พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน461 โดนจับได้แล้ว



ตอน461 โดนจับได้แล้ว

ตอนที่ 461 โดนจับได้แล้ว

โทรศัพท์เครื่องนี้ได้ถูกตั้งระบบมาอย่างดีหลังจากส่งข้อ มูลใดๆออกไปทั้งข้อมูลและรายชื่อผู้ติดต่อก็จะถูกลบทิ้งทันที ผู้ชายตัวใหญ่พละกำลังมากมายแค่ไหนก็หาเบาะแสไม่เจอ หรอก

หลังจากตรวจสอบแล้วไม่เจออะไรพวกคนของสุมิตรก็ได้ แต่จับพวกลูกกระจ๊อกไปให้สุมิตรจัดการ

ทางฝั่งเปมิศาหลังจากได้รับข้อความก็รีบเปิดดูทันทีแต่ สายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเธอนั้นก็มืดครึ้มลงทันที เธอกำมือแน่นด้วยความแค้นแล้วก็พึมพำออกมาว่า “สุมิตรสม คำร่ำรือจริงๆเลยนะ

ตอนนั้นเองปองก็กำลังเลือกกุ้งเป็นเพื่อนในวิภาอยู่ทันใด นั้นเขาก็ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนจากหูฟังทำให้สีหน้าเขา เปลี่ยนไปเลย

เขารีบแยกจากกันวิภาแล้ววิ่งไปหาเปมิศาทันทีแล้วพูด

ว่า“รีบไป!”

จนวิภาถามออกมาไม่เข้าใจสถานการณ์ว่า เกิดอะไรขึ้น เหรอ?”
พอเห็นสีหน้าของปองนั้นเปมิศาก็เข้าใจสถานการณ์ทันที สีหน้าก็เปลี่ยนทันที

เธอมองหน้าปองแวบนึงแล้วก็หันไปพูดกับจันวิภาว่า ของ เจอว่าคนของสุพจน์อยู่แถวนี้ตอนนี้พวกเราอยู่ในอันตราย

“หา?!” จันวิภาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันทีมองไปรอบๆด้าน

อย่างระมัดระวังแล้วพูดด้วยสีหน้า

“ไม่ต้องกังวลไปในเมื่อฉันพาเธอออกมาฉันก็มีหน้าที่พา เธอกลับไปอย่างปลอดภัย เปมิศาขมวดคิ้วมองไปรอบๆพร้อม พูดว่าไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีเท่าฉันอีกแล้วตามฉันมา

ถึงแม้ว่าเปมิศาจะบอกจันวิภาว่าไม่ต้องกังวลแต่เมื่อเห็น สีหน้าของเปมิศาแล้วนั้นจนวิภาก็รู้ทันทีว่าครั้งนี้น่าจะไม่ได้หนี ได้ง่ายๆแน่นอน

อีกด้านนึงนิเวศน์ที่นั่งอยู่บนรถก็ได้ยินเสียงๆนึงที่ทำให้ เขาตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ฉันเจอเจ้าแฮคเกอร์คนนั้นแล้วอยู่ใกล้ๆนี่เอง!

สุมิตรที่พึ่งกลับมานั้นพอได้ยินข่าวดีดวงตาก็เต็มไปด้วย

ประกายแห่งความหวัง

“ดูจากการที่เขาอยู่ที่เดียวกับผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ใช่เรื่อง บังเอิญพวกนั้นต้องเป็นพวกเดียวกันแน่ๆยังไงวันนี้ก็ต้องลาก คอพวกนั้นออกมาให้ได้

“แต่ว่ามันเป็นตลาดอาหารทะเลทางคดเคี้ยวมากขับรถเข้าไปไม่ได้หรอก”

“งั้นเดี๋ยวฉันจะวิ่งเข้าไปเองจะจับผู้หญิงคนนั้นให้ได้

สุมิตรพูดไปพลางถอดเสื้อคลุมออกก้าวเท้าลงจากรถด้วย สีหน้าอึมครึม

“เดี๋ยวก่อนปะ! “นิเวศน์เรียกให้สุมิตรหยุดพลางโยนหูฟัง ไปให้เขาคู่นึงใส่ไว้เราจะได้ติดต่อกันได้

ในขณะเดียวกัน…..

ปองมองเครื่องระบุพิกัดในมือก็ยิ่งรู้สึกใจไม่ดี

“เปมิกาเราแยกกันไปคนละทางเถอะเดี๋ยวฉันจะล่อพวก นั้นไปเองเธอพาทิพากันหนีไปซะ

เปมิศาลังเลอยู่ครู่นึงแล้วตอบว่า “ระวังตัวด้วยล่ะ หลังจากพูดจบเปมิศาก็พากันวิภาวิ่งไปอีกทางนึง

“เปมิศาแล้วแบบนี้ปองจะตกอยู่ในอันตรายไหม?”

“ไม่ต้องห่วงหรอกปองน่ะสะกดรอยตามเก่งแถมยังซ่อน ตัวเก่งอีกต่างหากไม่โดนจับได้ง่ายๆหรอกตอนนี้เขากำลัง พยายามยื้อเวลาให้พวกเราหนียังไงล่ะ

“แต่ว่า”

“ไม่มีแต่แล้วไปกับฉัน!“เปมิศารีบตัดบทแล้วก็พูด ต่อว่า “เห็นปากทางด้านหน้านั่นไหมแค่พวกเราไปขึ้นรถตรงนั้นได้ก็จะหลุดพ้นจากฝั่งตรงข้ามแล้ว

คำพูดของเปมิศาทำให้ฉันวิภารู้สึกมีความหวังเธอใช้แรง

ทั้งหมดที่มีเพื่อวิ่งที่ไปที่ปากทางนั้น ในถนนเส้นนั้นมีรถธรรมดาๆ จอดอยู่คันหนึ่งมีเด็กน้อยตัว

เล็กๆนั่งอยู่บนรถคันนั้นได้แต่จ้องหน้าจออย่างตั้งใจ

เขาจดจ่ออยู่กับหน้าจอมากโดยไม่ทันสังเกตเลยว่าคนที่ เขาคิดถึงมากที่สุดในชีวิตจะอยู่ข้างหลังเขานั่นเองหลังจาก ผ่านไปครึ่งชั่วโมงนิเวศน์ก็เห็นว่าปุ่มแดงที่เป็นสัญญาณเตือน ตำแหน่งของคนๆนั้นก็เข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็วเขาก็ยิ้มมุม ปากอย่างพอใจ

มีคนเปิดประตูรถออกแล้วก็มีคนๆนึงถูกผลักขึ้นรถมา “ปะเป็นยังไงบ้างครับ?

สุมิตรตอบด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า “จับได้แค่พวกลูกน้อง

กระจอกๆ

พอได้ยินคำพูดของสุมิตรนิเวศน์ก็รู้ทันทีว่าล้มเหลว

สายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ปองนิเวศน์สำรวจเขาตั้งแต่ หัวจรดเท้าแล้วก็คลี่ยิ้มออกมาปะปนี่ไม่ใช่พวกลูกน้องกระ จอกๆนะเนี่มันตัวหัวโจกเลยจับมันได้อีกไม่นานก็ต้องหาที่อยู่ ของผู้หญิงคนนั้นเจอแน่!

ตอนแรกนั้นปองไม่ได้มองเด็กตัวน้อยคนนี้อยู่ในสายตา ซะด้วยซ้ำแต่พอได้ยินคำพูดของเขาและพวกอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ที่อยู่ตรงหน้าของเขาแล้วปองก็มีท่าทีไม่อยากจะเชื่อ สายตาตัวเอง

“คนที่สู้กับฉันมาตลอดคงไม่ใช่นายหรอกใช่ไหม?

“ไม่ผิดหรอกฉันเอง

ของหัวเราะออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูกแล้วพูดว่า เอียงหู เป็นคนที่มีความสามารถมากฉันก็ไม่คิดว่าจะเป็นเด็กตัวเท่านี้ “นายก็ไม่เลวเลยนะสู้กับนายตั้งนานกว่าจะลากคอนายมาได้ นิเวศน์พูดออกมาอย่างจริงใจแล้วก็พยายามเกลี้ยกล่อมเขา ว่า “ฉันล่ะนับถือฝีมือของนายจริงๆเลยนะแค่นายคืนหมาหมา ให้ฉันฉันก็จะให้ปะปรานนายหน่อย

“นายก็น่าจะรู้ตัวตนฉันดีอยู่แล้วแล้วคิดว่าฉันจะยอมก้ม หัวให้งั้นเหรอ?”

“จะบอกว่านายจะไม่ยอมปริปากว่างั้นเถอะ

ปองยิ้มพลางพยักหน้า

นิเวศน์ถอนหายใจแล้วก็หันไปบอกสุมิตรว่า “ดูเหมือนว่า ต้องให้ปะลงมือจัดการแล้วล่ะแต่ว่าปะอย่าให้ถึงตายได้ ไหมเขาเป็นคนมีพรสวรรค์”

สุมิตรตอบด้วยสีหน้าน่าเกรงขามว่า “ก็ต้องดูว่ามันคู่ควร

เปล่า”
ฟ้ามืดแล้วเปมิศาพยายามโทรหาของเท่าไหร่ก็ไม่ติด

แย่แล้ว!

เปมิศาขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดแล้วก็หันหลังเดินกลับ ห้องนอนของตัวเองไป

เห็นท่าทีตึงเครียดของเปมิศาแล้วนั้นในวิภาก็ถามขึ้น ว่า ยังไม่ได้ข่าวคราวจากปองอีกเหรอ?”

เปมิศาส่ายหัว

“คงไม่ได้โดนฝ่ายตรงข้ามจับตัวไปหรอกเนอะ

“เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเองเธอไปนอนเถอะ

“แต่ว่า…”

“ไม่ต้องคิดเยอะแล้วฟังคำฉันเถอะ

เห็นท่าทีที่ไม่อยากจะพูดอะไรมากของเปมิศาแล้วจันวิภา ก็ได้แต่เก็บความกังวลไว้ในใจ

จนวิภานอนหงายมองฝ้าเพดานอยู่บนเตียงในใจมีแต่ ความสับสนวุ่นวาย

ถึงแม้ว่าเปมิศาจะไม่ได้พูดออกมาแต่ในวิภาก็รู้ว่าตัวตน

ที่แท้จริงของเธอกับปองนั้นไม่ใช่แค่แฮคเกอร์ธรรมดาๆ แน่นอน

แล้วการที่อยู่ๆพวกเขาอยากพาเธอไปเที่ยวเล่นนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกมั้ง

เปมิศาเดินลงมาข้างล่างด้วยสีหน้าอึมครึมแล้วเธอก็ ตัดสินใจต่อสายหาเบอร์นั้นอีกครั้งหนึ่ง

เสียงรอสายดังขึ้นแค่สองครั้งแล้วก็มีคนรับโทรศัพท์

“ฮัลโหล?”

เปมิศากดเสียงต่ำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “ถ้า คุณสุมิตรยังไม่ยอมพูดอะไรล่ะก็การร่วมมือของเราก็จบลง เพียงเท่านี้

หลังจากนั้นสุมิตรก็เอ่ยปากถามอย่างไม่เกรงกลัวว่าเธอ แน่ใจเหรอว่าเธอไม่อยากได้ข่าวคราวอะไรจากฉัน?”

“ฉันก็ไม่ได้อยากร่วมมือกับคุณหรอกนะเงื่อนไขเดียวกัน พจน์ก็ให้ฉันได้เหมือนแต่ที่ฉันเลือกคุณก็เพราะว่าเธอคนนั้น หวังว่าจะได้กลับไปอยู่กับคุณแต่ถ้าคุณไม่บริสุทธิ์ใจล่ะก็ฉันจะ ได้ลองพิจารณาอีกตัวเลือกนึง

สุมิตรตะคอกออกมาอย่างบ้าคลั่งว่า “ถ้าเธอนึกถึงวันวิภา จริงๆล่ะก็คงจะไม่ใช้เธอเป็นเครื่องมือแบบนี้หรอกปากก็บอก ว่าเป็นเพื่อนเธอเธอคิดว่าถ้าจันวิภารู้ทุกสิ่งที่เธอทำล่ะก็จะให้ อภัยเธองั้นเหรอ?”

“ฉันไม่ได้ต้องการการอภัยจากครทั้งนั้นแค่ตัวเองไม่ต้อง รู้สึกละอายใจก็พอแล้ว

คำพูดนี้ทำให้สุมิตรหัวเราะออกมาราวกับว่าได้ยินสิ่งที่น่าขบขันมากๆ

“ไม่ต้องรู้สึกละอายใจงั้นเหรอ? หมถ้ายังงั้นเธอรู้สึกละอาย ใจกับเพื่อนอีกคนของเธอไหมล่ะ? ตอนนี้มันอยู่ในกำมือฉันจะ เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับสิ่งที่เธอตัดสินใจแล้วนะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ