พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน262ลูกชายเป็นผู้ช่วย



ตอน262ลูกชายเป็นผู้ช่วย

ตอนที่262 ลูกชายเป็นผู้ช่วย

จันวิภาได้ยินกระบวนการทั้งหมด พูดด้วยความโมโหว่า “สุมิตร! คุณนี่มันหน้าด้าน!”

“ผมมันเป็นคนหน้าด้าน”

สุมิตรสารภาพอย่างเปิดเผย

“เพราะสำหรับคุณ

อย่าว่าแต่การเปลี่ยนกฎบริษัทเลย ต่อให้เป็นศัตรูกับบริษัทอื่นผมก็ไม่สน

จันวิภา

เรื่องที่จะไปจากผมน่ะคุณเลิกคิดไปได้เ ลย!”

คำพูดบ้าอำนาจของสุมิตรหลอกหลอน อยู่ในโสตประสาทของจันวิภา หัวใจเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

เป็นอีกครั้งที่หลากหลายความรู้สึกพวย พุ่ง

ถ้าหากเป็นในเวลาปกติเกิดสภาพการ ณ์ที่กะทันหันเช่นนี้

จันวิภาคาดว่าคงรู้สึกซาบซึ้งใจไปกับ คำพูดของสุมิตร แต่ตอนนี้มันแตกต่อง สุมิตรเป็นภัยคุกตามโดยแท้!

จันวิภาสั่นด้วยความโกรธ พร้อมกับคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง “สุมิตร คุณนี่มันเกินไปแล้ว!”

“ผมน่ะเหรอเกินไป”

น้ำเสียงของสุมิตรไม่สามารถคาดเดาไ ด คำพูดที่ออกมานั้นทำให้คนได้ยินยอมเ

ชื่อฟังอย่างช่วยไม่ได้ คุณถามตัวเองดู ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีเหรอ ทำไมคุณถึงต้องเอาแต่หลบหน้าผม ผมเป็นสัตว์ร้ายที่ทำให้คุณกลัวมากเลย หรือไง”

คุณมันเป็นสัตว์ร้าย! เป็นคนเลว!

คำด่านั้นจันวิภาไม่ได้พูดออกไป เธอแค่ว่าสายโทรศัพท์มือถือ ในตอนนี้นิเวศน์ออกมาจากห้องน้ำแล้ว เขาจ้องมองจันวิภาอย่างงุนงง “มามี้

ใครโทรมาเหรอครับ

ถึงทำให้มามีโกรธขนาดนี้”

“คนเลว!” จันวิภาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี นิเวศน์เกิดแสงประกายวาบในแววตา เขายิ้มกว้างจนมองแทบไม่เห็นริมฝีปา ดูจากสถานการณ์นี้

ต้องเป็นคุณพ่อที่โทรมา

ถึงสามารถทำให้มามีโกรธมากได้

นั่นไม่ได้หมายความว่ามามีแคร์เขามาก

หรอกเหรอ

ไม่อย่างนั้นมามี้จะโกรธคนแปลกหน้าไ

ปทำไม

คำพูดของจันวิภาเพิ่งจบลง

เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น นึกสงสัยว่าใครกันที่มาแต่เช้า จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินออกไปเปิดประตู

เธอตกใจเล็กน้อย

มองทะลุผ่านกระจก

จันวิภาคาดไม่ถึงเมื่อเห็นว่าเป็นสุมิตร จันวิภาตกใจกับการปรากฏตัวขึ้นกะทัน ทั้งที่เพิ่งวายสายไปไม่กี่นาที สุมิตรก็มาปรากฏตัวที่ประตูบ้านเธอแล้ ว นี่มันเรื่องอะไรกัน

ดูจากรูปการณ์ตอนนี้ เขาไม่ควรอยู่ในห้องทำงานที่บริษัทหร

อกเหรอ

แล้วทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้

จันวิภาหันหลังพิงประตู เธอไม่กล้าเปิด

กลัวว่าถ้าเปิดออกสุมิตรจะลากตัวเองไ ป

จันวิภาไม่เปิดประตู สุมิตรก็เอาแต่กดกริ่ง ในที่สุดแม้แต่นิเวศน์ก็อดไม่ได้ที่จะถาม ออกมา “มามี้ ทำไมไม่เปิดประตูล่ะครับ

มีคนกดกริ่งไม่ใช่เหรอ พลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีว่า

“มีคนเลวอยู่นอกประตู มามีเปิดไม่ได้!”

“คนเลวเหรอครับ”

นิเวศน์มองจันวิภาอย่างงุนงง แต่ในใจกลับแจ้งชัด เป็นคนเลวที่ไหนกัน คนที่อยู่นอกประตูเป็นไปได้ว่าคือคุณพ่ อ ไม่อย่างนั้นจันวิภาจะไม่กลัวขนาดนี้ เมื่อคิดได้ว่าพ่ออยู่นอกประตูนิเวศน์ก็อ ยากเปิดประตูออก เขากลอกตาไปมาคิดหาทางออก จากนั้นจึงพูดว่า “มามี้ครับ

ถ้าเป็นคนเลวงั้นพวกเราเรียกตำรวจเ อะ สายเกินไปจะไม่ดีนะครับ”

พูดอย่างนั้นแล้วนิเวศน์ก็ดึงจันวิภาไปที่ “ไม่ แจ้งตำรวจไม่ได้”

จิตใจจันวิภาเริ่มไม่มั่นคง

เธอหยุดนิเวศน์ไว้และพูดว่า “เราอย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย ไม่ต้องแจ้งตำรวจหรอก”

นิเวศน์เลิกคิ้ว

เขาเหลือบมองไปที่ระยะห่างระหว่างตั

วเองและประตู

ถีบฝ่าเท้าและทันใดนั้นนิเวศน์ก็รีบวิ่งไ

ปที่ประตู

ก่อนจันวิภาจะได้รู้ตัวประตูก็เปิดออกแ ล้ว

“นิเวศน์!”

จันวิภามองด้วยความตกใจไปยังนิเวศน์ ตัวน้อยผู้กล้าหาญที่วิ่งไปเปิดประตู จากนั้นทั้งมือเท้าก็เปิดประตูออกอย่าง เธอไม่สามารถยับยั้งไว้ได้เลย

มองดูสุมิตรที่ปรกฏตัวตรงปากประตู ในใจของจันวิภาทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด

นิเวศน์เจ้าเด็กที่กินบนเรือนขี้รดบนหลัง

คา

ดูเหมือนเขาจะต้องถูกตีสักทีเพื่อให้หล

าบจ๋า!

สุมิตรมองนิเวศน์อย่างซาบซึ้งใจ จากนั้นก็มองตรงจ้องเขม็งไปที่จันวิภา ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ

สงครามเย็นกำลังเริ่มขึ้น ดังคำกล่าวที่ว่า ถ้าหากไม่อยากตายในความเงียบก็อย่า

ปะทุขึ้นมาในความเงียบ

จนในที่สุดจันวิภาก็เดินไปที่ประตูอย่าง สุมิตรจับมือจันวิภาที่อยู่บนลูกบิดประตู

ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ลากเธอออกจ ากประตูได้

“นี่! สุมิตร ตอนนี้มันกลางวันแสกๆ นะ คุณคิดจะทําอะไร

จันวิภาเปลี่ยนความโกรธจัดเป็นแรงผลั

ถลึงตาจ้องมองสุมิตรและพูดอย่างต่อ

“ไปทำงานกับผม

มิตรดึงมือของจันวิภา ต้องการดึงเธอให้เดินไป ลิฟต์ เมื่อคิดได้ว่านิเวศน์ยังยืนอยู่ที่เดิม จันวิภาก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา ลูกชายของฉันอยู่ที่บ้านนะ!” เมื่อได้ยินคำพูดของจันวิภา สุมิตรจึงหยุดลง เขามองไปที่นิเวศน์ ในที่สุดก็พูดด้วยสีหน้าปกติว่า “แล้วคุณจะไปทำงานกับผมไหม”

จันวิภารู้สึกว่าสุมิตรเป็นไปแล้วจริง ๆ เพื่อจุดประสงค์แล้วไม่เลือกวิธีการ ทำยังไงก็ได้เพื่อให้เธอไปทำงาน การทำแบบนี้มันเป็นความคิดที่ดีแล้วงั้น เหรอ

จันวิภาแทบจะไม่เข้าใจวงจรสมองของ สุมิตร

ในตอนนี้เธอไม่มีวิธีที่จะปฏิเสธสุมิตร แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้สุมิตรทำตามใ จตัวเองได้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจจะปฏิเสธไ ด้ “ให้ฉันกลับไปทำงานก็ได้ แต่คุณต้องเพิ่มเงินเดือนให้ฉัน สูงกว่าก่อนหน้านี้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่อย่างนั้นฉันไม่กลับไป!”

แปดสิบเปอร์เซ็นต์!

จันวิภาคนนี้ช่างโลภมาก

เงินเดือนเดิมของเธอไม่ได้ต่ำเลย ตอนนี้ยังต้องการเพิ่มอีก รายได้ต่อเดือนก็เทียบเท่าเถ้าแก่ร้านค้ าเล็ก ๆ แล้ว!

ใครก็รู้ว่าสุมิตรจะต้องการหรือไม่ก็ต้อง ตอบตกลง “ได้ คุณสามารถเพิ่มได้เลยเท่าที่คุณต้องกา 5”

ต้องการทั้งกระเป๋าเขาก็ให้ได้ ไม่คิดว่าสุมิตรจะตกลงง่ายดายเช่นนี้

จันวิภาไม่พอใจ

ยังอยากดูสีหน้าอีกหน่อย

เธอจึงพูดออกมาอย่างแน่วแน่ว่า “อีกอย่าง ในทุก ๆ

วันฉันตื่นเมื่อไหร่ก็จะไปทำงานเมื่อนั้น คุณตกลงได้ไหมล่ะ”

มันเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน

ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าพูดกับเจ้านา ยแบบนี้

เห็นสุมิตรไม่ตอบจันวิภาก็เสริมอีก

“ถ้าคุณตกลงฉันก็ทำงานต่อ

แต่ถ้าไม่ตกลง….วันนี้ต่อให้ฉันต้องไร้ย

างอายมากมายขนาดไหน

ฉันก็จะป่าวประกาศไปตามท้องถนนว่าเ

จ้าของบริษัท ตะวันกรุ๊ป บังคับให้คนอื่นไปทำงาน ดูซิว่าคุณจะทำยังไง”

คำพูดของจันวิภานั้นมีเหตุผลน่าเชื่อถือ ทำให้คนมองว่าหยิ่งยโส ทำให้สุมิตรยากที่จะถอยหนี

แต่ทว่า

สุมิตรปรากฏเพียงแค่ใบหน้านิ่งสงบ รอจนจันวิภาพูดจบ เขาก็พยักหน้าเงียบ ๆ และพูดว่า “ได้ ผมตกลง”

” คราวนี้จันวิภาตะลึงงัน เธอพูดไปตั้งเท่าไร

ไม่คาดคิดว่าสุมิตรจะยอมรับความต้อง การที่ไร้เหตุผลของเธอทั้งหมด ทำไมสุมิตรถึงได้พูดง่ายแบบนี้ 198127831_399272811302392_4272299750590305671_n


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ