พิชิตใจนายปีศาจ

ตอนที่ 56 หึง หึงจนบ้าคลั่ง



ตอนที่ 56 หึง หึงจนบ้าคลั่ง

ทั้งสามคนพูดคุยไร้สาระกันอยู่ในสำนักงาน ทันใดนั้นเอง เวธัสจึงรู้สึกว่าการมีตัวตนอยู่ของเขาเป็นส่วนเกิน เขาขอตัว ออกไปสูดลมหายใจข้างนอก จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินออก จากสำนักงานไป

หลังจากที่เวธัสออกไปแล้ว นราวิชญ์จึงจับแขนจันวิภาเอา ไว้ทันที นั่งข้างๆเธอ แล้วเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “ครั้งนั้นหลัง จากที่เธอกลับบ้านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใช่มั้ย?”

จันวิภาขมวดคิ้ว “พี่นราวิชญ์ พี่ไม่ได้พูดหรอไงว่าตอนนี้ ฉันเป็นเหมือนน้องสาวของพี่”

ที่ง ท่าทางราวกับไม่มีความเบิกบานใจ แต่ ทว่านัยน์ตาของเขาไปด้วยความอบอุ่น “จันวิภา เพราะว่าผมเห็นเธอเป็นน้องสาว ก็เลยไม่อยากให้เธอได้รับ ความไม่เป็นธรรม”

จันวิภากล่าว “สุมิตรดีกับฉันมาก พี่ไม่ต้องกังวลนะ”

คิ้วของนราวิชญ์ขมวดจนติดกัน เขาวิภา เธอจะโกหกผมไปจนถึงเมื่อไหร่ ผมเธอมาแล้ว”

ความโกรธของนราวิชญ์ กลับทำให้จันวิภารู้สึกความอบอุ่นที่ห่างหายไปนาน ยังมีคนที่ใส่ใจเธออยู่

แต่ทว่าเพียงไม่นานเธอก็ได้สติตื่นขึ้นมาจากความ

นั้น ข่าวลือก็คือข่าวลือ ไม่ใช่หรอคะ?”
นราวิชญ์ยังคงคัดค้าน “เธอเป็นคนที่ดื้อมากๆ ซึ่งฉันนั้นรู้ดี แต่เธอไม่จำเป็นต้องดื้อรั้นจนทำให้ตนเองตกลงในกองเพลิง หรอก ยังจะแข็งกร้าวอยู่อีก”

นราวิชญ์พูดจบ ก็ได้ยื่นมือออกไปลูบที่แก้มของจันวิภา เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของจันวิภานั้นสั่นกระเพื่อมอยู่เล็กน้อย แต่ทว่ากลับ เบือนหน้าหนี แล้วเอ่ยปากพูดอย่างไม่มีความสุข “แม้ว่าพี่จะรู้ ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่สกปรกอย่างนั้นน่ะหรอ? ทำไมพี่ถึงได้หยอก ล้อฉันเล่นอย่างนี้?”

นราวิชญ์ตัวสั่นเทาอยู่เล็กน้อย หยุดมือที่ยื่นออกไปกลาง อากาศ และยิ้มอย่างขึ้นชม

จันวิภามองดูสีของท้องฟ้าที่อยู่ทางด้านนอก มันมืดลงมา โดยไม่ทันรู้ตัว จันวิภาจึงเอ่ยปากพูดขอโทษออกไป “มืดมาก แล้ว ฉันควรกลับไปได้แล้ว”

พูดจบจึงเตรียมที่จะลุกขึ้น นราวิชญ์รีบไปประคองอย่าง รีบร้อน “ให้ผมไปส่งเธอดีกว่า”

จันวิภาปฏิเสธอย่างสุภาพ “พอแล้ว เวธัสน่าจะรอฉันอยู่ ข้างล่าง ให้เขาไปส่งฉันก็ได้แล้ว”

นราวิชญ์ขมวดคิ้วขึ้น “เธอเป็นอย่างนี้ไง ฉันจะวางใจให้ คนอื่นไปส่งเธอได้อย่างไง”

จากค้าพูดของเขาที่ได้ยินออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อสุมิตรเสียเท่าไหร่ อย่างน้อยก็ไม่ไว้วางใจ

จันวิภาพูดโต้แย้ง “เวธัสเป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง ไม่เหมือน

กับ..

นราวิชญ์ขมวดคิ้ว “ผู้ชายคนอื่น ที่เธอพูดหมายถึงฉัน

หรอ?”

จันวิภารีบโบกมือปัดไป “ไม่ใช่แน่นอน ฉันเปรียบเทียบ

ให้ฟังเฉยๆ”

คิดไม่ถึงเลยว่าเวธัสจะเปิดประตูเข้ามาตอนนี้ คำพูดเมื่อ สักครู่นี้เวธัสจะต้องได้ยินแน่นอน

จันวิภามองเวธัสด้วยความรู้สึกอึดอัด แต่เขากลับทำท่า ทางเหมือนจะไม่ได้สนใจ และยังพูดกับจันวิภาอีกว่า “ก็ให้พี่ นราวิชญ์มาส่งพวกเราด้วยสิ”

จันวิภาจึงไร้หนทางที่จะปฏิเสธอีก

ทั้งสามคนลงไปชั้นล่างพร้อมกัน เวธัสยิ้มขึ้นมาตรงมุม ปากเป็นครั้งคราว ก้าวลงเดินบันได ไม่ทันระวังจึงได้ลื่นไถล ร่างกายเสียการทรงตัว ล้มลงไปข้างหน้า

นราวิชญ์ยื่นมือออกมาดึงแขนของเวธัสเอาไว้ แล้วดึงเขา ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เวธัสไม่รู้ว่ามันเป็นการจงใจหรือไม่ ร่างกายของเขาตกลงไปสู่อ้อมแขนของนราวิชญ์อย่างแนบ แน่น

จันวิภาเบ่งตามอง แล้วจึงแอบยิ้มขึ้นมา มือข้างหนึ่งของนราวิชญ์ประคองจันวิภาเอาไว้อยู่ มืออีกข้างหนึ่งจับหนุ่มน้อย เวธัสเอาไว้ และมันก็น่าอายเช่นกัน

ณ ตอนนี้นราวิชญ์เหลือบมองเวธัส แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันว่าคุณชายคนที่สองของตระกูลวิบูลย์ธนภัณฑ์ อยากจะ นอนเล่นอยู่ที่นี่ซะละมั้ง?”

เวธัสบิดตัวออกจากอ้อมแขน แล้วพูดอย่างเก้อเขิน “อาจ จะเป็นเพราะพิธีเปิดมันเปลืองสมองมากเกินไปนะ ก็เลยเหนื่อย นิดหน่อย”

จันวิภามีความสุขเสียเหลือเกิน นราวิชญ์ขมวดคิ้วแล้ว ถอนหายใจ

หลังจากที่ส่งจันวิภาถึงหน้าบ้าน นราวิชญ์ก็ไม่ได้พูดพร่ำ ทำเพลงอะไรแล้วขับรถออกไปทันที จันวิภาที่พึ่งลงจากรถมา นั้นได้เห็นสายตาที่เยือกเย็นคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาอยู่

“พี่ พวกเรากลับมาแล้ว” เวธัสมักจะเป็นคนที่มีความสุขได้ ง่ายมากคนหนึ่ง แม้ว่าจะเห็นใบหน้าที่เยือกเย็นของสุมิตร

เวธัสเขาชนะจริงๆ จันวิภาครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่กลับไม่ เหลียวมองสุมิตร แล้วเดินผ่านเขาไป เรื่องที่ขาดคุณธรรมเมื่อ ตอนกลางวันนั้น เธอยังไม่อาจที่จะให้อภัยสุมิตรได้รวดเร็ว ขนาดนั้น

ใครจะรู้ว่าตอนที่เดินผ่านสุมิตรไปนั้น เขาจะดึงเธอเข้ามา ในอ้อมกอดของตนเองทันที แล้วกอดอย่างรุนแรง
จันวิภาดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง อ้าปากตะโกนพูดขึ้นมา “สุ มิตร นายเป็นบ้าอะไรอีก ตอนค่ำนายไม่ได้กินยาหรอไง นาย มันวิปริต”

“ทุบปาก! ” สุมิตรตะคอกออกมาด้วยความโกรธ เขาชี้ ไปยังรถของนราวิชญ์ที่ค่อยๆหายลิบไป “นางร่าน เธอคิดว่าสุ มิตรคนนี้ตาบอดงั้นรึ? พอตกดึกก็ให้ไอ้ชู้คนนี้มาส่ง ผมที่อยู่ที่ นี่เป็นคอกหมาสำหรับผู้หญิงสารเลวอย่างเธองั้นรี?”

จันวิภาขี้เกียจที่จะอธิบายให้คนที่เป็นโรคประสาทเช่นนี้ ฟัง จึงก้มหน้าลงไปแล้วกัดไปที่มีอของสุมิตร

สุมิตรได้ป้องกันตัวจากเล่ห์เหลี่ยมของเธอเอาไว้ก่อนแล้ว ฝ่ามือที่ราวกับคีมเหล็กกำลังบีบคางของเธอเอาไว้อยู่ แล้วยิ้ม เยาะเย้ย “ไม่เพียงแต่เป็นผู้หญิงร่าน ทั้งยังเป็นหมาบ้าชอบกัด คนด้วย”

จันวิภาถูกบีบคางเสียจนปวด เงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้า แดงก่ำ

เวธัสในตอนนี้ตกตะลึงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเขาจะ รู้ว่าระหว่างพี่ชายกับจันวิภามีความขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อย แต่ คาดไม่ถึงเลยว่าความขัดแย้งจะรุนแรงได้ถึงขนาดนี้

เวธัสขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “พี่ พี่กำลังทำ อะไร? และยังต่าพี่สะใภ้อย่างโหดเหี้ยมขนาดนั้นอีก พี่ดื่มจน เมาไปแล้วหรือไง? พี่..”

“นายอย่ามายุ่ง เธอเป็นผู้หญิงร่าน ทั้งวันคิดแต่จะไปอ่อยผู้ชายข้างนอก ท์ แม้แต่นายก็ยังไม่เว้น…” แรงของสุมิตรเพิ่ม มากยิ่งขึ้น ทำให้จันวิภาเจ็บปวดเสียจนพูดไม่ออกแม้แต่ ประโยคเดียว

เมื่อเวธัสเห็นฉากเช่นนี้จึงรู้สึกหวาดกลัว เขาพูดขึ้นมา อย่างยากที่จะเข้าใจ “พี่ ฉันไม่รู้จริงๆว่าพี่กำลังหูดับตาบอดพูด อะไร เธอไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อพี่แน่นอน”

สุมิตรยิ้มเยาะ”ที ใช่หรอ? อยู่ในห้องตามลำพังใน สำนักงานของนราวิชญ์ชั่วโมงกว่า ยังจะเรียกว่าไม่ได้ทำเรื่อง อะไรที่ผิดต่อฉันอีกหรอ?”

เวธัสอิ้งนึ่งไป สับสันเอ่ออ่า รู้ว่าตอนนี้แม้ตนเองจะมีสิบ

ปากก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน จึงรีบร้อนพูดออก ไป “ไม่ว่าพี่จะคิดอย่างไง พี่ต้องปล่อยพี่สะใภ้เดี๋ยวนี้”

สุมิตรทิ้งค่าพูดหนึ่งไปให้เวธัสอย่างดุเดือด “นายไปพัก ผ่อนชะ ฉันไม่อยากจะพูดกับนายให้มากความ” พูดจบจึง ปล่อยคางของจันวิภาออก

เมื่อจันวิภาถูกปล่อยจึงได้ทุบตีสุมิตรอย่างบ้าคลั่ง พร้อม กับตะโกนออกมาเสียงดัง “วิปริต สุมิตร ทำไมนายถึงได้วิปริต ไร้ยางอายได้ขนาดนี้ นายจะไม่ได้ตายดีแน่ นาย.”

สุมิตรไม่สนใจ แล้วโอบเอวของจันวิภาแล้วอุ้มขึ้นมา ทันใดนั้นก็เขาประชิดใกล้ใบหูของเธอแล้วพูดอย่างอบอุ่น “ถ้า คืนนี้ฟังคำพูดของผม ผมจะให้อภัยเธอ”

น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอย่างฉับพลันนั้นทำให้จันวิภาใจอ่อน แต่ทว่าเธอยังคงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “นายอยากที่ จะให้ฉันทำอะไรอีก?”

สุมิตรอุ้มจันวิภาขึ้นมา เดินออกจากห้องไป แล้วปล่อยวาง ลงในรถ “เธอเป็นเด็กดีอย่าส่งเสียงดัง ไม่งั้นถ้าหัวเราะขึ้นมา ดังๆมันจะไม่ดีสักเท่าไหร่”

ในใจของจันวิภาเกินที่จะเข้าใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท้ายที่สุดสุมิตรก็ได้ทิ้งรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และเย้าเยวนไว้ให้เธอ มันช่างน่าแปลกประหลาดเป็นที่สุด จึงทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัว

แต่ทว่า สุมิตรกลับปิดประตูรถอย่างรุนแรง ดวงตาของ เวธัสเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตะลึง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ