พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน377หม่ามี้ผมไม่ต้องการ



ตอน377หม่ามี้ผมไม่ต้องการ

ตอนที่ 377 หม่าม ผมไม่ต้องการ

หลังจากที่ชนินพรเดินออกจากห้องทำงานไป สุมิตรอดไม่

ได้ที่จะชื่นชมวิสัยทัศน์ของธนภาคในการมองคน

บุคลิกและนิสัยเฉพาะตัวของชนินพรถือได้ว่ายอดเยี่ยม เป็นอันดับต้นๆ ของบริษัทแห่งนี้ โดยเฉพาะผมสั้นประบ่าที่เป็น ระเบียบเรียบร้อยยิ่งทำให้หล่อนดูมีความสามารถในการ ทํางานมากขึ้นไปอีก

เมื่อครั้งที่สุมิตรป่วยหนักจนทำให้ฉันวิภาต้องลาออกจาก งาน ในสถานการณ์ที่ธนภาคกำลังตกที่นั่งลำบากเขายังคง สามารถรับผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงานและยังมองเห็นศักยภาพที่ มีอยู่ของหล่อน

ด้วยเหตุนี้สุมิตรจึงค่อนข้างที่จะไว้ใจให้มอบหมายให้ หล่อนทำงานนี้ ดังนั้นจึงทุ่มเทให้กับงานของเขา

อีกด้านหนึ่ง

เนื่องจากสุมิตรต้องกลับไปทำงาน ในช่วงที่ผ่านมานั้น วิภามักจะอยู่ติดกับสุมิตร จึงทำให้หล่อไม่ค่อยคุ้ยชินนัก ราวกับว่าต้องเผชิญกับการจากครั้งใหญ่

กลับกันนิเวศน์ เขาได้ทำตามอย่างที่ตนเคยพูดไว้ ในที่สุดเขาไม่ต้องโดนทารุณดังเช่นสุนัข โดนขังเดี่ยวอีกต่อไป หลังจากที่สุมิตรกลับไปทํางาน เขามักจะใช้เวลาเกือบทั้งหมด ในการการเล่นคอมพิวเตอร์ภายในห้องนอนของเขา

เนื่องจากสุมิตรได้เตรียมคอมพิวเตอร์ระดับสูงไว้เพื่อเขา ดังนั้นแฮกเกอร์ฝีมือดีอย่างนิเวศน์จึงโดนมันดึงดูดให้หลงไหล ในตัวมันเช่นกัน นี่คือสิ่งที่เขาคิดว่าคือแก่นแท้ของโอตาคุ

ทุกครั้งที่นิเวศน์กำลังหมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมส์หรือการ เขียนโปรแกรมขึ้นมาใหม่ จันวิภาที่กำลังเบื่อหน่ายมักจะเข้า มาเขย่าไหล่เขาเสมอ

“นิเวศน์ อยากทานอะไรไหมลูก หม่ามีทำให้ทานมั้ย?”

นิเวศน์ตอบกลับ โดยที่ไม่หันกลับไปมอง สายตาทั้งสอง ข้างยังคงจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กะพริบอยู่ตรงหน้า

“ขาหมูน้ำแดงไหมลูก?” ในวิภาเอียงศีรษะไปทางขวาเล็ก น้อยและจ้องมองนิเวศน์ด้วยความคาดหวัง

นิเวศน์เคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว จันวิภาไม่สามารถ เข้าใจรหัสพวกนี้ได้ ร่างกายของเขาตอบสนองในวิภาโดยอัติ

โนมัติ

“ไม่เอา หม่ามีผมไม่ต้องการ

จนวิภายังคงไม่ล้มเลิกความคิดนี้ง่ายๆ หล่อนมองไปทาง ด้านบนเพดานห้อง สมองไม่หยุดที่จะคิดเมนูใหม่ ๆ ที่ตนเพิ่ง เรียนมา ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกเมนูที่คล้ายกันจากจำนวนเมนูทั้งหมด

จนวิภาพูดออกมาอย่างประจบประแจงนิเวศน์ “อืม ลูก หมูตุ๋นน้ำแตงล่ะลูกก็ไม่อยากทานหรือ?”

นิเวศน์รู้สึกรำคาญเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วขณะที่ตอบกลับ ไปว่า “หม่าม ผมร้องล่ะ

“โอเค งั้นเอาหมูต้มล่ะกัน หม่ามกล้ารับประกันเลยว่าลูก ไม่เคนทานร้านไหนที่อร่อยเท่านี้อีกแล้ว…

จนวิภากล่าวราวกับว่าหล่อนคือเถ้าแก่เนี้ยที่กำลังแนะนำ เมนูของตนเอง นิเวศน์ทำอะไรไม่ได้เลย เดิมที่ลูกค้าคนนี้ไม่ได้ อยากทานอาหารที่ว่านั้นเลยแม้แต่น้อย

และเหตุผลที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่ใช่ว่าฝีมือการทำอาหาร ของจันวิภาจะไม่ดี แต่เป็นเพราะว่า…..

“หม่ามี!”

นิเวศน์มองค้อนวันวิภา หลังจากนั้นชูข้อมือของตนเองขึ้น มาพลางตอบกลับไปอย่างกลุ้มใจว่า “หม่ามีครับ เราเพิ่งทาน อาหารกลางวันไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเองนะ แม่อยากให้ผม กลายเป็นหมูหรือ?”

จนวิภามองมือของนิเวศน์ด้วยสายที่ยากจะเชื่อและตอบ กลับอย่างแปลกใจว่า “เพิ่งสองชั่วโมงเองหรือลูก แต่หม่ามี รู้สึกว่ามันนานแล้วนะคะ

นิเวศน์ส่ายหัวอย่างจนปัญหา ตัดสินใจตอบกลับไปว่า“หม่ามีคงจะว่างเกินไปแล้ว หม่ามีไม่อยากออกไปช็อปปิ้งสัก หน่อยหรือ หรือไม่ก็ชวนคุณน้าพัชรีออกไปดื่มชาด้วยกันสัก หน่อยไหม?

จนวิภาตอบกลับมาอย่างจริงจัง “ช็อปปิ้งเนี่ยนะ สองสาม วันมานี้หม่ามีชอปปิ้งจนเวียนหัวไปหมดแล้ว พัชรีหรือ ช่วงนี้ หมานี้ยังไม่ได้ไปเจอเขาเลย

จนวิภากล่าวพลางยิ้มแบบมีเลศนัย

ไม่ต้องถามก็สามารถรับรู้ได้ว่าฉันวิภาอยากให้พัชรีและ ธนภาคมีเวลาอยู่ด้วยกันสองคน

“ถ้าอย่างนั้นที่หม่ามีเช้าผม มีเรื่องอะไรหรือครับ? นิเวศน์ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วถามออกไป “ไม่เคยเจอใครที่ เกาะติดแน่นแบบนี้หม่ามีมาก่อนจริง ๆ

โดนเมินสินะ

จนวิภาเอาศีรษะของตนเองวางไว้บนบ่าของนิเวศน์อย่าง

ออดอ้อน

หล่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงหยานยึด “อืม อืม แม้แต่ ลูกชายของฉันก็เป็นฉันแล้วสินะ?”

นิเวศน์ไม่ได้รู้สึกว่ากันวิภากำลังออดอ้อนอยู่แม้แต่น้อย กลับตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ใช่แล้ว หม่ามีโดนเมิน แล้วล่ะ”

นิเวศน์เตาะลิ้น พลางบ่นว่า “ไม่กี่วันมานี้ไปเที่ยวเล่นมีความสุขกับป้า ทิ้งผมเลย พอมาตอนนี้ป้าไม่อยู่ก็คิดถึงผมนั้น สินะ”

“เฮ้อ ผู้หญิงเนี่ยน่า ร้อยเล่ห์มารยาจริง ๆ เลย” นิเวศน์ ยังคงเกาะแป้นพิมพ์ต่อไป

จนวิภาเคาะมะเหงกที่ศีรษะของนิเวศน์หนึ่งครั้ง แล้วพูด อย่างหมั่นได้ว่า “ไม่ใช่เป็นเพราะมีพวกเราชักใยอยู่เบื้องหลัง หรือ จะมาเสียใจทีหลังหรอกหรือ?”

ที่พูดมาก็มีเหตุผล นิเวศน์คิดในใจจากนั้นกล่าวว่า “ถ้า อย่างนั้นหม่ามีไปหาป้าที่บริษัทเถอะ ผมดูแล้วหม่ามน่าจะคิด ถึงป้ามากกว่า ไปเถอะ ไปเถอะ

แท้จริงแล้วจันวิภาเองก็คิดเช่นเดียวกับที่นิเวศน์กล่าวมา ข้างต้น เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกชายให้พูดเรื่องนี้ออกมา มันดูไม่ค่อยเข้าท่าเอาซะเลย หล่อนจึงลองแกล้งถามขึ้นมา “จริงหรือ? จะให้ทิ้งลูกอยู่บ้านคนเดียวจะไม่เป็นไรแน่หรือ?”

นิเวศน์หยิบเฮดโฟนอันใหญ่สวมเข้าที่หูของเขา และตอบ กลับไปโดยไม่หันไปมอง “ครับ โอกาสแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้อีก แล้ว”

จนวิภาหัวเราะและแจกมะเหงก ให้นิเวศน์อีกครั้งหนึ่ง หลัง จากนั้นก็เดินกลับไปยังห้องของตนเองเพื่อแต่งตัว

เนื่องจากต้องไปบริษัทจันวิภาจึงไม่สามารถแต่งตัวสบายๆไปได้ ดังนั้นหล่อนจึงเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและ กระโปรงตัวเก่งสีดำ หล่อนแต่งตัวราวกับเมื่อครั้งที่ตนเองยัง คงทํางานเป็นเลขา

ถึงแม้ว่าจะเป็นการแต่งหน้าอ่อนๆ แต่จนวิภาก็แต่งอยู่ หลายรอบจนกว่าตนเองจะพอใจ หลังจากนั้นก็รีบเดินทางไป ยังบริษัทตะวันกรุ๊ป

เนื่องจากเมื่อคราวก่อนเมื่อบริษัทตะวันกรุ๊ปได้เกิด เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น จึงทำให้ตำแหน่งของพนักงานหลาย คนมีการเปลี่ยนแปลง แต่พนักงาน โดยส่วนใหญ่ยังคงรู้จักกัน วิภา

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะไม่รู้จัก แต่เมื่อเร็ว ๆ มานี้เนื่องจาก สาเหตุบางอย่างทำให้พนักงาน “มีความเข้าใจ” จันวิภา

เมื่อเดินเข้าไปในบริษัทจันวิภาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ บางอย่าง หล่อนพบว่ามีหลายคนกำลังแอบมองหล่อน อีกทั้ง ยังหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

จันวิภารู้สึกไม่สบายใจ หล่อนคิดว่าตนเองคงจะเข้าใจผิด แต่เมื่อหล่อนสาวเท้าไปทางห้องทำงานของสุมิตร กลับพบว่า ไกลออกไปมีคนกำลังแอบกระซิบกระซาบกันอยู่ บางคนถึงกับ ชี้นิ้วมาที่หล่อน

ถึงแม้ว่าในวิภาก็มาสามารถรู้ได้ว่าคนพวกนั้นกำลังพูดถึง เธอยังไง แต่หล่อนสามารถรับรู้ได้ว่าคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
ระหว่างทางไปห้องทำงานของสุมิตร จันวิภาเหลือบไป เห็นผู้หญิงผมสั้นคนหนึ่ง เธอคนนั้นมีบางอย่างดึงดูดจนวิภาไม่ เพียงแค่เพราะหล่อนทั่วทั้งร่างของหล่อนมีออร่าของคนที่มี ความสามารถในการทํางานเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคือหล่อน กำลังพูดชื่อของตนเองกับพนักงานคนอื่นอยู่

จันวิภารู้สึกว่าสายตาของพนักงานพวกนั้นทำให้หล่อน เกิดอาการประหม่า ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงทำเป็นไม่สนใจ ผู้หญิง ผมสั้นคนนั้นกำลังคุยเรื่องอะไรกับพนักงานคนอื่นกันนะ เมื่อ เห็นภาพลักษณ์ที่จริงจังพวกหล่อนคงจะกำลังพูดเรื่องงานกันล่ะ

ช่างมันเถอะ ฉันวิภายังคงมุ่งหน้าสาวเท้าไปยังห้อง

ทํางานของสุมิตร

ในเวลานั้นผู้หญิงผมสั้นคนนั้นได้หันตัวกลับมาทักทายกัน วิภา “เอ๊ะ คุณจันวิภา มาหาท่านประธานหรือคะ?”

จันวิภพยักหน้าตอบ ในใจกำลังคิดว่าเมื่อก่อนผู้หญิงคน นี้ทำงานในตำแหน่งอะไร แล้วถามออกไปอย่างเก้อเขิน “สวัสดีค่ะ คุณคือ?”

ผู้หญิงผมสั้นคนนั้นยิ้มออกมาอย่างมีมารยาท และกัดฟัน ตอบกลับไปอย่างชัดเจนว่า “ฉันชื่อชนินพร เป็นเลขาชั่วคราว ของท่านประธานค่ะ”
ชั่วคราว?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ