พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน435ออกจากเมืองเอ



ตอน435ออกจากเมืองเอ

ตอนที่ 435 ออกจากเมืองเอ

หายใจเข้าลึกๆไปสักพัก ก็มีลูกน้องใจกล้าคนหนึ่งเดิน เข้ามา ห้อยมือลงและยืนอยู่ตรงหน้าสุมิตร

“ยังโจมตีไม่ชนะอีกหรอ

“โดนระเบิดจนเละไปหมดแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของ

เวลา”

“โจมตีต่อไป ให้เวลาภายในสองวัน ต้องทำลายล้างป้อม

นั้นให้ได้”

สองวัน

ลูกน้องกลืนน้ำลาย รู้ว่าเป็นภารกิจที่หนักมาก แต่ไม่กล้า

พูดอะไรออกไป

แต่วันนี้มีเหตุการณ์พิเศษ ต้องรายงานให้สุมิตร

“คือว่า พวกเราลงมือใหญ่มาก ทางตำรวจรับผิดชอบไม่ ไหวแล้ว ครั้งนี้ยังทำให้พวกทหารตกใจอีก พวกเขากำลัง สืบหาความจริงของพวกเราอยู่ แล้วจะทำยังไงต่อไป

ลูกน้องยังไม่ทันจะพูดจบ สุมิตรก็พูดชัดขึ้นมาว่า “เรื่อง พวกนี้ให้ธนภาคไปจัดการ ไม่ต้องเอามาให้ฉันรำคาญใจ
ลูกน้องมองไปที่ธนภาคอย่างลำบากใจ ธนภาค โบกมือ ให้ หมายถึง ให้เขาออกไปก่อน

ถ้าหากเป็นแต่ก่อน ธนภาคต้องเกลี้ยกล่อมให้เขาใจ เย็นๆ และคิดวิเคราะห์ข้อดีข้อเสีย ให้กับเขา

แต่ตอนนี้ธนภาคไม่มีจุดยืนที่จะพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะว่า

เหตุการณ์ในวันนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเขา

ธนภาคยอมรับผิด เขาไม่รู้สถานการณ์ของฉันวิภาใน

ตอนนั้นจริงๆ

แต่ถ้าให้โอกาสเขาได้ย้อนกลับไปแก้ไข เขาก็ยังคงจะทำ แบบเดิม

เหตุการณ์ตอนนั้นสามารถช่วยได้แค่คนเดียวเท่านั้น ถ้า จันวิภาอยู่ในมือของสุพจน์ก็ยังมีโอกาสรอด แต่ถ้าเป็นสุมิตร อยู่ในมือของสุพจน์ละก็ ตายสถานเดียว แน่นอน เหตุผลพวกนี้ไม่ต้องไปอธิบายกับสุมิตร เขาไม่

ฟัง

ธนภาคยืนขึ้นและพูดว่า “เรื่องของทหารทางนั้น ฉันจะไป

จัดการเอง”

ยกมือขึ้นมานวดคิ้ว สุมิตรพูดนิ่งๆว่า “อืม

“สุมิตร นายพักก่อนเถอะ” เห็นสุมิตรท่าทางเหนื่อยล้า

ธนภาคเลยพูดด้วยความห่วงใย
“จันวิภาตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตาย จะให้ฉันพักได้ยัง

ไง” สุมิตรค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพูดว่า “แค่นึกถึงภาพที่จันวิภา ที่มีเลือดท่วมตัวนอนอยู่ในอ้อมแขนฉัน ใจของฉันก็เหมือนกับ มีคนเอามีดมากรีด

ธนภาคก็เสียใจไปไม่น้อยกว่าสุมิตร นอกจากนี้ เขายัง ไม่มีหนทางที่จะลบล้างความผิดตัวเอง

“สุมิตร ขอโทษ”

สุมิตรรู้ว่าธนภาคก็เสียใจเหมือนกัน แต่คำว่า “ไม่เป็นไร ทำไมถึงพูดไม่ออกนะ

มองดูสุมิตรที่ขึ้นชื่ออยู่ ธนภาคก็กำหมัดแน่นและพูดว่า “ถ้าหากจนวิภาเป็นอะไรไปจริงๆ ฉันก็จะเอาชีวิตของฉันชดใช้ ให้”

พูดจบ ธนภาคก็ลุกขึ้นเปิดประตูห้อง และเดินออกไป อย่างรวดเร็ว แรงกายที่หมดแรงพิงอยู่ที่กำแพง

พอผ่านไปสักพัก ธนภาคก็ปรับอารมณ์ เดินขึ้นบันไดด้วย ใบหน้าที่ไม่แสดงอาการอะไรใดๆออกมา

สักพักก็เงยหน้าขึ้น ธนภาคเห็นนิเวศน์ยืนอยู่ที่ตรงนั้นมอง

ดูเขา

ในตอนนั้นธนภาคคิดว่าตัวเองเป็นคนเลว คนเลวที่ ทำลายความรู้สึกของครอบครัวนี้

“นิเวศน์”
“ธนภาคร้องเรียก หลังจากนั้นก็เริ่มเงียบขึ้น

ในขณะนั้น ไม่ว่าจะพูดอะไรมันก็ไม่มีประโยชน์ มันแก้ไข อะไรไม่ได้ และไม่มีทางเยียวยาความเจ็บปวดของฝ่ายตรง ข้ามได้

“ลุงธนภาค” นิเวศน์เริ่มพูดก่อน เงาปกปิดใบหน้าของเขา

เสียงเย็นๆของเขาพูดขึ้นว่า “ยังไม่ได้ข่าวของหม่ามีอีกหรอ

“ธนภาคส่ายหัวเบาๆ

“อย่างงั้นหรอ” หลังจากที่เงียบไปแป๊ปหนึ่ง นิเวศน์ก็พูด ขึ้นว่า “ถ้างั้นก็บีบให้สุพจน์ตายสิ ถ้าเป็นแบบนี้ เขาก็จะเอา หม่ามออกมาเป็นตัวประกัน

นิเวศน์พูดพลางเดินลงมาจากบันไดอย่างช้าๆ แสงที่สาด ลงบนหน้าของเขาแบบเรือนรางนั้นทำให้ท่าทางของเขาดู

เคร่งขรึม

พอเข้ามาใกล้ๆ ธนภาคถึงได้เห็นว่าตาของเขาบวม

ไม่ต้องพูดธนภาคก็รู้ว่า หลังจากที่ปิดประตูแล้วเด็กคนนี้ กําลังทําอะไร

มองดูนิเวศน์ด้วยความเจ็บปวด ธนภาคพูดขึ้นว่า เจ้าหนู ขอโทษนะ”

นิเวศน์หันหลังกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์และพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องขอโทษหรอก ที่มันเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นเพราะลุงคน เดียว แทนที่จะโศกเศร้าสู้เปลี่ยนความเสียใจเป็นมาแรงใจดีกว่า จะได้ช่วยหม่ามี้ออกมาให้ได้เร็วๆ

“ใช่ นายพูดถูก” ธนภาคหายใจออกมาเบาๆแล้วพูดว่า “นานสุดสองวัน พวกเราจะมีฐานของสุพจน์ให้แตก ถึงเวลานั้น ต้องช่วยหม่ามีนายออกมาได้แน่ๆ

“อืม ผมเชื่อในความสามารถของปะ

“นายก็ไปเกลี้ยกล่อมพ่อนายให้เขาพักผ่อนด้วย ไม่อย่าง นั้น ลุงกลัวว่าแม่นายจะไม่เป็นอะไร แต่พ่อนายกลับต้องเป็น คนที่นอนโรงพยบาลซะเอง

“ผมจะลอง แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึเปล่า” พูดเสร็จนิเวศน์ พยักหน้าให้ธนภาคเล็กน้อยและพูดว่า “ลุงธนภาค ผมไปก่อน

“อื้ม โอเค”

พอพูดจบนิเวศน์ก็เดินผ่านธนนภาคไป

ธนภาคหันหลังกลับไปมองนิเวศน์ที่ผอมและดื้อรั้น แล้ว เขาก็ถอนหายใจ

ไม่กี่วันมานี้ สุพจน์อยู่ข้างๆในวิภาตลอดเวลา ถึงแม้ว่า เขาจะสลบอยู่แต่ก็ไม่ยอมออกห่างแม้แต่ก้าวเดียว

ส่วนเรื่องที่ต้องปะทะกับสุมิตรนั้นสุพจน์ให้ลูกน้องไป จัดการแทน ดูเหมือนกับว่าแพ้ชนะจะไม่สำคัญอะไรสำหรับเขาแล้ว

พอขาดการบงการจากสุพจน์ ฝั่งสุมิตรก็โจมตีเข้ามา

อย่างต่อเนื่อง ฝั่งทางของสุพจน์ก็แพ้อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ในอีกไม่ช้ากองกำลังจะถูกตีแตกแม้แต่โอกาสที่จะโต้กลับก็ ไม่มี

ไม่พอแค่นี้ ธนภาคกับนิเวศน์ร่วมมือกัน ขุดขาฐานที่มั่น ของสุพจน์ และทำลายล้างไปเป็นที่ๆ

เผชิญหน้ากับเหตุการณ์นี้ ลูกน้องของสุพจน์ก็ใจสั่นคลอน คิดว่าเมืองเอนี้กลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีค่าอะไรไปซะแล้ว

แต่ใจของสุพจน์กลับอยู่ที่จันวิภา ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่อง นี้ ลูกน้องของพวกเขาร้อนใจดังถูกไฟเผา แต่กลับไม่มีใคร กล้ามาบอก

สุดท้าย ก็เป็นชายหัวล้านพี่รวบรวมความกล้ามารายงาน

“ลูกพี่ พวกเราออกไปจากเมืองเอก่อนดีมั้ย

สุพจน์จ้องตาคนหัวล้านแล้วถามว่า “ออกไปงั้นหรอ นาย อยากให้ฉันยอมแพ้ต่อสุมิตรนั้นหรอ

“นี่ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่เป็นการรักษากองกำลัง กอง กำลังของธนภาคแข็งแกร่งกว่าที่เราคิดไว้มาก ยิ่งกว่านั้นคุณ อยู่ที่นี่ก็ไม่มีกะจิตกะใจต่อสู้อยู่แล้ว

สายตาที่เยือกเย็น มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมา
คนหัวล้านรู้สึกเสียวสันหลังจึงรีบพูดอธิบายว่า “ถึงแม้ว่า ตอนนี้คุณจันวิภาจะอยู่ในมือเรา แต่ถ้าพวกเราไม่ไป สุมิตร จะไม่ยอมวางมือ ก็จะคอยมาวุ่นวายกับเราแบบนี้จะทำให้เรา อยู่ยากมาก

“ลูกพี่ ถ้าไม่รีบก็จะไม่มีโอกาสแล้ว ครั้งนี้เราแพ้ยับเยิน ถ้าอยากจะโจมตีสุมิตร จำเป็นต้องรวบรวมกองกำลัง ออกไป จากที่นี่ตอนนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

คนหัวล้านพูดถูก ถึงแม้ตอนนี้สุพจน์จะหาสถานที่เงียบๆ ให้ในวิภาเอาไว้พักฟื้นได้แล้ว แต่ก็ไม่รับประกันว่าสุมิตรจะหา เจอวันไหน

ถ้าหากว่าพากันวิภาไปจากที่นี่เงียบๆ สุมิตรก็จะไม่มีทาง หาเบาะแสของจันวิภาเจอจนต้องเป็นบ้าอย่างแน่นอน

พอคิดถึงตรงนี้ มุมปากของสุพจน์ก็ค่อยๆยกขึ้นและพูดว่า “ให้คนข้างล่างเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะออกเดินทางไป เมืองบีกัน

เห็นสุพจน์สบายใจแบบนี้ คนหัวล้านก็รีบพูดขึ้นอย่างดีใจ ว่า “ครับ”

นิ้วกระดิกเบาๆ จันวิภารู้สึกว่ากำลังจะฟื้นขึ้นมา เธอรู้สึกว่าเธอนอนไปนานมาก เป็นฝันที่ยาวนานมาก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ