พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน305ลงมือกับสุพจน์



ตอน305ลงมือกับสุพจน์

ตอนที่ 305 ลงมือกับสุพจน์

นิเวศน์ที่วางมือไว้ที่เอวของจันวิภาจู่ๆ เธอก็ถูกบีบ นิเวศน์ พูดด้วยน้ำเสียงเบามากที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ผมจะดึง พ่อบุญธรรมไว้ มามหาทางหนีไปดูคุณพ่อนะครับ!

เมื่อพูดจบ นิเวศน์ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ออกจาก อ้อมแขนของฉันวิภา มองเธออย่างไร้เดียวสาและจริงจัง “นี่มา มีให้สัญญากับนิเวศน์แล้วนะ ห้ามเปลี่ยนใจ มาเกี่ยวก้อยกัน

เมื่อพูดอย่างนั้นแล้วนิเวศน์ก็ยื่นมือออกไปแสดงให้เห็นว่า ต้องการเกี่ยวก้อยกับจันวิภา

จนวิภาถูกคำพูดของนิเวศน์ทำให้ชะงักไป เห็นเขายิ้ม ราวกับว่าเมื่อครู่มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นก็อดไม่ได้ที่จะได้สติ จิต ได้สำนักสั่งให้เอื้อมมือออกไปเกี่ยวก้อยกับนิเวศน์

และในสถานการณ์นี้ผู้คนไม่มีการระแวดระวังใดๆ หลัง จากที่นิเวศน์กับจันวิภาเกี่ยวก้อยกัน อีกมือก็ยื่นออกมาอย่าง รวดเร็ว จับนาฬิกาบนข้อมืออย่างรวดเร็วชนิดที่ว่าใครก็ไม่ สามารถมีปฏิกิริยาได้ทัน “บ!” เข็มบนนาฬิกาถูกยิงไปยัง ทิศทางของสุพจน์

แต่เดิมสุพจน์เดินไปข้างๆ และยังมองไปที่นั่นวิภากับนิเวศน์อย่างวางใจ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของนิเวศน์จึงไม่คาด คิด เมื่อเขารู้ตัวคอก็เจ็บเล็กน้อยไปแล้ว และจากนั้น… สุพจน์ก็ ไม่มีความรู้สึกอีก

“ตุ้บ!” สุพจน์ล้มลงกับพื้นหมดสติลงไปทันที

มีบางอย่างเกิดขึ้นกะทันหัน ยกเว้นนิเวศน์ ที่จันวิภาและสุ พจน์ต่างไม่ได้มีเวลาที่จะตอบสนอง

เมื่อเห็นว่าสุพจน์ล้มลงกับพื้น จนวิภาจึงได้สติขึ้นมา เธอ มองนิเวศน์และถามอย่างตกใจ “นิเวศน์ ลูกรู้หรือเปล่าว่าตัว เองกำลังทำอะไรอยู่

“มามียังจะรออะไรอีก” นิเวศน์ดูเคร่งขรึม หลังจากที่เขา ทําสิ่งนั้นเสร็จก็รีบออกมาจากเรียวแขนของฉันวิภา วิ่งไปตรวจ สอบสุพจน์ เมื่อเห็นสุพจน์หมดสติไปแล้วจริงๆ ก็วางใจลง

นิเวศน์เงยหน้าขึ้นมองจันวิภาแล้วเร่งรีบพูดอย่างรวดเร็ว “มามีไปเถอะครับ ผมจัดการเอง มามีต้องรีบไปดูคุณพ่อที่โรง พยาบาลนะ!”

มันกะทันหันเกินไป ถึงแม้ว่าจันวิภาจะรู้ว่านิเวศน์ไม่ได้ ทำร้ายสุพจน์ และถึงเข็มบนนาฬิกาจะไม่มีพิษ แต่เธอก็อดไม่ ได้ที่จะถามด้วยความกังวล แต่พ่อบุญธรรมของลูก….

จนวิภากังวลว่าหลังจากที่สุพจน์ตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่านิเวศน์ ทำกับตัวเองแบบนี้จะไม่โกรธจนใช้กำลังหรอกเหรอ

“เขาเป็นไรหรอก! มารับไปเถอะครับ เดี๋ยวมันสายเกินไปแล้วจะถูกพบเข้า นิเวศน์กระตุ้นอย่างจริงจัง นิเวศน์ถามจัน วิภาด้วยคำที่ยากจะปฏิเสธ “มามี ตอนนี้คุณพ่อที่อยู่โรง พยาบาลกำลังจะตายแล้ว ถ้ามาไม่ได้ไปดูคุณพ่อเป็นครั้ง สุดท้าย หลังจากนั้นจะไม่มีโอกาสอีกแล้วนะ!

“…ได้!” จันวิภาจมอยู่กับความคิดชั่วครู่ ในที่สุดก็ ตัดสินใจที่จะเชื่อฟังคำพูดของนิเวศน์ เธอกำลังมุ่งหน้าไปทาง ประตูหลัง ครึ่งทางผ่านไปก็อดไม่ได้ที่จะหันมองย้อนกลับไปยัง นิเวศน์ที่อยู่ข้างๆ สุพจน์ที่ล้มอยู่ ในสายตาบังเกิดความกลัว

ในตอนนี้ จันวิภารู้สึกว่าลูกรักของตนนั้นมีเสน่ห์จริงๆ แม้ว่าเขาจะอายุเพียงห้าขวบและยังเล็ก แต่กลับมีจิตวิญญาณ ที่ต่างจากคนทั่วไป คิดว่าเขาอายุเท่านี้ก็ยังมีความรับผิดชอบ ขนาดนี้ แน่นอนว่าในอนาคตต้องโตไปเป็นผู้ชายที่ดีมากแน่

เมื่อนิเวศน์เห็นในวิภามองกลับมาที่ตัวเองก็ยกมือขึ้นเพื่อ แสดงท่าทางที่ทำให้เธอวิ่งไปเร็วๆ จนวิภาเห็นอย่างนั้น ในที่สุด ก็อดไม่ได้ที่จะกลับไปหานิเวศน์อีกครั้งแล้วพูดอย่างกังวลว่า “ทำไมลูกไม่มากับมา ไม่อย่างนั้นถ้าพ่อบุญธรรมของลูกตื่น ขึ้นมาจะต้องโกรธมากนะ!

นิเวศน์ส่ายหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว เขาดูท่าที่จริงจังและพูด อย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ครับ ผมยังไปไม่ได้ มามีไปคนเดียว สะดวกกว่า ถ้าพาผมไปด้วยอย่างที่พูดก็จะกลายเป็นภาระแทน ยิ่งกว่านั้นผมมีบางอย่างต้องทำ ถ้าใครมาเห็นพ่อบุญธรรม นอนบนพื้นจะต้องสงสัยแน่ เมื่อถึงเวลานั้น มายังไม่ทันได้ไป ไหนไกลต้องถูกจับกลับมาแน่!
แล้วลูกจะไม่ไปเจอหน้าคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายเหรอ” จัน วิภาอดไม่ได้ที่ถามออกมาอย่างไม่เต็มใจจะไป

“ไม่สำคัญหรอกครับ” นิเวศน์สูดหายใจเข้าลึก ตบไหล่กัน วิภาเหมือนผู้ใหญ่และพูดอย่างมั่นคงว่า “ผมมีหลายวิธีที่จะได้ ไปพบคุณพ่อ แต่มามี มามีต้องไปหาคุณพ่อ! รู้ไหมครับ

ก็ได้” จันวิภาถูกนิเวศน์โน้มน้าวเหมือนผู้ใหญ่ตัว

เล็กๆ

จันวิภาเพิ่งพยักหน้าก็ถูกนิเวศน์กระตุ้นอีกครั้ง “มารีบไป เถอะ ตอนนี้เวลาทุกนาทีมีค่า ถ้ามามียังไม่ไปก็จะไม่ได้ไปแล้ว นะ!”

จนวิภาเห็นว่าไม่สามารถพาลูกรักไปด้วยได้ จึงพูดเน้นย้ำ ฝากไว้หนึ่งประโยค “ลูกดูแลตัวเองด้วยนะ! จากนั้นก็กัดฟันแล้วหันเดินไป

เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเอง ใจอ่อนจนอดไม่ได้ที่จะหันหลัง กลับไป จนวิภาจึงรีบวิ่งไปยังประตูหลังที่นิเวศน์บอก จากนั้นก็ เปิดประตูและแอบออกไปทางด้านหลัง

หลังจากออกจากประตูหลัง จนวิภาก็ได้รู้ว่าทำไมนิเวศน์ ถึงบอกว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่พาเขาไปด้วย เพราะฉันวิภาจะ ต้องปีนกำแพง ถ้าเอานิเวศน์มาด้วยก็จะต้องใช้ความพยายาม อย่างหนักกว่าเดิม เมื่อถึงเวลานั้น สุพจน์ที่ล้มอยู่บนพื้นก็จะถูก ค้นพบเข้าเสียก่อน
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่จันวิภาได้รับความเชื่อมั่นอย่างลึก ซึ่งจากความนิ่งสงบและความเฉลียวฉลาดของนิเวศน์ เธอมี ลูกชายที่น่าทึ่งจริงๆ!

ไม่พูดพร่ำเพรื่อ จันวิภาลงกำลังสุดความสามารถ ก่อนที่ จะปีนกำแพงและเดินไปยังท้องถนนอย่างตระหนก เอื้อมมือ โบกเรียกแท็กซี่ จันวิภาบอกว่า “ไปโรงพยาบาล แล้วรถก็ เคลื่อนออกไป

มองไปยังหน้าต่างรถท่ามกลางภาพที่เคลื่อนไป ในใจฉัน วิภาเป็นไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่างผสมปนเป

ในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาล จันวิภาต้องการโทรหาธน ภาคเพื่อถามว่าห้องของสุมิตรอยู่ที่ไหนจึงเป็นผลให้สัมผัส ร่างกาย และพบว่าตัวเองไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือออกมา รู้สึก ตัวเอง ช่างโง่ทันที

ภายใต้ความสิ้นหวัง จันวิภาไม่มีทางเลือกจึงไปที่วอร์ด ไอพีเพื่อค้นหาเองไปทีละห้อง แต่เมื่อเธอเห็นห้องหนึ่งพร้อม บอดี้การ์ด จึงหลีกเลี่ยงมันอย่างมีสติ

แต่ในวิภา ใช้เวลาหาอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็ไม่เห็นหน้าประตู ห้องไหนมีชื่อของสุมิตรเลย ในใจเต็มไปด้วยความกังวล จัน วิภาเดินกลับไปยังประตูห้องที่บอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ ลองคิดอย่าง ถ้วนถี่ จะเป็นสุมิตรหรือไม่ที่อยู่ในนี้

มองหน้าบอดี้การ์ดสองคนนี้ จันวิภารู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่ คนของสุมิตร เธอต้องการที่จะมองใกล้ๆ แต่กลับถูกจ้องจนไม่กล้าก้าวไปแม้แต่ก้าวเดียวเสียก่อน

จันวิภาต้องยืนอยู่ตรงทางเดิน มองไปที่ประตูอย่างใจจด ใจจ่อเพื่อหวังว่าจะมีคนรู้จักบางคนออกมา

จันการออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน ภายใต้ความกังวล และหมดหนทางประตูก็พลันเปิดออก แต่คนที่เปิดประตูออกมา ทำให้ในวิภาประหลาดใจ

แท้จริงแล้วก็คือเจริญศรี

ดวงตาของเจริญศรีเป็นสีแดง ดูเหมือนว่าจะเพิ่งผ่าน การร้องไห้มา เมื่อเธอออกมาและเห็นในวิภา ทันใดนั้นก็ต้อง เขม็งและเดินมาตรงหน้าจันวิภาอย่างโกรธจัด จากนั้นก็ตวาด ออกมาว่า “นางสารเลว! ยังมีหน้ามาหาสุมิตรที่โรงพยาบาล อีกเหรอ! แกคู่ควรหรือไง!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ