พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน428ไม่อยากอาหารเหรอ?



ตอน428ไม่อยากอาหารเหรอ?

ตอนที่ 428 ไม่อยากอาหารเหรอ?

จนวิภารู้สึกว่าตัวเองเหมือนนักโทษไม่มีผิด หลังจากที่ได้ ไปเดินสูดอากาศก็ต้องกลับไปยังห้องขังบนหอคอยดั่งลาพัน เซลตามเดิม

จันวิภาเหมือนถูกขังไว้แค่ในปราสาท สุพจน์อนุญาตให้ เธอเดินไปไหนมาไหนได้แค่ในปราสาทเท่านั้น ห้ามแม้แต่ย่าง ก้าวออกไปข้างนอก แบบนี้ก็ไม่ต่างกับมัดตัวเธอเอาไว้เลย แม้แต่นิดเดียว

ในเวลาอาหารกลางวัน บนโต๊ะหรูสไตล์ตะวันตกยุคกลาง จันวิภา ใช้ช้อนเคาะไปบนถ้วยให้เกิดเสียง เพื่อระบายความไม่ พอใจที่มีต่อสุพจน์

แต่ในด้านของสุพจน์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอกลับยังคงยิ้ม มองไปยังท่าทีของจันวิภาก็ทำให้เขาโมโหเธอไม่ลงเลย

“อาหารพวกนี้ฉันสั่งมาจากภัตรคารต่างประเทศเลยนะ เป็นยังไงบ้าง? ไม่อยากกินหรอ?”

สุพจน์ชี้ไปยังบรรดาอาหารที่วางเรียงหลากหลายบนโต๊ะ ที่ยาวสามเมตร

ไม่อยากกินหรอ? ถึงจันวิภารจะกำลังอารมณ์ไม่ดี แต่เธอรู้ว่าเขาทำเพื่อให้เธอโมโห แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องมีชีวิตต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวแต่ว่าความหิวที่มีมันก็ทำให้ แทบทนไม่ไหว

ไม่อยากกินแปลก

แต่เพื่อที่จะต่อต้านสุพจน์ให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ จันวิภา จึงไม่ยอมแตะต้องอาหารบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย

แต่เนื้อที่ย่างจนเป็นสีเหลืองทองเคลือบน้ำมันเบาๆ และ ไหนจะน้ำซุปใสๆนั่น แถมยังมีเนื้อสเต๊กสุกปานกลางที่ถูกหั่น จัดวางไว้อย่างดี ทุกๆอย่างนั้นมีผลต่อความหิวของท้องจนวิภา เป็นอย่างมาก

ถ้าสุพจน์ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้นะ เธอคงจะเขมือบของตรง

หน้าจนไม่เหลือ

จันวิภานั่งนับในใจ ตั้งแต่นั่งมานั่งอยู่ตรงนี้เธอกลืน น้ำลายไปสามสิบครั้งเป็นอย่างต่ำได้แล้ว

เธอจะไม่อยากกินของเหล่านี้ได้ยังไง

แต่จันวิภาก็มองเหลือบไปที่เขาด้วยสายตาเย็นๆ แล้ว ลากผ่านไปที่อาหาร พลางพูดอย่างไม่พอใจ “มีแต่ฝีเท่านั้น แหละที่จะอยากกินอาหารพวกนี้

สุพจน์ชะงักไป จันวิภามองอาการเหล่าแล้วก็คิดว่าเธอได้ ทำให้เขาไม่พอใจได้สำเร็จแล้ว

เธอล่ะหวังเหลือเกินที่จะให้สุพจน์ยอมแพ้และเลิกสนใจเธอสักที แต่ดูเหมือนสุพจน์จะให้อภัยเธอในทุกๆครั้ง

ใครจะไปรู้หล่ะว่าพอชั่วพริบตาต่อมาเขาก็ทําหน้าตา เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างก่อนจะพูดออกมาอย่างอ่อนโยน ฉันรู้ละ ตอนที่อยู่อเมริกา เธอบอกว่าเธอไม่ค่อยชอบอาหาร พวกนี้นี่นะ ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันไปเถอะ

พอพูดจบสุพจน์ก็ยกมือขึ้นปรบ กลุ่มแม่บ้านยกโขยงเรียง คนมายกอาหารไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าอาหารจะถูกยกไปหมดแล้ว แต่กลิ่นหอมๆนั่นก็ยัง คงติดอยู่ที่จมูกของหญิงสาว จันวิภาอยากจะเอาตัวไปขวางให้ คนเหล่านั้นหยุดเสียจริงๆ เพราะตอนนี้ใจเธอหล่ะอยากอิ่ม ก่อนประท้วงสุพจน์เต็มแก่แล้ว

เมื่อวันวิภาแสดงสีหน้าผิดหวัง สุพจน์ก็แสดงสีหน้าที่เป็น นัยยะว่าเขาเข้าใจเธอ เขาโบกมือขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่แม่บ้านชุด ใหม่จะถือเอาอาหารออกมา

แต่ชนิดของอาหารไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ครั้งนี้ไม่ใช่ อาหารตะวันตก แต่เป็นอาหารสไตล์ตะวันออก โดยแท้

ไม่ต้องถามว่าทำไมจันวิภาถึงได้รู้ เพราะว่าจมูกของเธอ ได้กลิ่นหอมๆของปลา ทั้งยังได้กลิ่นมะเขือยาวลอยมา อีกทั้ง ยังมีปลากะพงนึ่งที่ซึ่งเป็นของโปรดของเธออีกด้วย…..

จันวิภามองไปยังเหล่าแม่บ้านพลางกระเดือกน้ำลาย

ลงคออย่างไม่รู้ตัว
สุพจน์หัวเราะในขณะที่มองอาการของเธอ “ไม่ว่าเธอ อยากได้อะไรฉันก็มีให้เธอทั้งนั้น ไม่ว่าจะอาหารฝรั่ง อาหาร ตะวันออก อาหารจีนไม่ว่าจะเป็น

อาหาร มณฑลขอแค่เธออยากกิน ฉันก็จะหามาให้

จันวิภาพูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พอสุพจน์พูด จบแม่บ้านก็เอาชามข้าวสวยร้อนๆวางลงตรงหน้าหญิงสาว อย่างพอดิบพอดี

สุพจน์เห็นว่าจันวิภาไม่ได้พูดอะไรก็คิดว่าเธอไม่พอใจ จึง พูดขึ้นมาอีกครั้ง “งั้นเปลี่ยนอีกชุดเถอะ”

พอพูดจบสุพจน์ก็เตรียมจะโบกมือเรียกแม่บ้าน พอวิภา เห็นเข้าดังนั้นก็กระเดือกน้ำลายลงคอ และรีบคว้าเอาไว้ “เอา เถอะๆ ถึงจะไม่ได้ชอบมากนักก็เถอะ ไม่ต้องพูดอะไรละ ฉันหิว จะตายอยู่ละ

สุพจน์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองไปยังจันวิภา จันวิภาจับตะเกียบแล้วก็เริ่มกินอย่างอดรนทนไม่ไหว

“ฉันก็นึกว่าเธอจะไดเอทซะอีก แบบนี้ก็ดีแล้ว ค่อยๆกิน เดี๋ยวสําลักนะ”

“ฉันจะไดเอทได้ยังไง ฉันยังต้องมีชีวิตต่อไปเพื่ออยู่กับ ความขมขื่นนี่นา” เธอพูดด้วยเสียงเย็นๆก่อนที่จะกินต่อ

สุพจน์ได้ยินดังนั้น ริมฝีปากกระดกขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ ได้พูดอะไร
จันวิภาไม่ได้สนใจสุพจน์อีก เธอก้มหน้าก้มตาเติมอาหาร ในกระเพาะ แรกเริ่มก็ท่าทีกินแบบจํายอมตรอมใจ แต่พอ หลังๆหน่อยก็อย่างกับเสือหิว

เธอกินราวกับต้องการชดเชยที่ผ่านมาไม่ได้กิน

สุพจน์ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย เขามองจันวิภากินตั้งแต่ ต้นจนเธอกินเสร็จ แม้ว่าเธอจะกินด้วยท่าทีเอร็ดอร่อยปานนั้น แต่เขาก็ยังมองว่าเธอน่ารักอยู่ดี มองเธอกินเข้าบางครั้งก็เผลอ ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบางๆ

พอกินเสร็จแล้วเธอก็จ้องไปที่สุพจน์ “มองพ่อแล้วยัง หล่ะ?”

สุพจน์ตอบอย่างสัตย์จริง เขาพยักหน้า “ยังเลย มองยังไง

ก็ไม่พอสักที”

จันวิภาส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะพูดขึ้น “นายช่วยทำ ตัวแย่ๆกับฉันหน่อย ฉันจะได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

“ก็ฉันชอบเธอนี่ แล้วจะให้ทำตัวแย่ๆได้ยังไง” สุพจน์ตอบ อย่างบริสุทธิ์ชื่อ

แต่จันวิภากลับไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ความรักของสุ พจน์มันเป็นแค่เพียงการอยากได้เธอไว้ครอบครองเท่านั้น

ตอนนี้สุพจน์เปลี่ยนไปเป็นคนละคน พออยู่ต่อหน้าจนวิภา ก็อ่อนโยนแสนดี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสุมิตรก็กลับกลายเป็น

ปีศาจร้าย
เพราะเหตุนี้เธอจึงไม่ได้พูดอะไร พอกินเสร็จก็วางตะเกียบ ลง “ฉันอิ่มแล้ว” ความหมายของเธอนั้นคืออยากจะลุกแล้ว

สุพจน์มองไปที่เธอ ไม่มีท่าทีห้ามปราม “โอเค พอพูด จบแค่นั้นก็เรียกแม่บ้านส่วนตัวพาเธอกลับห้องของเธอไป

เดิมทีจันวิภาคิดว่าเธอคงจะถูกจองจำแบบนี้ไปตลอด จนกระทั่งมีวันหนึ่งที่สุพจน์มีธุระต้องออกไปข้างนอก เธอ เลยมีเวลาส่วนตัวที่จะอยู่เพียงลำพังในที่สุด…

ดูเหมือนว่าเพื่อที่จะป้องกันการติดต่อทางอิเล็กทรอนิกส์ จากทางนิเวศน์ทำให้ในปราสาทนี้ไม่ค่อยจะมีอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์เท่าไหร่ แถมยังมีคนคอยคุมเข้มอีกด้วย นั่น ทำให้ในวิภาเลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก

“สุพจน์หล่ะ?” จันวิภาถามคนดูแลของเธออย่างไม่ได้คาด เอาค่าตอบ

หญิงสาวมองเธอกลับมาด้วยสายตาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ก่อนจะตอบว่า “ไม่ทราบค่ะ

หลังจากที่ถูกเธอทำร้ายไปครั้งหนึ่ง คนดูแลของเธอที่ เดิมทีชื่นชอบสุพจน์เป็นทุนเดิม ก็เลยมีทัศนคติต่อเธอในแง่ลบ เข้าไปใหญ่

แต่จันวิภาก็ไม่ได้สนใจอะไร ด้วยเพราะมันเป็นสิ่งที่เธอ ต้องการอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องมาสนใจเธอมากนักก็ยิ่งเข้าทางแผนการของเธอ

ทุกวันนี้วันวิภาไม่มีข้ออ้างที่จะไปเดินเล่นที่ปราสาทเก่า

เลย

แม้ว่าสุพจน์จะซ่อนเธอเอาไว้อย่างดี แต่ก็เกรงว่ายิ่งมาก คนยิ่งมากความ อีกอย่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีเยอะก็ไม่ได้ เลยทําให้มีกล้องวงจรน้อยมาก

สถานการณ์ในตอนนี้เลยง่ายต่อการที่เธอจะหนีมากเลยที

เดียว

เมื่อถึงเวลานั้น ที่เธอสามารถที่จะจัดการกับมันได้ล่ะก็ เธอจะไปทันทีแน่นอน!

พอคิดได้ถึงตรงนั้น จันวิภาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ