พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน437 แทนที่จะขอร้องคนอื่นเรามา พยายามด้วยตัวเองดีกว่า



ตอน437 แทนที่จะขอร้องคนอื่นเรามา พยายามด้วยตัวเองดีกว่า

ตอนที่ 437 แทนที่จะขอร้องคนอื่นเรามาพยายามด้วยตัวเองดีกว่า

ในเมื่อพึ่งพาคนอื่นไม่ได้ งั้นก็ต้องพึ่งพาตัวเอง พักฟื้นมา ตั้งนานละ ลองลงไปเดินดูสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก

ดึงผ้าห่มออก จันวิภาจับขอบโต๊ะข้างๆเตียง และค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่ง

ถึงจะเป็นท่าง่ายๆ แต่ในวิภาก็กลับต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี

ทำให้เธอเกือบจะเป็นลมบ่อยๆ

จันวิภารู้ดีว่า นี่คือขีดจำกัดของเธอ ถ้าหากว่าฝันลุกขึ้น มาละก็ต้องล้มแน่ๆ

ปากแผลยังไม่ปิดสนิท ถ้าล้มลงไป ต้องนอนพักฟื้นไปอีก ครึ่งเดือนแน่ๆ

พอคิดได้แบบนี้แล้ว จันวิภาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมั่วซั่ว แค่นั่งสัก พักแล้วก็นอนลง

พึ่งจะนอนลง ความง่วงก็เริ่มเคลือบคลานเข้ามา จนวิภา กะพริบตาไม่กี่ทีก็ทำท่าหลับ
จนวิภาไม่รู้สึกผ่อนคลายเลยสักนิด และเธอก็ต่อต้านการ นอนหลับนี้

ให้ตายสิ ฉันนอนมามากพอแล้ว ทำไมหมอยังให้ยานอน หลับอีก ถ้านอนมากกว่านี้อีกหน่อยได้เพี้ยนแน่ๆ ตอนที่กำลังเคลิ้ม จู่ๆจันวิภาก็ได้นึกถึงคำที่หมอพูดขึ้นมา

แล้วก็ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้น

ต้องเป็นความคิดของสุมิตรแน่ๆ เพื่อที่เขาจะได้ควบคุม เธอ คิดไม่ถึงเลยว่าจะใช้วิธีที่ไร้ยางอายแบบนี้ ฝากไว้ก่อนนะ สุพจน์ ฉันต้อง

จนวิภายังด่าไม่เสร็จก็หลับไปแล้ว

ภายในห้องเงียบสงัด แต่ข้างนอกกลับมีเสียงของการพูด คุยดังขึ้นมา

บอดี้การ์ดที่ดูแลอยู่นอกประตู เขาทำท่าเงยคางขึ้นแล้ว ถามว่า “นอนหลับอีกแล้วหรอ

หมอพยักหน้าและพูดว่า “อืม นอนหลับแล้ว

บอดี้การ์ดขมวดคิ้ว และพูดแบบไม่ค่อยพอใจขึ้นว่า “ไม่รู้ จริงๆว่าลูกพี่คิดยังไง ทำไมต้องเก็บผู้หญิงคนนี้ไว้ ได้ยินมา ว่าที่เราต้องแพ้ ก็เพราะเธอ

“เพราะผู้หญิงคนนี้ พรรคพวกพวกตายไปตั้งเยอะ แต่ก็ ฆ่าเธอไม่ได้ แถมยังต้องมายืนดูแลเธออยู่ตรงนี้ ทำให้คนอัด อันใจจริงๆ
หมอเอามือแตะที่ไหล่ของบอดี้การ์ดและพูดว่า “อย่าบ่น เลย ใครใช้ให้เธอเป็นของมีค่าของหัวหน้าละ เอาละ ฉันไป

ละ”

“โอเค”

หมอเดินจากไป แต่บอดี้การ์ดยังต้องยืนเฝ้าอยู่ที่หน้า

ประตู

ต้องยืนน่าเบื่ออยู่ที่ประตู บอดี้การ์ดพูดพึมพำว่า “ผู้หญิง คนนั้นเป็นตายเท่ากัน ยังไงก็หนีไปไม่ได้อยู่ดี ทำไมยังจะต้อง ให้คนมาคอยดูอีก เปล่าประโยชน์จริงๆ

แต่ก็ทำได้แค่บ่น บอดี้การ์ดยังไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของสุ มิตร ดังนั้นก็เลยต้องยืนเฝ้าต่อไป

จากที่คอยเฝ้าสังเกตมาพักสัก จันวิภาพบว่าหมอกับ

คนใช้มีกำหนดเวลาที่จะเข้ามาชัดเจน

ถ้าจันวิภาไม่กดปุ่มเรียก คนรับใช้ก็จะมาในเวลาที่มาส่ง

อาหารเท่านั้น เวลาอื่นนอกจากนี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

ส่วนหมอ ก็มาตรวจจันวิภาทุกวันเช้าเย็น และฉีดยานอน หลับให้เธอด้วย เพื่อที่จะให้เธอได้หลับสบายเต็มอิ่ม

และนี่ก็เป็นสิ่งที่จันวิภาเกลียดที่สุด พอโดนฉีดยานอนหลับแล้ว ไม่ว่ากันวิภากำลังคิดวางแผนอะไร ก็ได้แค่ทำให้เป็นจริง ในความฝัน แต่ว่าการที่เธอไม่มีแรงแบบนี้ก็ถือเป็นข้อดี เพราะทุกคน

คิดว่าเธอถูกฉีดยานอนหลับแล้ว ทุกคนก็เลยไม่กังวลเกี่ยวกับ

เธอแบบนี้เธอก็ทําอะไรได้ง่ายขึ้น

แต่ว่า จะทำยังไงถึงจะหลีกเลี่ยงยานี้ได้นะ

รักษาเวลาตอนตื่นอันมีค่านี้ไว้ จันวิภาพยายามคิด ไตร่ตรองปัญหานี้ คิดไปคิดมา ตอนสุดท้ายก็คิดอะไรดีๆออก

เป็นอีกครั้งหลังจากที่ตรวจอาการเสร็จ หมอก็จะหยิบเข็ม ขึ้นมา เตรียมจะฉีดยานอนหลับให้จันวิภา

“ฉีดที่จุดเดิมตลอดเลย บวมหมดแล้ว เปลี่ยนที่บ้างสิ น้ำเสียงของจันวิภาที่ดู ทำให้หมอขมวดคิ้ว

“งั้นคุณอยากให้ฉีดตรงไหน

“ตรงนี้”

ยืนแขนออกมาด้วยท่าทางที่ลำคาน ตอนที่จันวิภาเห็น หมอกำลังจะฉีดยา ต้องร้องขึ้นมาว่า “เบาๆหน่อยสิ”

หมอพูดอย่างหมดอารมณ์ว่า “ยังไม่ได้ฉีดเลย

“ยังไม่ได้ฉีดฉันก็รู้ว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ นายเป็นหมอ ได้ยังไงเนี่ย ตอนที่สุพจน์รับนายเข้ามาเขาตาบอดยังไง
หมอคนนี้เป็นหมอเฉพาะทาง พอโดนจันวิภาพูดจา

ถากถาง ก็เกิด โมโหขึ้นมา วางเค็มลงและพูดอย่างโมโหง่า “ในเมื่อคุณไม่พอใจผม คุณก็ให้คนอื่นมาดูแลแทนผมแล้ว

“เหอะ ช่างเป็นเรื่องที่ดีอะไรอย่างนี้นะ

หมอไม่ได้พูดอะไรก้มหน้าก้มตาเก็บของแล้วเดินออกไป จนวิภายิ้มมุมปาก และเอนตัวลงอีกครั้ง

ผ่านไปสักพัก ก็มีหมออีกคนเข้ามาอยู่ในห้องของจันวิภา

จันวิภานอนหันหลังให้กับหมอกอดผ้าห่มแน่นไม่ขยับเลย

“คุณจันวิภา ผมจะฉีดยาให้นะครับ

เธอ โบกมือด้วยความหงุดหงิดและพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ฉัน ง่วงมาก อย่าเสียงดังได้มั้ย

“คุณจันวิภา คุณจันวิภา”

หมอที่มาแทนเรียกเธออยู่สองสามครั้ง แต่ในวิภาก็ไม่

สนใจ เธอหลับตาปี

เห็นในวิภามีอาการแบบนี้ คงจะได้รับการฉีดยานอนหลับ

ไปแล้ว

ถึงแม้ว่าการฉีดยานอนหลับให้จันวิภานั้นจะทำให้ปล่อย ภัย มันไม่ได้ทำให้เธอเจ็บปวด แต่ถ้าได้รับยานอนหลับใน ปริมาณที่มากเกินไป ก็จะเป็นอันตรายได้
หมอที่มาแทนไม่รู้เหตุการณ์แน่ชัด เขาตัดสินใจกลับไป ถามให้แน่ใจ

บอดี้การ์ดกับหมอที่มาแทนคนนี้ไม่สนิทกัน พอเห็นเขา ออกมา ก็แค่พยักหน้าให้เท่านั้น

ตามปกติแล้วเวลานี้ในวิภาก็กำลังนอนหลับ บอดี้การ์ดจะ ใช้โอกาสนี้ไปสูบบุหรี่

วันนี้อาการอยากสูบบุหรี่ของพวกเขากำเริบขึ้นอีกแล้ว และคิดว่าผู้หญิงที่อยู่ในห้องคงไม่มีแผนการอะไร เขาก็หยิบ ไฟแช็กขึ้นมาแล้วเดินออกไป

ได้ยินเสียงคนเดินที่กำลังเดินออกไป จนวิภาก็รีบลืมตา

จนวิภาค่อยๆเปิดประตูมองซ้ายมองขวาแล้วไม่มีใครเธอ ก็ค่อยๆย่องออกไป

ที่นี่ไม่ใหญ่เหมือนป้อมครั้งที่แล้ว การออกแบบก็ไม่ค่อย ซับซ้อน ก็เป็นบ้านพักตากอากาศสามชั้น นี่ทำให้ฉันวิภามอง เห็นความหวังที่จะหนีออกไปจากที่นี่

อีกมุมหนึ่ง ผู้ชายสองคนกำลังยืนคุยกัน

หนึ่งในนั้นเหมือนหางตาจะเหลือบไปเห็นอะไรเข้าจึงรีบ เดินไปตรวจดูทันที

อีกคนหนึ่งก็ถามว่า “ทำไมหรอ
“เหมือนฉันจะเห็นคุณจนวิภา

“นายตาฝาดละมั้ง ตอนนี้เธอก็เหมือนกับคนพิการ จะเดิน

ออกมาจากห้องได้ยังไง

“จะว่าไปก็จริงนะ เห้อ ไม่รู้ว่าลูกที่ชอบเธอที่อะไร เป็นถึง ขนาดนี้แล้ว ยังจะเก็บไว้เป็นของมีค่าอีก

“ที่ลูกพี่เก็บเธอไว้ก็เพราะต้องมีประโยชน์อะไรแน่ๆ ยังไง แล้วเธอก็คือผู้หญิงของสุมิตร ไม่แน่อีกหน่อยอาจจะต้องใช้ เธอ”

“อืม ที่นายพูดก็มีเหตุผล

สองคนพูดคุยกันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ทำให้ในวิภาที่ ได้ยินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

คิดว่าฉันเป็นคนอยากอยู่งั้นหรอ คนที่ผิดคือสุพจน์ ทำไม ต้องโยนความผิดมาให้เธอ

อีกอย่าง ก็มีสถานะเป็นลูกน้องของสุมิตร ทำไมยังกล้า นินทาคนอื่นเสียงดังแบบนี้ อีกไม่ช้าก็จะได้ตายเพราะปากนั่น แหละ

จันวิภาปลีกตัวออกมาแต่ไม่ระวังจึงไปชนกับแจกันดอกไม้ เข้า จึงทำให้มีเสียงแตกดังออกมา

“ใครอยู่ตรงนั้น

จันวิภายืนตัวแข็งอยู่ที่เดิม
ตอนที่จันวิภากำลังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ก็มีสุนัขตัวหนึ่ง ปรากฏตัว และเดินผ่านหน้าเธอไป

สองคนนั้นมองเห็นสุนัขตัวนี้ ก็ทำหน้าปกติ

“ที่แท้ก็หมาที่ห้องครัวเลี้ยงไว้นี่เอง

“คนสองสามคนในห้องครัวนั้นนับวันยิ่งใช้ไม่ได้ แต่สุนัข ยังดูแลไม่ได้ ถ้าลูกพี่เห็นละก็ แม้แต่หนังก็ไม่เหลือ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ