พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน484ขี้งอน



ตอน484ขี้งอน

ตอนที่484 งอน

แววตาของสุมิตรตกลง ป่าก็อยากให้บ้านเรามีความสุข ด้วยกันเหมือนกันแต่ทางฝั่งหม่ามีเขา….

“โอ๊ยยหม่ามีเขาเป็นผู้หญิงการที่เราเป็นฝ่ายต้องเริ่มมัน เป็นเรื่องปกติไอแบบนี้หน่ะป่าจำต้องเป็นฝ่ายเริ่มซะก่อนช่วย ให้หม่ามีเขาเปิดใจในที่สุดทำไมป่าถึงไม่เข้าใจหม่ามีเขา บ้างเลย?

ให้ทางนั้นเปิดใจ?สุมิตรหัวเราะขึ้นเบาๆ หม่าเขาไม่ จําเป็นต้องให้ป่าช่วยเปิดใจหรอกทางนั้นเขาเปิดเองได้

สุมิตรเย็นชาและคีพความมาดนิ่งมาแต่ไหนแต่ไรแต่ตอน นี้น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยกระแสเสียงความเคือง โกรธ

นิเวศน์พิงไปกับเก้าอี้พลางส่ายหน้าเนี่ยยังงอนอยู่คุณ เปมิศานี่มีอิทธิพลมากทีเดียวคนก็ไปแล้วแต่ความปั่นป่วนที่ทิ้ง เอาไว้ไม่คลายไปซักที

เปมิศาก็เป็นแค่ฉนวนไฟเล็กๆเดิมที่เธอไม่มีอิทธิพลมาก พอที่จะมาเปลี่ยนแปลงอะไรเลย

“โอเคไม่ว่าหม่ามีกับป่าจะมีปัญหาอะไรกันแต่ก็ควรมา ถูกวิธีมั้ยไหนป่าบอกผมทีว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการยังไง?”
สายตาของสุมิตรเต็มไปด้วยความสับสน ตอนนี้ก็ปล่อย ให้เราสองวงบสติอารมณ์สักหน่อยให้เวลาคิดว่าจะยังไงต่อดี

คำตอบที่ได้มานั้นทำเอานิเวศน์หมดคำพูด

“สงบสติอารมณ์กันมานานมากแล้วยังไม่พออีกรึไง?จะ ลากกันไปอีกเอาให้เป็นปีเลยไหม?”

“ช่วงนี้ลูกดูว่างๆนะ”สุมิตรหยิบเอาเอกสารข้างหลังไปให้ นิเวศน์ก่อนจะพูด”ระบบของบริษัทต้องอัพเกรดสักหน่อยแต่ วิศวะกรต่างก็ทำงานล่าช้าซะเหลือเกินป่าเอาให้ลูกช่วย แล้วกัน”

“แต่ว่าผม…

สุมิตรเอียงหน้าถามด้วยเสียงเย็นชา “มีปัญหาอะไร

เปล่า”

“เปล่าครับไม่มีปัญหาอะไร

“งั้นก็กลับไปจัดการด้วยหล่ะ

นิเวศน์เดินไหล่ตกออกจากห้องไปอย่างขมขื่น

ชิซะไอ้เราจะช่วยแท้ยังจะมาข่มขู่กันซะได้

เขาทำตัวเป็นลูกชายที่ดีอย่างนี้สำหรับบ้านคนอื่นนี่นับว่า เป็นสมบัติในมือทีเดียวสำหรับตัวเขาเองไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสามีและภรรยาแล้วกลับโดนดู หมิ่นอีกต่างหากนี่มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
ถึงแม้ว่าจะถูกปฏิเสธกลับมาแต่เขาเป็นตัวอย่างที่ดีของ ความกล้าหาญหลังจากนั้นเขาไปหาธนภาคและพัชรีเพื่อจะ ปรึกษาค้นหากลยุทธ์ใหม่ๆไปใช้อี

จวบจนท้ายสุดทั้งสามก็ตกลงกันได้ว่าพัชรีจะเป็นคนเดิน เรื่องสร้างเรื่องให้จันวิภาและสุมิตรได้มีนัดอันสุดแสนจะโรแมน กด้วยกัน

แต่น่าเสียดายที่ก่อนที่จะจัดนัดเดทได้พัชรีก็พบข้าวาที น่าตกตะลึงขึ้น

“นี่มันอะไรอ่ะ?”

พัชรีหยิบของสิ่งหนึ่งขึ้นมาพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว

จันวิภาเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของพัชรีที่น่ากลัวอยู่ในตอนนี้ก็ ตกใจรีบเอื้อมไปคว้ากลับทันที ก็ตั๋วเครื่องบินไงไม่เคยเห็น

พัชรียังคงอยู่ในอารมณ์ที่ร้ายแรง ฉันรู้ว่ามันคือตั๋วเครื่อง บินเอาหล่ะแกซื้อมาทำไมแกจะไปไหน?”

“ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยหล่ะฉันก็แค่อยากจะไปเที่ยวพักผ่อน”

“พักผ่อนทําไม?”

จันวิภาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยเสียงหนัก แน่น พักหาโรงเรียนลงคอร์สสักหน่อยช่วงนี้มันแย่จริงๆฉันแค่ อยากจะฮีลตัวเอียงเริ่มอะไรใหม่ๆ
เมื่อเห็นด้านน้องสาวดูจริงจังพัชรีก็ควรจะสบายใจแทน เธอแต่ว่า ในตอนนี้พัชรกลับรู้สึกว่ามันทำให้เธอยิ่งรู้สึกหนักใจ

“จันวิภาแกคิดจะทำอะไร?

“คิดจะทำอะไรหล่ะฉันก็อยากจะพัฒนาตัวเองอยากตั้งใจ เรียนก็ไม่ได้หรอ?

“แกแค่อยากจะหนีสุมิตรเท่านั้นแหละ!

จันวิภาส่ายหน้า นี่ไม่ใช่การหนีนะนี่ทั้งวันอุดอู้อยู่แต่บ้าน มันทำให้ฉันฟุ้งซ่านมันไม่ดีกว่าหรือถ้ามันจะไปหาสภาวะ ใหม่ๆมีอะไรทำบ้างสักหน่อยจะได้ไม่ต้องกลายเป็นผู้หญิงขี้บ่น อยู่แบบนี้”

“ถ้างั้นสามีแกกับลูกจะทำไมยังไงไม่สนใจเลยหรอ?”

“นิเวศน์เขาโตแล้วไม่ว่าฉันจะอยู่หรือไม่เขาก็ดูแลตัวเอง ได้อีกอย่างฉันไปปีครั้งไม่ไปแล้วไปเลยนิเวศน์เขาก็สามารถ ไปหาฉันได้อีกอย่างฉันก็มาหาเขาได้เช่นเดียวกันส่วนเรื่องสุ มิตร.….….

จนวิภาหยุดไปพักหนึ่งก่อนจะพูด เขาบ้างานจะตายไม่มี ฉันอยู่ด้วยแล้วเขาอาจจะสะดวกสบายขึ้นก็ได้ด้วยมั้ง

“เหลวไหลหน่ะจันวิภา! แกกำลังทำตัวเป็นกกระจอกเทศ นะเนี่ยเอาแต่หนีปัญหา!

พัชรีกำลังจะเป็นบ้าตายเธอโมโหขึ้นเรื่อยๆ
กลับกันกับจันวิภาเธอค่อนข้างสงบเอื้อมมือไปแตะไหล่ ของพัชรีพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณพัชรีคะคุณมีปัญหาอะไรกับ ความคิดของคุณเองปะคะการที่ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาเข้มแข็ง ทําไมถึงได้กลายเป็นการหนีปัญหา?ฉันพียงต้องการอยากจะ พัฒนาตัวเองให้เก่งฉันทำอะไรผิดอย่างนั้นหรอ?

“แกจะตามความฝันของตัวเองมันก็ได้แต่ว่าแกจะควรที่จะ ทิ้งปัญหาที่มันยุ่งเหยิงนั่นเอาไว้ข้างหลังอย่าปั้นแต่งคำแกรู้ว่า ฉันหมายถึงอะไร

จันวิภาค่อยๆหลับตาลงพูดเรียบๆ บางปัญหายิ่งอยากจะ แก้ยิ่งหาทางไม่ได้มันจะดีกว่ามั้ยที่เราจะปล่อยมันไว้ก่อนให้มัน ผ่านไปสักหน่อยมันอาจจะแก้ง่ายคุยง่ายขึ้น

ทัศนคติแย่ๆแบบนี้มันไม่สมเป็นจันวิภาเอาซะเลย

“ทั้งหมดทั้งมวลก็คือแกจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจแล้วใช่ มั้ย?”

“อือ”

พัชรีพิงเก้าอี้อย่างหมดแรงตามองไปที่เพดานพลางพิมพ์ เบาๆ ถ้าสุมิตรรู้เข้าต้องเป็นบ้าไปเลยแน่ๆ

เป็นบ้านไม่มีทางหรอก

จันวิภานั่งพับผ้าในมือด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆ
ไม่นานเกินรอเรื่องที่จันวิภาจะไปต่างประเทศที่สะพัด เข้าไปถึงหูของสุมิตร

นิเวศน์รู้สึกเหมือนโดนหักหลังเขาคิดว่าสุมิตรเองก็คงจะ รู้สึกเฉกเช่นเดียวกันแต่มันคงเป็นความไม่สะดวกใจที่จะพูด อะไรแบบนี้ออกมา

มันราวกับวันโลกแตกแล้วเหลือแค่เขาสองคนนิเวศน์จึง ตรงไปหาสุมิตรเพื่อปรึกษาการตอบโต้

“ป่าผมว่าเราต้องเอาพาสปอร์ตหม่ามีไปซ่อนเธอไม่มี พาสปร์ตก็จะไปต่างประเทศไม่ได้หรอก

“ทําตัวเป็นเด็ก”

“อื้อผมก็ว่าหม่ามทำตัวเป็นเด็กเลย

“ฉันหมายถึงแกหน่ะทำตัวเป็นเด็ก

คือหมายถึงเขาหรอ?

นิเวศน์ชะงักค้างไปเงยหน้ามองสุมิตรเพื่อดูว่าเมื่อเขา

ได้ยินอะไรผิดไปรึเปล่า

แต่ดูจากสายตาดูแควานของสุมิจรแล้วเขาก็รู้ทันทีว่าที่

ได้ยินมะกี้ฟังไม่ผิด

นั่นทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจเขาเนี่ยมันคือวิธีที่ดีที่สุดแล้วแต่ ทำไมป่า ยังปฏิเสธ

หรือว่าเขาจะซ่อนความรู้สึกเอาไว้
ดวงหน้ากลมยิ้มค่อยๆเคลที่อนตัวไปใกล้ๆสุมิตร ป่าผม รู้ว่าป่าปีต้องโกรธแน่ๆ ตอนนี้เราอยู่กันแค่สองคนพ่อลูกไม่เห็น ต้องซ่อนเอาไว้เลย

สุมิตรวางเอกสารที่ได้รับการอนุมัติไว้พูดด้วยใบหน้าที่ได้ อารมณ์ ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร?

“ไอ้หยาโกรธก็โกรธผู้หญิงของตัวเองบอกจะไปก็ ไปเสียดื้อๆบอกซักคำก็ไม่มีเรื่องแบบนี้เป็นใครๆก็โกรธ

“แล้วแกเห็นป่าโกรธอย่างนั้นหรอ?”

ในขณะที่พูดสุมิตรก็เงยหน้ามองไปทางนิเวศน์ด้วยสีหน้า เรียบเฉย

นิเวศน์พินิจพิจารณาสีหน้าค่าตาของสุมิตจรก็ไม่เห็นเค้า

ของความโกรธเกร็วแม้เพียงนิด

ป่าไม่โกรธเลยจริงๆหรอเนี่ย? พอคิดมาถึงตรงนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา

“ป่าปีนี้ไม่โกรธเลยจริงๆหรอ? นี่ไม่ใช่นิสัยของป่าเลย

“เรื่องนี้แกอย่าเข้าไปยุ่งเลยปล่อยไปเถอะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ