พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน 337ฝีมือในการแสดง



ตอน 337ฝีมือในการแสดง

ตอนที่ 337 ฝีมือในการแสดง

สุมิตรยังคงไม่ได้สตินราวิชญ์เลยเอารถโรงพยาบาลออก มาแล้วก็เอาเตียงคนไข้ของสุมิตรออกมาด้วย

มองใบหน้าที่ไม่มีชีวิตชีวาของสุมิตรในใจก็รู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรที่ดีซ่อนอยู่หลังจากทุกๆครั้งที่ ทําร้ายจนวิภาเขาก็ยังสามารถทำให้ในใจของจันวิภายังมีที่ สําหรับเขาอยู่

เรื่องระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงมันเป็นเรื่องที่แปลกมากจริงๆ

นราวิชญ์ส่ายหัวเบาๆ แล้วบอกกับตัวเองว่าคิดอะไรพวกนี้ มันไม่มีประโยชน์ที่เขาทำได้ก็คือคอยอยู่ข้างๆจนวิภาเฝ้าคอย สักวันที่จะได้อยู่กับเธอจริงๆ

นอกจากนั้นราวิชญ์ยังเอาข้อความสั้นๆที่ส่งมาจากบุคคล นิรนามว่าคงจะเป็นธนภาคที่ส่งมาบางทีเขาคงจะผ่านอะไรมา แล้วก็ได้

นราวิชญ์ใช้เวลาเร็วมากในการไปถึงบ้านของธนาค ตอนที่สุมิตรอยู่หน้าแล้วเจอทุกคนทุกคนดูตกใจมาก

“นึกไม่ถึงว่าจะพากลับมาแบบนี้เลย คงจะไม่มีคนเฝ้าเขา ใช่ไหม เสียงสุขุมของธนภาคดังออกมาอย่างรวดเร็วเดิมที่เขาคงคิดว่าก่อนที่เราวิชญ์จะไปในครั้งนี้ก็แค่ไปสังเกตการณ์

พอเห็นตอนชนภาคตกใจสุมิตรก็คงจะงงมากแน่ๆเขาไม่ แน่ใจเลยถามออกไปว่า “ข้อความสั้นๆนั้นคุณคงจะเป็นคนส่ง ให้ผมใช่ไหม”

“ข้อความหรือ ข้อความอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกัน ธน

ภาคนงง

นราวิชญ์มองจันวิภากับนิเวศน์มองแล้วมองอีกก็เห็นว่า สองแม่ลูกกะพริบตามองมาหาเขารอค่าอธิบายจากเขา

นราวิชญ์จึงอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียด

“สรุปแล้วว่าถ้าไม่ใช่คนนั้นเป็นคนบอกผมว่าไม่มีคนเฝ้า มิตรอยู่ ผมก็คงไม่พาสุมิตรออกมาหรอก นราวิชญ์อธิบาย “ผมก็คิดว่าเป็นพวกคุณ

หลังจากที่ธนภาคฟังนราวิชญ์อธิบายสีหน้าที่แสดงออกว่า คิดได้ทันทีเขาพูดเบาๆว่า “ผมรู้แล้วว่ายังไงต้องเป็นแฮกเกอร์ ครั้งที่แล้วแน่นอน คิดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจพวกเราได้มาก ขนาดนี้ยังดีที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพื่อนของพวกเราไม่อย่างนั้น แล้วอันตรายจริงๆ”

นราวิชญ์ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แฮกเกอร์หรอ คุณรู้จักเขา คนนี้ด้วยหรอ”

ธนภาคเดินไปข้างๆเตียงของสุมิตรเอาผ้าห่มมาห่มให้สุ มิตรและส่ายหัวไปด้วยพร้อมพูดว่า “ไม่นะ ที่จริงแล้วผมกำลังหาร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้แต่ก็ไม่เจออะไรอาจจะเป็นเพื่อนของสุ มิตรก็ได้รอเขาตื่นขึ้นมาเราก็น่าจะรู้แล้ว

ธนภาคพูดอย่างคร่าวๆ คิดไม่ถึงว่านราวิชญ์จะพูดถึงเรื่อง ที่บริษัทวางแผนโฆษณาครั้งที่แล้วยังไงก็ตามนราวิชญ์ก็ถือว่า เป็นคู่แข่งของบริษัทตะวันกรุ๊ปเพียงแต่เขาอยู่ที่นี่ตอนนี้ยัง สามารถควบคุมจิตใจได้การที่นราวิชญ์รักษาระยะห่างไว้ได้ ถือเป็นเรื่องยากจริงๆ

นราวิชญ์ก็ไม่ได้ถามอะไรมากแล้วชี้ไปยังสุมิตรที่นอนอยู่ บนเตียงพร้อมพูดว่า “ไม่ว่าจะพูดยังไง ผมก็พามาแล้ว

ตอนนี้นิเวศน์นอนฟุบอยู่ข้างๆเตียงสายตาไม่หยุดมอง มิตรมือจับมือของสุมิตรมาแนบไว้ข้างแก้มอย่างแน่นไม่รู้ว่า กำลังพูดกระซิบอะไรอยู่ในวิภาก็ยืนเหม่อลอยอยู่ข้างๆเขา

หลังจากที่นราวิชญ์มองเห็นหน้าตาโศกเศร้าของจันวิภา ในใจก็รู้สึกทุกข์เป็นอย่างมาก

“ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดพวกเราคือไม่ต้องส่งสุมิตรกลับเข้า โรงพยาบาล ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีก…..จันวิภาถามความคิด เห็นของธนภาค

ธนภาคพยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “อยู่ที่บ้านผมก็ได้ เดี๋ยว ผมจัดคนมาเฝ้าโรงพยาบาลนั้นผมก็ติดต่อได้ให้พวกเขาส่ง หมอที่ดีที่สุดที่หาได้ในตอนนี้มา

ทันใดนั้นนราวิชญ์ก็พูดขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ผมคิดมาดีแล้วหมอกำลังเดินทางมาแล้ว”

ธนาคมองเขาด้วยความไม่มั่นใจนราวิชญ์ก็อธิบายว่า “เป็นหมอที่เคยดูแลเขา น่าจะไม่มีปัญหาอะไรเนอะคุณสงสัย ผมหรอ

ธนภาคสูบจมูกแบบอึดอัดวางตัวไม่ถูกไม่ได้แสดงความ คิดเห็นอะไร

นราวิชญ์ยิ้มอย่างเยือกเย็น “ผมจะลงมือกับสุมิตรจริงๆอยู่ แล้ว ยังจะพาเขากลับมาอีกหรอ

ธนภาคพูดต่อว่า ย้อนกลับไปก็ไม่ได้อะไร ช่างเถอะคุณก็ พาเขามาแล้วงั้นเลยตามเลยละกัน

นราวิชญ์ใต้ยินเขาพูดแบบนี้สีหน้าค่อยดีขึ้นหน่อย

ต่อมานราวิชญ์ก็ออกไปส่วนธนภาคก็รอจนกว่าหมอจะมา ถึงแล้วก็คุยกับจันวิภาสองสามประโยคหลังจากนั้นก็กลับออก

ไปช่วยงานบริษัทตะวันกรุ๊ปจำกัดต่อ

แม้ว่าสุมิตรจะกลับมาแล้วแต่ธนภาคก็ไม่รู้สึกผ่อนคลาย เลยเหมือนกับว่าช่วงนี้ที่บริษัทจะไม่ได้สงบอะไรมาก

จันวิภากับนิเวศน์ทั้งสองคนคอยดูแลสุมิตรอยู่ข้างๆ ตอนนี้ นิเวศน์ก็ยิ้มออกมาได้แล้ว

“นิเวศน์ ยิ้มออกมาทำไมหรอ

จิตใจของนิเวศน์เพิ่งจะกลับคืนมาจริงๆแล้วที่เขายิ้มออกมาเพราะสุพจน์ดูผ่อนคลายจากการระมัดระวังนี้มากขึ้นถึง แม้ว่าสุพจน์จะรู้ว่านิเวศน์ที่บอกว่าแฮกเกอร์ยังอยู่สำหรับตัว เองก็จัดเตรียมแฮกเกอร์ไว้เยอะเหมือนกันแม้กระทั่งโทรศัพท์ ยังติดตั้งเครื่องแอบฟัง

แต่ว่าสุพจน์คิดไม่ถึงเลยนิเวศน์จะติดต่อกับเครือข่ายโรง พยาบาลและเห็นภาพของเขาตอนออกมาจากเครือข่ายนี้

ธนภาคเดาไม่ผิดเลยว่าบุคคลนิรนามในครั้งนี้จะเป็นคน เดียวกันกับที่ช่วยบริษัทตะวันกรุ๊ปจำกัดในครั้งก่อน

ถ้านอกจากนิเวศน์แล้วจะยังมีใครอีกล่ะ ?

นิเวศน์กำลังเตรียมตัวไปคุยโม้เรื่องผลงานที่ยิ่งใหญ่ของ ตัวเองกับแม่อยู่ไม่เพียงแต่มองไปยังสุมิตรเขายังยิ้มอย่าง สดใสแล้วพูดว่า “เพราะว่ามีความสุขผมถึงยิ้มน่ะ

จนวิภาองและพูดว่า “พ่อของลูกยังป่วยหนักอยู่ไม่ใช่หรอ ไม่ชอบพ่อหรอทำไมถึงยังดูมีความสุขค่ะ

นิเวศน์ยกมือขึ้นมาแล้วอธิบายว่า “ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ แน่ๆ ที่มีความสุขก็คือเพราะว่าครอบครัวพวกเราได้มาอยู่ พร้อมหน้าพร้อมตากันทุกคนนะถึงแม้ว่าพ่อยังสลบแบบไม่ ได้สติก็ตาม”

นิเวศน์นำหมอนมาวางไว้บนเตียงและความรู้สึกเปลี่ยนมา เป็นหดหู่แทน

จันวิภาถอดหายใจออกมาเชือกหนึ่งในใจคิดว่าทั้งชีวิตนี้ไม่มีทางได้เห็นภาพนั้นแล้วแต่ว่าก็อดไม่ได้ที่จะบอกนิเวศน์ได้ แค่พูดปลอบใจว่า “ไม่ต้องห่วงนะ ก่อนหน้านี้หมอก็บอกแล้ว ไม่ใช่หรอแม้ว่าก้อนเลือดจะยังกดทับเส้นประสาทของสมองอยู่ แต่ก็เริ่มน้อยลงแล้วเชื่อเถอะนะว่าอีกไม่นานก็คงฟื้นขึ้นมา

“ครับ ทำไมพรสวรรค์ของผมถึงอยู่กับอะไรไม่รู้ที่ดูแปลก ประหลาดถ้าเกิดว่าผมเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีพรสวรรค์ละก็ ผมคงจะทำให้พ่อฟื้นขึ้นมาเร็วกว่านี้ คาดไม่ถึงว่านิเวศน์จะ ขอร้องกับเรื่องอะไรพวกนี้ด้วยตัวเองถ้าปกติแล้วจันวิภาต้อง รู้สึกว่าคงเห็นภาพเด็กหนุ่มคนนี้หลงตัวเองอยู่

“ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะลูก บริษัทของพ่อก็คงจะประสบกับ หายนะคนงานคงต้องไปอยู่ในมือของคนอื่นดังนั้นแล้วลูกทำดี มากเลยนะพ่อของลูกฟื้นขึ้นมาคงต้องชมลูกแน่ๆ”

จันวิกาลูบผมของนิเวศน์เป็นการให้กำลังใจเขา

“ความหมายของแม่ก็คือ ถ้าหลังจากที่พ่อตื่นขึ้นมาจะ ได้ไหมต้องบอกให้เขารู้ก่อนไหมว่าผมคือลูกชายเขาชั่วพริบ ตาเดียวหน้าของนิเวศน์ก็ค่อยๆดูไม่สดใสเหมือนกับใส่ หน้ากากอีกสักแบบหนึ่งก็เปลี่ยนสีหน้าไปอีกหน้าหนึ่ง

ให้ความรู้สึกว่าเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้แสดงได้รางวัลออ สการ์ให้เราดูอยู่จันวิภาจำใจที่จะต้องดูการแสดงของเด็กคนนี้ แล้วก็ปฏิเสธว่า “ไม่ได้ เรื่องแบบนั้นจะทำให้ดูยุ่งยากขึ้นไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ