เดิมพันรักยัยตัวแสบ

บทที่ 30 ดีที่ทักษะบนเตียง2



บทที่ 30 ดีที่ทักษะบนเตียง2

ลากร่างกายที่หมดเรี่ยวแรงใกล้จะล้มลงไปกองที่พื้น

กู้ฮอนกลับมาถึงบ้าน

ตอนนี้ หยูพื้น กับเฉิงเฉิงก็ตื่นนอนแล้ว

ทันทีที่เปิดประตู กู้ฮอนก็เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความ คาดหวังของลูกชาย จ้องมาที่เธอ

เธอเหนื่อยมากจนทรุดตัวลงไปนอนบนโซฟา

กระดิกนิ้วไปทางหนุ่มน้อย “มานี่”

เฉิงเฉิงเดินไปอย่างเชื่อฟัง สีหน้านิ่งสงบ

กู้ฮอนมองลูกชายด้านบนด้านล่าง ด้านซ้ายด้านขวา ด้านหน้าด้านหลัง ด้านในด้านนอก คิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหา กันแน่นขึ้น

หายใจก็ยิ่งลำบากมากขึ้น

ทำยังไงดี เธอรู้สึกว่าลูกชายของตัวเองกับเป่หมิงโม่ ยิ่งดูก็ยิ่งเหมือนกันขึ้นเรื่อยๆ …

นี่ต้องเป็นฝันร้ายแน่ๆ!

“หยางหยาง มานี่ บอกแม่หน่อย ว่าทำไมต้องพูดโกหก

กับแม่ หา?”
ร่างเฉิงเฉิงที่ยังคงสงบ ไม่ขยับแม้แต่น้อย แค่ตอบ อย่างแผ่วเบาไปว่า “คุณแม่ หยางหยางไม่ได้พูดโกหก กับคุณเลยนะ”

“ไม่ได้พูดหรอ? ถนนตะวันออกของสมเด็จพระราชินี เลขที่189 ไม่ใช่ร้านขายเครื่องเขียนสักหน่อย ทำไมหนู ต้องพูดโกหกด้วย? แล้วก็ดึกดึกดื่นดื่นให้แม่ไปซื้อดินสอ สี หมายความว่ายังไง? และที่สำคัญสุดๆ ก็คือ-หนูรู้ได้ ยังไงว่าเจ้านายของแม่จะอยู่ที่นั่น?”

กู้ฮอนมีข้อสงสัยมากมายที่แก้ไม่ได้ในหัว ดังนั้นจึง ถามออกมาเป็นกอง

เธอโอบลูกชายไว้ อยากจะหาเบาะแสจากดวงตาที่ สดใสของลูกชาย

แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว

ถอนหายใจยาว เธอกอดหนุ่มน้อยไว้ “หยางหยาง บอกแม่มา ว่ามีเรื่องอะไรปิดบังแม่อยู่ ได้ไหม?”

เฉิงเฉิงยังคงส่ายหน้าอย่างเรียบเฉย “คุณแม่ฟังผิด แล้ว เป็นร้านเครื่องเขียนที่ ถนนวังโจวตะวันออกเลข ที่189 หยางหยางไม่มีดินสอสีเหลือแล้วจริงๆ ดังนั้นถึง ได้ขอให้คุณแม่ไปซื้อ ก็แค่……หยางหยางก็ไม่รู้เหมือน กันว่า ดึกดึกดื่นดื่นร้านเครื่องเขียนนั้นไปเปิด”

คำพูดของเฉิงเฉิงไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่น้อย

ในความเป็นจริง เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคุณแม่จะต้องถามเขาแบบนี้

อันที่จริงเขาก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนคุณพ่อจะอยู่ที่นั่นหรือ ก็แค่จำได้ว่าตอนเด็กๆมีหลายครั้งที่เขามักจะงอแงให้

เปล่า

คุณลุงฉิงฮัวพาเขาไปหาคุณพ่อ

แน่นอนว่าผลสุดท้าย พ่อเขาก็ไม่ลงจากอาคารมาเลย แม้แต่น้อย แค่โทรครั้งเดียวก็ให้ฉิงฮัวพาเขาไปซะแล้ว ถนนวังโจวตะวันออกเลขที่189 ก็มีร้านเครื่องเขียนอยู่

ร้านหนึ่งจริงๆ

นั่นคือสถานที่ที่เขามาพบในภายหลัง ไม่รู้ว่าเพราะ อะไร ทุกครั้งตอนที่เขาอยากจะไปหาพ่อ ก็จะให้คนขับ รถพาเขาไปที่ร้านเครื่องเขียนนั้น จากนั้นภายใต้สายตา ของเจ้าของร้านเขาก็จะซื้อกล่องดินสอสีมากมายหลาย กล่องก่อนที่จะพอใจและออกจากร้านไป

ตอนนี้ ที่บ้านของเขามีกล่องดินสอสีแต้มตู้ไปหมดแล้ว ะ สู้ ทุกครั้งที่ซื้อมา ก็จะล็อคไว้

ราวกับว่าล็อคความรู้สึกทั้งหมดที่คิดถึงพ่อเอาไว้

นี่ก็คือวันเวลานิดๆหน่อยๆที่มีคุณพ่ออยู่ และได้สะสม ไว้ในใจของเฉิงเฉิง

ไม่ขม แต่มันกลับรู้สึกเปรียวๆ ตอนที่เฉิงเฉิงพูดประโยคนี้ ท่าทางเชื่อฟัง ไม่เอะอะเสียงดัง ทำให้กู้ฮอนรู้สึกละอายใจ

“อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง!” กู้ฮอนกอดลูกแน่น “ขอโทษนะ ลูกรัก แม่ไม่ควรสงสัยหนูเลย….หนูเป็นลูกชายของแม่ นะ จะพูดโกหกกับแม่ได้ยังไงเนาะ? แม่คนจะหงุดหงิด มากไปหน่อย แม่ขอโทษหนูดีไหม?”

เธอลูบหัวเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน และถูร่างเล็กอย่าง แผ่วเบา

ความอบอุ่นไหลเวียนเข้าไปภายในใจของเฉิงเฉิง

เขาพยายามกะพริบตาอย่างหนัก อยากจะให้ ของเหลวที่เปียกชื้นไหลออกมานอกดวงตานั้นไหลย้อน กลับเข้าไป

เพราะคุณปู่เคยบอกไว้ว่า ลูกผู้ชายนั้นห้ามร้องไห้ออก มาเด็ดขาด

“คุณแม่ครับ….” น้ำเสียงของเฉิงเฉิงเงียบหายไป กลัวว่าตัวเองจะควบคุมความสงบไว้ไม่อยู่ ก่อนที่จะ ร้องไห้ออกมา หัวของเขาก็ทรุดเข้าไปในอ้อมกอดที่ อบอุ่นของกู้ฮอนแล้ว

ทันใดนั้นหนู ฟื้น ก็เดินออกมาจากห้องครัว ถามอย่าง ไม่ตั้งใจ “ฮอนฮอน เมื่อเช้าหยางหยางบอกว่าเธอออก ไปหาเพื่อนร่วมงาน หาเจอหรือยัง?”

“หาเจอแล้ว นั่นนะตะเกียงดับมืดบอด พลิกไปพลิกมา ทำคนยุ่งยากสับสน มีเจ้านายแบบนี้ช่างเป็นความโชคร้ายจริงๆเลย รับใช้ยากซะยิ่งกว่าพระราชาในสมัยก่อง เสียอีก .ฉันนะ ก็เป็นแค่ขันทีตัวน้อย ที่เหมือนปลา … บนเขียง ไม่เพียงต้องดูแลเรื่องงานของเขา ยังต้องช่วย แก้ปัญหาเรื่องส่วนตัวของเขาอีกด้วย ฉันนะก็คือ (เจิน หวน จอมนางคู่แผ่นดิน) เวอร์ชั่นปัจจุบันไง.”

เมื่อกู้ฮอนพูดถึงเป็หมิงโม่ ก็อารมณ์เสียขึ้นมาเต็ม กระเพาะ

หลังจากที่หนู ฟืน ฟังคำพูดนี้จบ ก็อดไม่ได้ที่พูด “เธอควรจะแอบยิ้มนะ ในเรื่อง (เจินหวน จอมนางคู่แผ่น

ดิน) ที่น่าสังเวชส่วนใหญ่ก็เป็นนางใน นางสนม ท่านอ่อง

บลา บลา บลา ขันทีอย่างเธอน่าสังเวชที่ไหนกัน”

“โอ๊ยแม่ ขันทีไม่น่าสังเวชหรอ ถูกตัดหัวได้ตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะถูกเจ้านายหัวหมูพวกนั้นลากมาเกี่ยวด้วย

หรอ…”

“เฮอ เฮอ เฮอ .”

บ้านใหญ่ตระกูลเป่ยหมิง

ดวงอาทิตย์ที่อบอุ่นเพิ่งจะลอยขึ้นมา ผืนแผ่นดินก็เพิ่ง จะยืดเส้นยืดสาย

ในสวนที่หรูหราหน้าบ้านของตระกูลเป่ยหมิง ก็เริ่มจะมี ชีวิตชีวาขึ้นมาแล้ว

“โฮ่งโฮ่งโฮ่ง….”
เสียงเห่าของสุนัขไม่กี่ครั้ง ทำลายความเงียบสงบบน ท้องฟ้าของบ้านลง

“อาวู่วู่…..โฮ่งโฮ่ง..โฮ่ง….”

เสียงเห่าของสุนัขนั้น ทั้งโกรธเคืองและเป็นทุกข์ ทั้งร่างและกระดูกเริ่มสั่นไหวไปตามลม สั่นไหวไป เรื่อยๆ..

จากนั้น เสียงที่ไร้เดียงสอของเด็กก็ดังขึ้น จากด้านใน บ้านยาวไปถึงลานที่สวน—

“เจ้าโง่เชี่ย หยุดเดี๋ยวนี้นะ…..

“อาวู่วู่…..โฮ่งโฮ่ง…..”

ถูกดึงลากไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง หงื่อหงื่อหงื่อ นี่ไม่มีใคร ได้ยินเลยหรอว่ามันกำลังร้องขอชีวิตอยู่?

“จะวิ่งไปไหน! กลับมานะ!”

ด้านหลังของเบลล่า ร่างของหยางหยางกำลังไล่ตาม อยู่วิ่งไล่ตามไปด้วยและยังตะโกนไปด้วย

“โฮ่งโฮ่ง…..

เบลล่าเหลียวกลับไปมองหยางหยาง โดยเฉพาะตอน ที่เห็นสิ่งที่ชูขึ้นมาจากมือของหยางหยาง เบลล่าตกใจ กลัวจนสะเทือนไปทั่วร่าง กางขาวิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิม จึงเรี

สุดท้ายเบลล่าตกใจเกินไป วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว หัวก็ไป ชนเข้ากับเสาของกำแพง!
“อาวู่–” เสียงร้องอย่างน่าสังเวช มีดาวลอยขึ้นตาของ เบลล่าไปชั่วขณะ

ร่างกายสั่นสะเทือนไปสองครั้ง ล้มลงกองที่พื้นอย่าง หมดแรง

ในเวลานั้น พวกสาวใช้ที่ผ่านมาแอบหัวเราะอย่างลับๆ แต่ไม่มีใครกล้าเดินออกมาช่วยเบลล่า

หยางหยางวิ่งตามมาอย่างหอบหอบ มองดูเบลล่าที่หัว โขกจนวิงเวียนไปหมด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ