พิชิตใจนายปีศาจ

ตอนที่280 แกะเข้าปากเสือก็ถูกกิน



ตอนที่280 แกะเข้าปากเสือก็ถูกกิน

เขามองจันวิภาอย่างมีความหมายและพูดว่า “ผมเกรงว่า คนคนนั้นคงไม่ธรรมดาใช่ไหม

สามารถสั่งคนในออฟฟิศตัวเองได้ตามต้องการ คนคน นั้นอย่างไรเสียก็ต้องเป็นผู้บริหารของบริษัท

ถ้าความเข้าใจผิดเล็กน้อยได้รับการแก้ไขก็เป็นเรื่องดี แต่ ถ้าเป็นศัตรูกัน คิดว่าโครงการความร่วมมือนี้ก็คงจะหมดหวัง แล้ว….

แต่พูดอีกทีถ้ามีคนรู้จักอยู่ในระดับสูง ทำไมฉันวิภาไม่ บอกก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่สุพจน์พามาด้วยตัวเอง แต่ว่า…..

เมื่อได้ยินเจ้านายพูดถึงคนคนนั้น จันวิภาก็พยักหน้าเงียบ

ได้รับการยืนยันจากจั่นวิภา เจ้านายก็หนักใจ ความสิ้น หวังบังเกิดขึ้นมาในหัวใจทีละน้อย “แล้วคุณมีความสัมพันธ์ อะไรกับเขา โครงการความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่

เจ้านายไม่ได้พูดในสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อ แต่ความ หมายนั้นมันชัดเจนเพียงพอ
จันวิภาสีหน้าเปลี่ยน รู้สึกไม่ดีที่ถูกสงสัย เธอส่ายหน้า

อย่างแน่วแน่และพูดว่า “เจ้านายคะ วางใจเถอะ เขาไม่ใช่คน ประเภทที่ไม่แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

ยังพูดไม่ทันจบ จันวิภาก็ไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก เธอ

นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อไม่ให้ผู้บริหารสัมผัสต้นขาของเธอจึงเตะอัด คนนั้นอย่างโหดเหี้ยม จำได้ว่าถึงกระนั้นสุมิตรก็ยังอยู่ในเมือง 8 เพื่อลงนามในโครงการความร่วมมือ และได้พูดกับพจรินทร์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย

ทั้งหมดนี้ ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่าสุมิตรเป็นคนที่ แยกแยะระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

นอกจากนี้เธอยังหายตัวไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ด้วย

นิสัยของสุมิตรแล้ว มันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยเธอ จากราย ละเอียดของกษิรา ก็พอรู้ว่าตอนนี้เขาโกรธมากแค่ไหน สุมิตรไม่ได้พุ่งตรงมายังที่ซึ่งเธอทำงานเพื่อสร้างปัญหา นั่นมันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว

เห็นนวิภาพูดครึ่งทางแล้วหยุด เจ้านายก็เห็นว่าเธอไม่ ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงถอนหายใจอย่างผิดหวัง เจ้านาย ถามออกมาอย่างหยั่งเชิง “หรือไม่ก็ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นดีไหม ผมเห็นว่าพวกเขาดูพอใจกับการออกแบบของเรา คุณก็รู้ว่านี่ คืองานที่แผนกออกแบบของคุณได้ทำงานมาตลอดกว่าหนึ่ง สัปดาห์ ตอนนี้อาจยังพอมีโอกาส ผมหวังว่าคุณ…

เจ้านายมองไปที่จันวิภาที่มีสีหน้าค่อนข้างลำบากใจ เสียงลดลงในตอนท้ายเพราะแม้แต่ตัวเองก็รู้สึกละอายแก่ใจ

จันวิภาได้ยินก้องในโสตประสาท แม้ว่าทัศนคติที่มีต่อเจ้า นายจะกลายเป็นผิดหวัง แต่เธอก็เข้าใจ ในฐานะผู้ประกอบ การ ในกรณีที่จะได้พัฒนาความร่วมมือระยะยาวกับบริษัทจด ทะเบียน จึงไม่เต็มใจที่จะละทิ้งโอกาสที่ดีเช่นนี้

เจ้านายที่มองในมุมมองของเจ้าของบริษัท เขาสามารถ ถามตนอย่างสุภาพเช่นนี้ก็ให้เกียรติเธอมากพอแล้ว ถึงแม้ว่า จะไม่รู้ว่ามันเป็นการให้เกียรติสุพจน์หรือ ให้เกียรติเธอ ฉันวิภา ก็สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด

จนวิภาเม้มริมฝีปากแน่น ภายในใจก็ครุ่นคิดว่าควรตอบ ตกลงต่อเจ้านายออกไปดีหรือไม่

ถ้าไป ก็เท่ากับการขว้างตัวเองเข้าสู่ตาข่าย แกะเข้าไปใน ปากของเสือ มีแต่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของตน

แต่ถ้าไม่ไป โอกาสสำหรับความร่วมมือนี้คงจะเป็นศูนย์ และไม่ต้องพูดถึงว่าบริษัทสูญเสียทรัพยากรมนุษย์และเงิน มากมายขนาดไหน และถ้าจันวิภาไม่ไป สุมิตรก็จะมาหาถึงที่ ด้วย

การหาที่อยู่ของเธอมันไม่ง่าย จันวิภาไม่เชื่อว่าสุมิตรจะ ตามหาเธอพบด้วยวิธีของเขาเอง

คิดทบทวนกลับไปกลับมาแล้ว อย่างไรเสียก็คงไม่รอดพ้น จากกรงเล็บของสุมิตรไปได้ เธอไปก็คงจะดีกว่า อาจจะมีโอกาสบ้างเล็กน้อย

หายใจเข้าลึกแล้วนวิภาก็มองเจ้านายอย่างจริงจังและ พูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ฉันจะไป เพื่อให้พวกเขาเซ็นสัญญา บริษัทเรา!”

เมื่อได้ยินคำพูดของฉันวิภาก็เผยรอยยิ้มแห่งความโล่งใจ เขามองไปที่จันวิภาอย่างชื่นใจพร้อมรอยยิ้ม “ผมรู้ว่าคุณเป็น คนที่เข้าใจอะไรง่าย ไม่ต้องห่วงนะ ตราบใดที่คุณสามารถ ทำความร่วมมือกับโครงการนี้ได้สำเร็จ ผมสัญญากับคุณว่าจะ ไม่ถูกลืมแน่นอน!

จันวิภายิ้มและไม่พูดอะไร เมื่อเธอไป ไม่รู้ว่ายังสามารถ กลับมาทำงานที่นี่ได้อีกครั้งหรือไม่ สำหรับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ ด้วยกันนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ รู้สึกของคุณพวกเขาที่ทุ่มเทเวลา เต็มที่

อย่างไรก็ตามเมื่อวันวิภายืนอยู่ข้างล่างของบริษัท ตะวัน กรุ๊ป จำกัด ในใจก็อดไม่ได้ที่จะอยากหนีไป ถึงแม้ว่าเธอจะคิด ว่าแค่หางานใหม่ทำก็จบ แต่งานปัจจุบันเป็นการแนะนำของสุ พจน์ ถ้าหากเธอลาออกกะทันหันมันก็เท่ากับเป็นการชกหน้าสุ พจน์ไม่ใช่เหรอ

จนวิภารู้สึกผิดต่อสุพจน์มากพอแล้ว ไม่สามารถทนทำสิ่ง

ที่จะทำให้เขาต้องอับอายอีก
ให้กำลังใจตัวเองในใจอีกครั้ง จนวิภารวบรวมความกล้า ที่จะเข้าไปในบริษัท ตะวัน กรุ๊ป จำกัด แต่ยังไม่ทันที่จันวิภาจะ ได้พูดอะไรก็มีคนออกมาต้อนรับเธอแล้ว

คนที่มาคือสาวน้อยที่เธอกับสุมิตรเคยเดินผ่านไปยังชั้นที่ ทำงานนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบยิ้มแย้มและนินทาคน เมื่อ ได้ยินว่าฉันวิภามาก็มาพาเธอไปที่ลิฟต์และพูดคุยไปด้วย “พี่ จันวิภา ในที่สุดคุณก็กลับมาสักทีนะคะ คุณไม่รู้หรอกว่าช่วง เวลาที่คุณไม่อยู่ ท่านประธานอารมณ์ร้อนมากจนฉันไม่กล้าที่ จะขึ้นไปส่งรายงานเลย นอกจากคุณธนภาคแล้วก็ไม่มีใครกล้า เข้าใกล้ท่านประธานอีก

จนวิภาลาออกไปแล้ว ไม่ใช่เลขาฯ ของบริษัท ตะวันกรุ๊ป จำกัด เมื่อพบกับพนักงานเก่าก็ยังคงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอพยายามจะยิ้มและตอบกลับ “จริงเหรอ

“แน่นอนสิคะ!” หญิงสาวแสดงออกด้วยการพยักหน้า อย่างเกินจริง เมื่อพูดจบเธอก็มองไปรอบ ๆ และแอบกระซิบที่ ข้างหูจันวิภาว่า “ฉันขอแนะนำให้คุณรอและระวังหน่อย อย่าได้ จุดไฟเผาตัวเองนะ

ในลิฟต์มีเพียงพวกเขาสองคน จันวิภาไม่เข้าใจว่าทำไม เธอต้องทำลับๆล่อๆ พูดด้วยท่าทีเงียบเย็น “วางใจเถอะค่ะ ฉันมีลิมิตของตัวเอง

ระหว่างทาง เธอต้องคอยปรับสภาวะทางจิตใจของตัวเอง
ผู้หญิงคนนี้ดูจะเป็นคนที่หน้าหนา จันวิภา ในตอนที่ยังเป็น เลขาฯ ของบริษัท ก็ได้ลิ้มรสความกระตือรือร้นของเธอมาแล้ว เห็นว่าในภาเฉยเมย เธอก็ถามด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น “พี่จันวิภา ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ

จนวิภาเลิกคิ้วพลางจ้องมองเธอ พูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ “คุณ ถามสิ

“ไม่ทราบว่า….” หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหันมา พูดกับฉันวิภา คุณเป็นคนรักของท่านประธานจริงเหรอคะ เด็ก ผู้ชายที่คุณพามาด้วยวันนั้นก็เป็นลูกชายของคุณกับท่าน ประธานด้วยใช่ไหม

ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าถามคำถามนี้กับเธอ

แต่ก่อนที่จันวิภาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นมือที่สาม เธอก็ยัง ถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวเองกับสุมิตร ดูจะเป็นผู้หญิง ที่ชอบนินทา ในเหตุการณ์วันนั้นที่จันวิภาพานิเวศน์มาเธอไม่มี โอกาสได้ถาม

จนวิภายิ้มและส่ายหน้า “ฉันกับสุมิตรไม่มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องกัน คุณไม่ต้องคิดมาก

“แล้วทำไม…. หญิงสาวยังต้องการถามอะไรต่ออีก แต่ ในเวลานี้มาถึงชั้นของสุมิตรแล้ว “ตั้ง ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อ หญิงสาวใต้เห็นจึงจำต้องหุบปาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ