ตอน444รูมเมทคนใหม่
ตอนที่ 444 รูมเมทคนใหม่
พอได้ยินเสียง คนที่นั่งเก้าอี้หันหน้ามามอง หมุนตัวมอง ไปที่จันวิภา ถามยิ้มๆว่า “คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ”
รอยยิ้มของเด็กผู้หญิงนั้นช่างสดใสมาก แต่กลับแตกต่าง
จากพัชรีอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่พัชรี แต่มากระตุ้นความนึกคิดของ
จันวิภาได้
“ไม่ใช่ค่ะ คุณแค่เหมือนเพื่อนของฉันคนหนึ่งมากๆเท่านั้น
เองค่ะ”
“เป็นเกียรติของฉันจริงๆ ค่ะ” เด็กผู้หญิงลุกขึ้น ยืนมือไปที่ จันวิภา พูดว่า “ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการค่ะ ฉันชื่อเป ศาค่ะ เป็นรูมเมทกับคุณค่ะ
“คุณก็เป็นเด็กฝึกหัดเหรอ”
“ใช่ค่ะ”
จันวิภาไม่ได้คิดถึงตรงนี้ว่ายังมีคนที่รอดไปได้อยู่ ถาม ด้วยความแปลกใจว่า “งั้นวันนี้ตอนที่ฝึกซ้อมกันทำไมฉันไม่ เห็นคุณเลย”
“ฉันสมัครเข้ามาจากโครงการอื่น เวลาค่อนข้างเร่งรีบ พลาดการฝึกซ้อมของวันนี้ไป มองจันวิภาตั้งแต่หัวจรดเท้า เป มิศาเห็นว่าเธอพูดอย่างแผ่วเบา จึงพูดว่า “อาการแบบนี้ การ ฝึกซ้อมของที่นี่ดูน่าจะลำบากมาก
“ใช่เลยค่ะ คนธรรมดาไม่สามารถจะอยู่ต่อไปได้ค่ะ
“ในเมื่อลำบากแบบนี้แล้ว งั้นพวกเราก็ไปผ่อนคลายกัน
เถอะ”
ผ่อนคลายเหรอ
จันวิภายิ้มแข็งๆ ให้ คิดดูแล้วผู้หญิงคนนี้ไม่เหนื่อยหรือไง
ถึงจะไปพักที่ไหน
ตอนที่ฉันวิภาอาเจียน เปมิศาก็เดินไปหาในวิภาอย่างไม่
ให้คําอธิบาย
“เฮ้ คุณทําอะไร”
“ฉันก็บอกอยู่ว่าออกไปผ่อนคลายด้วยกัน
“ฉันไม่ไป ฉันเหนื่อยมากแล้วและต้องการพักผ่อน
“อา แต่ออกไปกินข้าวแค่นั้นเอง คุณไม่เหนื่อยมาก หรอก”
“แต่ว่าฉันไม่อยากอาหาร
“งั้นไปเป็นเพื่อนฉันก็ได้ พวกเราเป็นรูมเมทกันนะ หรือว่า จะไม่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันล่ะ”
“แต่ว่า แต่ว่าตอนบ่ายยังต้องซ้อมอีกนะ
“โอ๊ย สบายมาก”
พูดเสร็จเปมิศาหยิบโทรศัพท์กดเบอร์โทรไป หลังโทรติด แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียงทันที
“หัวหน้าโยธินคะ มีเรื่องจะคุยกับท่านเรื่องหนึ่งค่ะ อยู่ดีๆ ก็ปวดท้องขึ้นมาค่ะ ต้องไปโรงพยาบาล แต่ว่าฉันปวดจนไม่มี แรงเดิน จึงอยากขอ…..
คิดได้ว่ายังไม่รู้จักชื่อของจันวิภาเลย เปมิศาจึงขยับปาก แบบไม่มีเสียงถามซื่อจนวิภา
จันวิภาไม่มีทางเลือก พูดเสียงเบาว่า “ทิพานัน
“เอ่อ ฉันอยากขอให้รูมเมทฉัน ทิพานั้นพาฉันไปโรง พยาบาลค่ะ”
“เช่นนี้เหรอ งั้นพวกคุณสองคนดูแลกันดีๆล่ะ ถ้าต้องการ ให้ช่วยอะไรก็โทรมาหาผม
“โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะหัวหน้าโยธิน
วางสายโทรศัพท์ไป เปมิศาดีดนิ้วหนึ่งครั้ง พูดยิ้มๆว่า
“สำเร็จ”
จันวิภามองที่อีกฝ่ายอยู่นั้นไม่ได้พูดอะไรออกไป ในใจคิด ว่าคนที่นี่ทุกคนต่างแสดงเก่งจังเลย
ยิ้มแล้วเอาไหล่ชนจนวิภา เปมิศาพูดว่า “ฉันรู้นะว่าคุณไม่ชอบฝึกซ้อมแน่ๆ ตอนนี้ไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว ฉันเป็นคนใหญ่ คนโตน่ะ”
ยกมือไปลูบคางจันวิภา เปมิศาก็หัวเราะเหมือนอันธพาล
ถึงจะเป็นการเจอกันครั้งแรก ท่าทีเล่นใหญ่ของเปมิศาที่ แสดงออกมา แต่ในวิภากลับไม่รำคาญเธอ
ตรงกันข้าม เมื่อเปรียบกับพวกพ้องในห้องซ้อมแล้วจัน ภาชอบเปมิศาที่แสดงออกมาอย่างแท้จริงมากกว่า
พูดตามจริงคือจันวิภาถูกคำพูดของเปมิศาทำให้ซาบซึ้ง แล้ว แต่การออกจากที่นี่ จันวิภาก็จะถูกคุกคามจากสุพจน์ เธอ ไม่อยากตกอยู่ในความเสี่ยง
คิดถึงตรงนี้แล้วจันวิภาต้องการจะหนีจากเปมิศา
แต่อารมณ์ของผู้หญิงคนนั้นน่ากลัว จันวิภาขัดขืนไม่ได้ เลย ทางกลับกันก็ถูกเธอดึงจนเซ
ผู้หญิงคนนี้กินอะไรถึงได้โตมาแบบนี้เนี่ย
จันวิภาไม่มีทางเลือก ก็เห็นว่าตัวเองถูกดึงออกจากห้อง แล้วพูดว่า “ดูคุณตอนนี้สิ ตรงไหนที่เหมือนคนป่วย
“โอ้ ที่พูดก็ถูก” เปมิศาหยุดเดิน หลังจากนั้นทำตัวงอ
ครึ่งตัวโน้มไปที่ตัวจันวิภา พูดอย่างเบาๆว่า “งั้นรบกวนทิพา นันพาฉันออกไปที
ต้องรับใช้ผู้หญิงคนจริงๆเหรอเนี่ย
จนวิภาพูดอย่างจำใจว่า “คุณรอสักครู่นะ ให้ฉันใส่หมวก และใส่ผ้าปิดปากก่อน
จริงๆแล้ว โอกาสที่ได้ออกไปข้างนอกนั้นก็ดีเหมือนกัน จะ ได้เห็นโลกภายนอกว่าเป็นยังไง
“ใส่หมวก ใส่ผ้าปิดปากทำไม ข้างนอกมันร้อน ไม่ต้อง
ใส่หรอก”
“ไม่ได้ ในอนาคตพวกเราก็ต้องเป็นดารา ระวังไว้ก่อน ดีแล้ว” ในวิภาพูดอย่างเคร่งเครียดจริงจัง และถามเปมิศาว่า “คุณต้องการอำพรางตัวด้วยไหม
เปมิศาส่ายหน้าอย่างแรงแล้วพูดว่า “ฉันไม่เอาด้วย หรอก”
ออกมาจากบริษัท MG ดวงตาของจันวิภามองไปรอบๆเห
มือนเปมิศา กลัวว่าจะมีคนของสุพจน์เจอเข้า แล้วจับเธอไป เห็นในวิภาษีอาการกลัว เปมิศาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ มองจันวิภาอย่างไม่ละสายตา
สถานที่กินข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริษัท MG เป็นร้านอาหาร
ไทย
เพราะว่าเลยเวลากินข้าวมาแล้ว คนในร้านไม่เยอะแล้ว มี ลูกค้าบ้างประปรายนั่งกันอยู่ไม่กี่โต๊ะที่กำลังกินไปด้วยคุยกัน
ไปด้วย
เปมิกามองทัวร้านหลังจากนั้นก็ดึงจนวิภาไปนั่งโต๊ะอยู่ติด หน้าต่างอย่างช้าๆ
“คุณเดินเร็วๆเถอะ”
เปมิศานั่งโต๊ะด้วยความสุข แต่ตรงข้ามเธอมีผู้ชายคน หนึ่งนั่งอยู่
ผู้ชายคนนั้นทั้งสูงทั้งก่ย่า ผิวคล้ำ มองแล้วก็เป็นคนที่ ชอบออกกำลังกาย
มองเปมิศา ผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างเป็นมิตร พูดว่า “ผมก็ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
ยังมีคนอื่นมาเจอที่นี่ จันวิภามองไปที่เขาทันทีแล้วถามว่า
“เขาเป็นใคร”
“ไม่ต้องกลัว ฉันไม่เอาคุณไปขายหรอก” จันวิภาจับคน ข้างๆตัวเอง เปมิศายิ้มแล้วพูดว่า “นี่คือแฟนของฉัน ชื่อเล่นว่า ปอง พวกคุณทำความรู้จักกันไว้
คำตอบนี้ทำให้ในวิภาขมวดคิ้วถามว่า “คุณมีแฟนแล้วเห
“ใช่แล้ว”
“แต่ในตำราการซ้อมไม่อนุญาตให้มีแฟน
เปมิศาและปองมองหน้ากัน หลังจากนั้นก็เอามือไปวาง บนไหล่ของจันวิภาพูดว่า “ไม่เอาน่า คุณเป็นเด็กประถมหรือไงที่ครูพูดอะไรแล้วต้องฟังนะ”
“ฉัน……
“คุณนี่ไร้เดียงสาจริงๆ ง่ายมากที่จะถูกคนไม่ดีหลอก แต่ ครั้งนี้คุณโชคดีแล้ว ฉันจะทำหน้าที่รูมเมท คอยสอนการใช้ ชีวิต ให้คุ้มค่าที่ถูกต้องเอง รับรองว่าจะลบล้างชีวิตคุณเอง
จันวิภาหัวเราะแล้วไม่พูดอะไร
สั่งอาหารแล้วเปมิศาก็พูดคุยกับปอง แต่ในวิภามองไป รอบๆ ฟังเขาพูดกันเป็นครั้งคราว แอบฟังเสียงพูดโต๊ะข้างๆไป ด้วย
“เอ้ย พูดตามจริงแล้วคุณมีศัตรูที่นี่หรือเปล่า
เสียงดังที่ข้างหูทำให้ในวิภาตกใจจนเกือบกระโดดขึ้นมา บนเก้าอี้
มือจับหัวใจ จันวิภาพูดด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีว่า “ไม่มี
“ไม่มีแล้วทำไมคุณทำท่าทางเหมือนโจรที่มีความผิดล่ะ เราเป็นรูมเมทกันแล้วนะ มีปัญหาอะไรคุยกับฉันได้ ฉันจะ ปกป้องคุณเอง”
จันวิภาเอามือเปมิศาออกจากไหล่จนไหล่สั่น ในใจคิดว่า ถ้านำเรื่องชื่อที่มีอิทธิพลอย่างสุพจน์แพร่ออกไป เกรงว่าน้ำ เสียงของเปมิศาจะไม่ผ่อนคลายแบบนี้
ปองดื่มน้ำผลไม้ปั่นเสร็จแล้วถามด้วยความแปลกใจว่า“คุณไม่กินข้าวเหรอ อาหารที่นี่รสชาติไม่เลวเลยนะ
กลิ่นรสชาติที่หอม จันวิภาสายนิ้วชี้ แต่เธอกลับหันหน้า
ไปมองกล้องวงจรปิดของร้าน เพียงแค่ดื่มน้ำแล้วพูดว่า “ฉันไม่ หิว”
พอไปที่เดียวกับที่จันวิภามอง เปมิศารู้ความกังวลของเธอ แล้วถามว่า “เอ๊ะ คุณคงไม่ใช่อาชญสกรที่กำลังตามจับตัว หรอกนะ ใช่ไหม”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ