พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน320กักบริเวณไม่ให้หนี



ตอน320กักบริเวณไม่ให้หนี

ตอนที่ 320 กักบริเวณ ไม่ให้หนี

ก่อนหน้านี้นิเวศน์เห็นสุพจน์เคร่งขรึม ยังคิดว่าตัวเองถูก จับได้ว่าแอบดักฟังเขา ในใจจึงเกิดความตึงเครียด แต่กลาย เป็นว่าสุพจน์พูดเรื่องเมื่อเช้า ดังนั้นนิเวศน์จึงเริ่มซุกซนอีกครั้ง และล้อเล่นกับพ่อบุญธรรมของตัวเองขึ้นมา

ดวงตาสุพจน์เย็นลงเล็กน้อย และเคาะศีรษะเล็กๆ ของ นิเวศน์ ยิ้มและพูดว่า “อ๋อ งั้นฉันต้องสำนึกผิดต่อหน้าเด็กตัว เล็กๆ อย่างเธอด้วยงั้นเหรอ

นิเวศน์เบะปากพลางหยักหน้า “นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้ว พ่อบุญธรรมเป็นผู้ชายตัวใหญ่ มีความกล้าหาญ ทำผิดก็ต้อง ยอมรับผิด แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่าเส้นผมของผมก็ตามที่

เมื่อเห็นท่าทางไม่มีเหตุผลของนิเวศน์ทำให้สุพจน์ต้องหัน ไปหาในวิภาเพื่อขอความช่วยเหลือ

แต่ในวิภากลับไม่แยแส แม้แต่สายตายังไม่แลโดยหันไป อีกฝั่งแทน ลูบศีรษะนิเวศน์อย่างชื่นชม ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไม่ เพียงพอจะช่วยสุพจน์ แต่พร้อมจะดูการแสดงละครมากกว่า

จันวิภากำลังคิดว่ามีน้อยครั้งนักที่สุพจน์จะหงอได้ เพราะ ฉะนั้นครั้งนี้ต้องไม่พลาด
“ที่จริงก็เพราะสองคนแม่ลูกร่วมมือกันจัดการผม นี่เอง….เฮ้อ ช่างเถอะ เมื่อเช้านี้ฉันสะเพร่าจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ เพราะฉันเป็นห่วงมามีของเธอนะ

สุพจน์ยิ้มและพูดตัดจบเงียบๆ

นิเวศน์ส่ายหน้าและถอนหายใจ “นั่นคือคำสารภาพแบบ ไหนกัน มันเหมือนเราทำผิดต่อคุณเลย

เมื่อวันวิภาได้ยินก็ก้มลงหัวเราะจนลืมบาดแผลบนใบหน้า

สุพจน์นั่งตัวตรง ถอดเนคไทพลางยิ้มไปด้วย บรรยากาศ เริ่มจริงจังขึ้นมา

นิเวศน์เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เป็นอย่างที่คาด สุพจน์พูดว่า “ฉันใจร้อนเกินไปจริงๆ มัน ก็ไม่เชิง แต่ถ้าเธอยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันก็จะหยุดเธอ ไม่ว่า ยังไงก็ตาม”

นิเวศน์กำลังจะพูดอะไรแต่สุพจน์กลับไม่มองเขา แต่พูดว่า “เธอเงียบ เรื่องของเธอฉันจะปล่อยไปชั่วคราว แต่ถ้าเธอไม่ สำนึกผิด พ่อบุญธรรมก็จะโกรธแล้วนะ”

ได้ยินคำพูดของสุพจน์ นิเวศน์ก็กลืนคำพูดของตัวเองลง ไป หัวใจเย็นเฉียบ นิเวศน์คิด พ่อบุญธรรมรู้หรือไม่กับเรื่องที่ เขาทํา

เมื่อจันวิภาเห็นความจริงจังของสุพจน์ก็อดไม่ได้ที่จะ จริงจังขึ้นมา เธอสะบัดหน้าไปพลางขมวดคิ้ว “ฉันรู้ว่าคุณเป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่มีอิสระที่จะไปเจอใครเลยงั้นเหรอ

สุพจน์พูดเสียงเย็นชา แน่นอนว่าได้ แต่ต้องไม่ใช่สุมิตร

จนวิภารวบรวมคำอธิบาย

“ตอนนี้สถานการณ์มันแตกต่างกันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เขา เป็นแบบนั้น แล้วคุณทำกับฉันแบบนี้อีกได้ยังไง

สุพจน์ขมวดคิ้วเข้าหากันแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความ สงสาร เขาถามเบาๆ “คุณเห็นสิ่งที่คุณกำลังถูกรังแกไหม ยัง บอกว่าไม่เป็นไรอีกเหรอ”

“คุณไม่ได้เป็นวันวิภาเมื่อหกปีก่อนอีกแล้ว ไม่มีใคร สามารถดูถูกคุณได้อีก

จันวิภารู้เหตุผลที่ต้องสูญเสีย แต่เพื่อหลีกเลี่ยงสายตา ของสุพจน์ที่ทำให้เธอรู้สึกผิด พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนยุงว่า “ครั้งนี้ เรื่องคราวนี้เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นทั้งหมด มันไม่ เกี่ยวอะไรกับเขา คุณก็รู้

สุพจน์มองจันวิภา นอนลงบนโซฟาและถอนหายใจยาว อย่างสิ้นหวัง

จันวิภาก้มหน้าลงและพูดต่อไป “ฉันรู้สึกว่าช่วงหลายปีที่

ผ่านเขาเปลี่ยนไปมาก

“หยุดพูดได้แล้ว” สุพจน์หยุดจนวิภาแล้วตัวเองก็หลับตาลง

นิ้วยาวสะอาดของเขาเคาะลงบนโซฟาเบาๆ ดูเหมือนจะ กำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง

จนวิภาเงยหน้าขึ้นมองสุพจน์ที่หลับตานึ่ง

ความเงียบที่ยาวนานผ่านไป และแล้วสุพจน์ก็ลืมตาขึ้นมา จ้องจันวิภาเขม็ง ดังนั้นจะพูดว่าคุณยังต้องการเจอเขาอีกงั้นเห รอ

จันวิภานิ้วพันกัน ถูกปัญหานี้โจมตีเข้ามา เธอไม่รู้ว่าจะ ตอบอย่างไรดี

เธออยากเจอเขาอีกครั้งจริงๆ นั่นก็เพราะตอนนี้สุมิตร

กำลังอยู่ในขั้นวิกฤต

แม้ว่าจะเคยเจ็บปวดมาในอดีต แต่เมื่อเห็นสุมิตรที่

อ่อนแอ จันวิภาก็รู้สึกแย่

ถึงแม้ว่าฉันวิภาไม่ได้มีคำตอบให้ แต่ความเงียบก็คือการ ยอมรับ

สุพจน์ส่ายหน้าและบ่น อย่างที่คาด เป็นสามีภรรยาวัน เดียวแต่ความสัมพันธ์เป็นร้อยวันงั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่าง นั้นก็ได้…”

จันวิภายังไร้เดียงสาคิดว่าสุพจน์ตกลง ทันใดนั้นก็มีเสียง ฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดสองคนมายืนอยู่ข้างหลังฉัน วิภาด้วยความเคารพ
จันวิภามองไปที่สุพจน์อย่างงุนงง ในหัวใจรู้สึกว่ากำลังจะ มีบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้น

สุพจน์ไม่ได้ให้คำอธิบาย ทำเพียงแค่โบกมือ “พาคุณจัน วิภาไปพักผ่อนในห้อง ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน อย่าให้ออกมา จากห้องแม้แต่ก้าวเดียว

นี่ไม่ใช่การกักบริเวณหรอกเหรอ

นิเวศน์ยืนขึ้นเพื่อต้องการโต้แย้ง แต่กลับถูกสุพจน์ใช้ สายตามองกลับไปเพื่อสั่งห้าม และเพราะนิเวศน์ยังเป็นห่วงว่า แผนการดักฟังของเขาถูกเปิดเผยแล้วหรือไม่ ดังนั้นจึงทำได้ แค่กลืนถ้อยคำนั้นลงไป

นิเวศน์ผู้ซึ่งมีชีวิตชีวาและอยู่ไม่สุขเสมอกลับกลายเป็น มะเขือแช่แข็งทีมที่อ

จันวิภาลุกขึ้นยืนเสียงดังตึง!” ขมวดคิ้วพลางมองไปยัง สองคนข้างหลังแล้วพูดว่า “คุณรู้ไหม ตอนนี้คุณไม่ได้ต่างจาก สุมิตรเมื่อก่อนนี้เลย”

แต่ถึงเป็นอย่างนั้นในใจฉันวิภากลับไม่ได้โกรธ แต่ หงุดหงิดที่สุพจน์แกร่งกร้าวขึ้นมา

สุพจน์ดูเหมือนจะหมดหนทาง เขาจับหน้าผากและถอน

หายใจ “ผมก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้เหมือนกัน แต่คุณควรจะ เงียบไปสักสองสามวัน อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจ

จากนั้นสองบอดี้การ์ดในชุดดำด้านหลังจนวิภากโค้งตัวลง “คุณจันวิภาครับ ได้โปรด

แม้ว่ามันจะเป็นการกักบริเวณ แต่พวกเขาเข้าใจ สถานการณ์ ว่านี่เป็นเพียงการป้องกันของสุพจน์เพื่อจันวิภา แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถพาจนวิภากลับไปที่ห้องได้

โชคดีที่จันวิภาไม่ได้ทำให้พวกเขาลำบาก แค่ดูไม่มีความ สุขและกลับไปที่ห้องด้วยความโกรธ

สุพจน์มองด้านหลังในวิภาจนหายไป แล้วจึงหันไปมอง นิเวศน์โดยไม่ได้พูดอะไร

“พ่อบุญธรรม… นิเวศน์ไม่สามารถทนต่อความเงียบได้ หลังจากลังเลอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น “คุณเป็นอะไร

สุพจน์ยิ้มแล้วเดินไปตรงหน้านิเวศน์ วางมือใหญ่ลงบน ศีรษะของเขา “ไม่ได้เป็นอะไร เธอไม่ต้องเป็นห่วงมามีของเธอ ฉันแค่อยากให้เธอพักผ่อนเท่านั้น

นิเวศน์ไม่ได้โง่ ตามธรรมชาติสามารถมองว่ามันเป็นการ ลงโทษ แต่สำหรับสุพจน์แล้ว เขาปฏิบัติกับจันวิภาอย่างอ่อน โยนก็เท่านั้น

นิเวศน์จงใจเบี่ยงศีรษะเล็กออก ชำเลืองมองพลางเอ่ย

ถาม “เรื่องเมื่อเช้าผมก็มีส่วนร่วม พ่อบุญธรรมจะลงโทษผม ด้วยหรือเปล่า”

“ตราบใดที่เธอยังเชื่อฟัง ไม่สร้างปัญหา ทำไมพ่อ

บุญธรรมจะต้องลงโทษเธอ” ในขณะที่พูดสุพจน์ก็ใช้มือบีบแก้มอ้วนของเขาไปด้วย

“ตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ

สุพจน์จูงนิเวศน์ออกจากประตูไป

“แต่มามี” นิเวศน์หยุดพูดไว้แค่นั้น

“ฉันจัดให้มีคนดูแลเธอ มันจะโอเค และฉันคิดว่ามัน เป็นการดีที่สุดที่เธอจะไม่พบกับมามีของเธอช่วงนี้

เสียงอ่อนโยนของสุพจน์กลับกลายเป็นจริงจัง……


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ