

มู่เทียนโย่วเองก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ราวกับว่า เขาเป็นที่ที่

สําคัญของเธอ

ใจของกู้อานหยานรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เพราะว่า เรื่อง แบบนี้ เรื่องที่เธอไม่เข้าใจนี้ เธอกลับเข้าใจได้ในทันทีเมื่อได้

เห็นมู่บ้านเป่ย

“เมื่อคืน เธอนำคนไปตั้งเยอะแยะ แถมหาเรือของพวกเขา เจอแล้วด้วย แต่วันนี้พวกเขากลับหนีไปได้

เธออยากจะขำขึ้นในทันที แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากหัวเราะ

ออกมาแบบนี้

“คุณชายใหญ่ จะปล่อยให้เขาหนีไปแบบนี้ไม่ได้นะ ทั้งๆ ที่เกือบจะจับได้อยู่แล้วเชียว ทำไมจู่ๆถึงปล่อยไปแบบนี้กัน

เล่า ? ”
ครั้งไปฟางฟางแกล้งฆ่าตัวตาย เธอคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก แล้ว ในใจของ ฟางฟางต้องกลัวมากแน่ๆ ถึงได้กำกับเอง แสดงเลยแบบนี้

แต่นึกไม่ถึงเลยว่า เยฟางฟางไม่ได้กลัวจนหัวหด แต่กลับ

ร้ายกว่าเดิม !

เยฟางฟางไม่มีทางที่จะเอาเงินออกมาจ่ายได้มากมายขนาด นี้ เพราะเธอรักความร่ำรวยเท่าชีวิต เมื่อครั้งนั้นเธอยอมเสีย หน้าเพื่อเงินหลักแสนด้วยซ้ำไป

เธอจะยอมเสียเงินหลักแสน เพียงเพื่อสมงานแต่งของเธอ

กับคุณชายปูเนี่ยนะ ?

เยฟางฟางอาจจะอยากเคลียร์อะไรกับเธอ แต่ทว่า ครั้งนี้ มัน กลับบังเอิญเสียเหลือเกิน

เธอจำปกป้องคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้งั้นเหรอ ? “เธอถอย กลับไปเพียงเล็กน้อย ในครั้งนี้ เธอถอยเข้าสู่อ้อมกอดของมุ่ เทียนโย่วแล้ว

เธอกำมือเอาไว้แน่น ทันใดนั้นเธอก็ถูกมู่บ้านเป่ยลากออกไป
เธอเพียงแค่ถอยไปโดนเทียนโย่วเพียงเล็กน้อย ก็ถูกลากไป

แล้ว !

สีหน้าของมู่เทียนโย่วเปลี่ยนไป พลางคว้ามือของกู้อานห ยานเอาไว้ ก่อนจะดึงกลับมา

มู่ล้านเป่ยพูดพลางมองด้วยสายตาร้ายกาจ : “เธอเป็นคู่หมั้น ของฉันนะ ถ้าไม่กลัวตายก็ลองดึงอีกทีสิ ! ”

สายตาของคุณชายปูนั้นช่างยากแท้หยั่งถึง ทั้งเรือนร่างเต็ม ไปด้วยความเย็นชา ใครก็ตามที่ได้เจอเขาในท่าทีแบบนี้ คน ปกติคงจะไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขา

แต่ทว่า มู่เทียนโย่วไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย อีก ทั้งยังจับแขนของกู้อานหยานเอาไว้แน่น โดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะ ปล่อยเลยแม้แต่น้อย

“ถึงอานหยานจะไม่เต็มใจที่จะอยู่ข้างกายเธอ ยังไงเธอก็จะ พาไปด้วยอยู่แล้ว ! ”

“เทียนโย่ว ! “หยาง ที่เพิ่งจะวิ่งตามมาตะโกนขึ้น

ไม่ต้องคิดเลยว่าคนของคุณชายมู่มีอีกมากแค่ไหน คุณชาย ใหญ่มู่ขนาดแค่คุณชายมู่เพียงคนเดียว พวกเขาก็ไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงด้วย !

“เทียนโย่ว พวกเขา…..พวกเขาบอกว่าเป็นคู่หมั้นกันแบบนี้ แล้ว เธอก็ไม่ควร……..ไม่ควรเข้าไปขัดแบบนี้สิ

ถึงแม้ว่าดูๆไปแล้ว เหมือนกับว่ามู่บ้านเปียกำลังรังแกอานห ยานอยู่ แต่ทว่า อานหยานกลับไม่ได้ขอความช่วยเหลือใด ใดเลย ?

เพียงเพราะว่าอานหยานไม่ได้ขอความช่วยเหลืออะไร ก็ เลยไม่ควรเข้าไปช่วยเหลือก่อนอย่างนั้นหรือ ?

เมื่อเห็นคุณชายมู่ ปกติใครๆก็ต้องกลัวเป็นธรรมชาติ แต่ ไม่รู้ว่าเทียนโย่วไปเอาความกลล้ามากมายขนาดนี้มาจากไหน

กัน

ถึงขนาดที่กล้าประจันหน้ากับคนที่ใครๆก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง

อย่างมู่บ้านเป่ย !

มู่ล้านเป่ยจ้องไปที่เรือนร่างของมู่เทียนโยวอย่างเยือกเย็น เขาจับข้อมือของผู้อานหยานเอาไว้แน่นกว่าเดิม

“ถ้าอยากจะให้เพื่อนของเธอไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ของวัน

พรุ่งนี้อีก ก็ลองดูสิ
เขาไม่อยากจะลงไม้ลงมือกับเด็กอมมือนี่ เพราะเขารู้ว่ากู้

อานหยานเป็นห่วงพวกเขามาก

แต่ทว่า ความอดทนของเขานั้น ก็มีขีดจํากัดเหมือนกัน !

“เทียนโย่ว ! “เมื่อเห็นว่ามู่เทียนโย่วยังคงอยากจะประจัน หน้ากับมู่บ้านเป่ยอยู่ กู้อานหยานเลยรีบหันกลับไปพูดกับเขา

ว่า : “เทียนโย่ว ฉันมีเรื่องจะคุยกับเขา เธอ…..กับหยางอีก ลับกันไปก่อนเถอะ”

“ไม่มีทาง ! “ดูก็รู้ว่าอันที่จริงเธอไม่ได้เต็มใจอยากจะไปกับ

จ้านเป่ยเลยแม้แต่น้อย !

“เทียนโย่ว ! นี่มันเป็นเรื่องของฉันกับคู่หมั้นนะ !”

ในตอนแรกก้อานหยานเพียงแค่จะเตือนสติพวกเขา ว่า จ้านเป่ยเป็นคู่หมั้นของเธอ อย่างน้อย เขาก็คงไม่ทำร้ายเธอ

แต่เทียนโย่วกลับถูกคำพูดนี้ ทิ่มแทงเข้าที่หัวใจอย่างจัง

เขากําหมัดมือซ้ายเอาไว้แน่น และหายใจแรงขึ้นด้วยความ

โกรธอย่างสุดขีด
“เทียนโย่ว เสี่ยวหมี่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย เธอน่าจะ ต้องการคนดูแลนะ

กู้อานหยานจ้องเขาตาไม่กระพริบ สายตาเต็มไปด้วยการ อ้อนวอน : “เทียนโย่ว เชื่อฉันเถอะนะ ได้ไหม ?

มู่เทียนโย่วนั้นไม่เคยปฏิเสธคำขอของอานหยานได้ลง ทุก ครั้งที่เธอถามว่าได้ไหม เขามักจะใจอ่อนอยู่เสมอมา

แล้วครั้งนี้ก็เป็นดังเช่นเคย เมื่อเธอมองเขาด้วยสายตาเว้า วอน พลางถามว่าได้ไหม มือของเขาที่กำลังกำข้อมือของ เธอไว้แน่นก็คลายออกโดยปริยาย

มู่จ้านเป่ยจึงดึงเข้ามา จนกู้อานหยานกระแทกเข้ากับแผงอก

ของเขา

สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก จากนั้นจึงจูงมอ เธอหันหลังเดินกลับไป

มู่เทียนโย่วอยากจะตามไป แต่หลีเย่ก้าวขึ้นมาขวางเอาไว้ เพื่อกั้นเขาเอาไว้

“นักเรียน ถ้าไม่อยากจะมีปัญหากับคุณชายของพวกเรา ก็ ฟังคำที่เธอพูดเถอะ กลับไปดูแลเพื่อนของเธอซะ
อันที่จริง หลีเย่นั้นนับถือเด็กชายที่อายุราวๆยี่สิบคนนี้มาก

เลย

น้อยคนนักที่จะเผชิญหน้ากับคุณชายเวลาโกรธได้ แถมยัง ใจเย็นและหัวแข็งได้ถึงเพียงนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดเลยว่า เด็ก ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่เลวเลยทีเดียว

บนร่างกายของเขามีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกับคุณชาย ทั้งความเด็ดเดี่ยว ความเย็นชา ความไร้อารมณ์ และความ

ร้ายกาจ !

คนที่มีความสามารถแบบนี้ ถ้าได้มาอยู่ข้างๆคุณชายแล้ว ล่ะก็ เส้นทางในอนาคตคงจะยาวไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลยที เดียวเชียวล่ะ

แต่มันชัดเจนเป็นอย่างมาก ว่าเขาไม่ใช่คนประเภทที่จะ เต็มใจอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่นอย่างแน่นอน

หยางอีดึงมุมเสื้อของมู่เทียนโย่ว ก่อนจะพูดเบาๆว่า : “เทียน โย่ว พวกเรากลับไปหาเสี่ยวหมี่กันก่อนเถอะ ส่วนเรื่องนี้ ให้อานหยานเป็นคนจัดการด้วยตัวเองก็แล้วกัน”

ในตอนนี้ หยางอีเองก็รู้สึกมึนงงอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่คุณชายมู่ตั้งใจจะปล่อยให้หยางกาวหนีรอดไปได้ใช่ไหม ?

แต่ว่าเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่คุณชายมู่หรอกเหรอที่ช่วยอานหยาน

กับเสี่ยวหมี่เอาไว้ด้วยตัวเองน่ะ ?

ทำไมถึงช่วยพวกเธอ แต่กลับปล่อยคนร้ายไปแบบนั้นนะ ?

เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“เทียนโย่ว” หยางอีเขยิบเข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียง ทุ้มต่ำใกล้ๆหูของเขาว่า : “เรื่องที่อานหยานให้ฉันไปตาม สืบน่ะ ฉันยังสืบมาไม่หมดเลย พวกเรากลับกันก่อนดีกว่า ไหม ? ”

มู่เทียนโย่วกำหมัดเอาไว้แน่น เมื่อเห็นกู้อานหยานกับมู่บ้าน เป่ยขึ้นรถไปแล้ว เขาจึงหลับตาลง ก่อนจะกลับหลังหันแล้ว

เดินจากไป

หยาง รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินตามไป

ชายสองคนที่อยู่ที่ชายหาดก่อนหน้านี้ ได้เดินจากไปนาน

แล้ว

เรื่องนี้มันดูจะแปลกมากเหลือเกิน สิ่งที่คุณชายมู่ทำทั้งเมื่อ ก่อนและตอนนี้ สรุปแล้วเขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่นะ ?
ยมู่ตั้งใจจะปล่อยให้หยางกาวหนีรอดไปได้ใช่ไหม ?

แต่ว่าเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่คุณชายมู่หรอกเหรอที่ช่วยอานหยาน

กับเสี่ยวหมี่เอาไว้ด้วยตัวเองน่ะ ?

ทำไมถึงช่วยพวกเธอ แต่กลับปล่อยคนร้ายไปแบบนั้นนะ ?

เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ

“เทียนโย่ว” หยางอีเขยิบเข้ามาใกล้ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียง ทุ้มต่ำใกล้ๆหูของเขาว่า : “เรื่องที่อานหยานให้ฉันไปตาม สืบน่ะ ฉันยังสืบมาไม่หมดเลย พวกเรากลับกันก่อนดีกว่า ไหม ? ”

มู่เทียนโย่วกำหมัดเอาไว้แน่น เมื่อเห็นกู้อานหยานกับมู่บ้าน เป่ยขึ้นรถไปแล้ว เขาจึงหลับตาลง ก่อนจะกลับหลังหันแล้ว

เดินจากไป

หยาง รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินตามไป

ชายสองคนที่อยู่ที่ชายหาดก่อนหน้านี้ ได้เดินจากไปนาน

แล้ว

เรื่องนี้มันดูจะแปลกมากเหลือเกิน สิ่งที่คุณชายมู่ทำทั้งเมื่อ ก่อนและตอนนี้ สรุปแล้วเขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่นะ ?เธอจะพยายามลงจากรถ

แต่ทว่า มือของเธอกลับถูกจับเอาไว้แน่น เธอยังไม่ทันจะลง จากรถ ก็ถูกดึงกลับไปเสียแล้ว

“เธอจะไปไหน ? “มู่บ้านเป่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความปราณี

ใดๆ

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย ? “เธอหันขวับไปมองเขา ก่อนจะสะบัดมือออก แต่ก็ไม่อาจสะบัดให้หลุดได้

ตอนนี้เทียนโย่วกับหยางอีไม่อยู่สักคน เธอไม่จำเป็นต้อง สนใจอะไรแล้ว

เธอจ้องชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความร้ายกาจ ก่อนจะพูดด้วย ความโกรธว่า : “เธอก็มีคนที่เธอต้องปกป้อง ฉันก็มีเหมือน กัน ! ใครก็ตามที่มาทำร้ายเสี่ยวหมี่ฉันไม่มีทางปล่อยเอาไว้ แน่ ! ปล่อยฉันนะ ! “


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ