ตอน427ลงมือแก้ปัญหา
ตอนที่ 427 ลงมือแก้ปัญหา
หลังจากได้พักผ่อนเต็มๆหนึ่งคืนก็เหมือนสุมิตรได้เรียกจิต วิญญาณตัวเองกลับมาอีกครั้งหนึ่ง สีหน้าที่ซีดเซียวของเขาก็ กลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง แต่ถึงมันจะเป็นแบบนั้น หลายวัน ต่อจากนี้ก็คงต้องมีเรื่องให้เขาต้องต่อสู้อีกมาก
ตอนที่สุมิตรตื่นแล้วนั้น นิเวศน์ยังคงหลับลึกอยู่ ดูเหมือน ว่าเขาได้นอนชดเชยกับทอดหลับอดนอนมาหลายวัน
สุมิตรค่อยๆย่องออกจากห้องนอนมา ก็เห็นว่าธนภาคกับ พัชรีได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาแล้ว
“มิตร ตื่นแล้วก็รีบมากินข้าวเร็ว เดี๋ยวอีกต่อไปก็คงจะ ยุ่งๆอีก” ธนภาคเรียกเขาพลางยกอาหารเช้ามาวางที่โต๊ะ อาหาร
เมื่อสุมิตรเห็นพัชรีที่นั่งอยู่ข้างๆ ธนภาคก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถ้าเป็นเวลาปกติล่ะก็ จันวิภาจะเป็นคนที่คอยเตรียมอาหารเช้า ให้เขาในทุกๆวัน
เขาถอนหายใจยาว พลางฝืนตัวเองให้เคี้ยวอาหารเช้า เข้าไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากอาหาร แต่ว่าก็ต้องกินเพื่อจะได้ มีแรงไปต่อสู้กับสุพจน์ต่อ
“นิเวศน์ยังหลับอยู่เหรอ?” พัชรีถามพลางมองไปที่ประตู ห้องนอน “ฉันกลัวว่าพอนายไปแล้วเขาจะกลับไปเป็นเหมือน เดิมอีก ทําให้คนเป็นห่วงจริงๆเลย
สุมิตรรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่พัชรีทำให้หลายวันมานี้ เขายิ้ม พร้อมตอบว่า “วางใจเถอะ เดี๋ยวฉันจะมาหาเขาบ่อยๆ
เมื่อธนภาคได้ยินสุมิตรพูดอย่างนี้ก็รู้สึกโล่งอก แล้วเขาก็ ถามต่อว่า “พอเมื่อคืนสุพจน์เจอเรื่องนั้นเข้าไปก็เริ่มหยุดละ ถ้า งั้นนายวางแผนจะเอายังไงต่อ?”
“หยุดงั้นเหรอ? ฉันว่าคงแค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ แค่จับ พวกลูกน้องมันไม่กี่คนไม่ได้กระทบมันเท่าไหร่หรอก ส่วนฉันจะ ทำยังไงต่อ ก็คงต้องรอดูก่อนว่าสุพจน์มันจะเล่นอะไร” สุมิตร ยิ้มอย่างขมขื่น ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือรอให้สุพจน์ หงายไพ่ก่อน
เขาไม่กลัวหรอกไม่ว่าสุพจน์จะทำอะไรก็แล้วแต่ การที่ ต้องทำลายผู้ชายอีกคน เพื่อให้ได้มาเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องนี้ สุมิตรเข้าใจสุพจน์ดี เพราะว่าในเรื่องแบบนี้ พวกเขาคล้ายกัน มาก
ธนภาคพยักหน้าแล้วตอบว่า “งั้นวันนี้นายเข้าไปที่บริษัท หน่อยเถอะ”
“ที่บริษัทมีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?” สุมิตรมองหน้าธนภาคด้วย ความกังวล
“เปล่า ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีข่าวลือเรื่องที่นายเป็นนายท่า นของแก ทำให้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมค่อนข้าง มาก แต่ในเมื่อมันไม่มีหลักฐานก็ไม่มีผลกระทบอะไรมาก พอ ธนภาคพูดจบก็ยกนมขึ้นดื่ม
สุมิตรรู้ว่าธนภาคยังพูดไม่จบเขาก็เลยยังไม่พูดอะไรต่อ
ธนภาคพูดต่ออีกว่า “ที่จริงก็เรื่องวันวิภานั่นแหละ นานก็รู้ ว่าเมื่อวานไอ้สุพจน์มันจงใจพากันวิภาไปออกสื่อตอนนี้คนใน บริษัทต่างพูดถึงจันวิภาในทางที่แย่ แล้วอีกอย่าง หนังสือพิมพ์ ต่างพาดหัวข่าวชื่อกันวิภาเต็มไปหมด ตอนนี้เรื่องราวมันเลว ร้ายไปหมดแล้ว”
พอธนภาคพูดจบก็ยื่นหนังสือพิมพ์ให้สุมิตร สุมิตรแค่มอง ผ่านๆก็รู้แล้วว่าเนื้อหาในข่าวจะเป็นยังไง
ก็คงไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากพูดว่าฉันวิภามีสามีสองคน อยู่ กับสุมิตรแล้วก็เปลี่ยนมาเป็นสุพจน์แทนอะไรประมาณนี้ ใช้คำ พูดได้ไม่มีความเกรงใจกันเลย ทำให้ภาพลักษณ์ของจันวิภา เป็นนางจิ้งจอกหรืออีกตัว
ถ้าจะบอกว่าหลังจากสุมิตรเห็นแล้วไม่โกรธก็คงจะโกหก เดี๋ยวนี้การกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานเป็นเรื่องธรรมดาของสื่อ ไม่แม้แต่จะสำรวจหาความจริงซะด้วยซ้ำ เอาแค่เพียงภาพที่ เห็นมาใส่สีตีไข่เพียงเท่านั้น
สุมิตรฉีดหนังสือพิมพ์เป็นชิ้นๆ
อาหารเช้าแล้ว
ไม่มีกระจิตกระใจจะกิน
“นายจะเอาไงต่อมิตร?”
ตอนแรกธนภาคก็กะจะไม่บอกเรื่องนี้กับสุมิตรหรอก แต่ ว่าสำนักข่าวก็ทำเกินไปแล้ว เขาก็เลยอยากจะจัดการปัญหานี้ ซะหน่อย
คนนอกไม่รู้ แต่คนในรู้ดีว่าจันวิภาโดนบังคับ แล้วใน เมื่อเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องจริง การเขียนข่าวแรงๆขนาดนี้ก็ดูจะ ไม่ยุติธรรมกับจันวิภาสักเท่าไหร่นัก
“ไม่ว่าตอนนี้จนวิภาจะอยู่ที่ไหน เธอก็คือผู้หญิงของฉันคน เดียวเท่านั้น ยังไงฉันก็ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมากล่าวหาผู้ หญิงของฉันแบบนี้”
หลังจากสุมิตรพูดจบก็ลุกขึ้นยืน พร้อมพูดด้วยความ โมโหว่า “ฉันจะไปบริษัท
ทันทีที่พูดจบเขาก็เดินออกไปโดยที่ไม่รอธนภาคชะด้วย ซ้ำ ธนภาครีบหันไปฝากนิเวศน์ไว้กับพัชรีแล้วรีบตามเขาไป
ปัญหามีไว้แก้ไขก็จริง แต่ธนภาคก็ไม่อยากเห็นสุมิตรทำ อะไรรุนแรงในสถานการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้
หลังจากที่ทั้งสองคนมาถึงบริษัท สุมิตรก็เดินเข้าห้อง ทำงานเขาไปทันที แล้วก็ให้คนไปตามคนที่ขี้เมาท์ทั้งหลาย พอพวกนั้นแก้ตัวเสร็จเขาก็ปล่อยไป แต่ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า หลังจากที่พวกนั้นเดินออกจากบริษัทไปจะเจอกับอะไรบ้าง
บรรยากาศในบริษัทเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ที่จริง หลังจากเรื่องเลขาในครั้งนั้น คนในบริษัทก็ไม่มีใครกล้าพูดถึง จนวิภา ในทางเสียๆหายๆอีกเลย
แต่ว่าในเมื่อตอนนี้จนวิภาหักหลังสุมิตรไปอยู่กับสุพจน์ แทน แถมสุมิตรยังไม่เข้ามาทำงานที่บริษัทตั้งหลายวัน ทุกคน ก็เลยทำตัวซิวจนเกินไป
พวกเขาไม่คิดว่าสุมิตรจะโกรธแทนผู้หญิงที่หักหลังเขาไป อยู่กับชายอื่น ตอนนั้นพวกเขาทายอยู่สองอย่าง ข้อหนึ่งคือ มิตรลุ่มหลงเธอจนตาบอด หรือไม่ก็คือ เทคนิคการอ่อยผู้ชาย ของจันวิภานขั้นเทพมาก
แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ข่าวลือในบริษัทก็ค่อยๆเงียบลงไป แล้วสุมิตรก็ไม่มีอารมณ์ไปนั่งอธิบายความจริงให้ทุกคนฟัง หรอก
สื่อต่างหาก คือเรื่องที่ธนภาคกังวลมากที่สุด
“พวกสื่อไม่ใช่บริษัทของนายเองนะ แล้วก็เป็นฝ่ายที่ ละเอียดอ่อนมาก มิตร นายคงจะไม่ใช้วิธีนั้นจัดการพวกเขา หรอกใช่ไหม?” ธนภาครู้สึกเป็นกังวล
ถ้าเกิดเล่นงานอะไรรุนแรงไป นอกจากจะไม่ได้แก้ไข ปัญหาแล้ว เผลอๆเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมยิ่งจะมากขึ้น ไปอีก
สุมิตรรู้สึกปวดหัว แต่ไม่ว่าจะคิดยังไงก็คงมีวิธีนี้เพียงแค่วิธีเดียวแล้ว
ธนภาครีบตัดบทตอนที่สุมิตรกำลังจะอ้าปากพูดว่า “หรือ ไม่งั้น เรายัดเงินดีไหม? ฉันว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
ถ้าเปรียบการจัดการปัญหาของธนภาคก็คือนิ่งเรียบดั่ง สายน้ำ ส่วนของ
สุมิตรก็คือร้อนแรงดั่งไฟ ที่จะสามารถระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้
สุมิตรยิ้มอย่างเยือกเย็น “เงินงั้นเหรอ? พวกนั้นใส่ร้ายผู้ หญิงของฉันขนาดนี้ยังจะให้เงินมันอีกเหรอ? ฉันไม่เล่นงานถึง ตายก็ถือว่าเป็นบุญของพวกมันแล้ว
ธนภาครู้ดีว่าสุมิตรกำลังจะใช้ตัวตนที่แท้จริงของเขาใน การจัดการ ก็เริ่มรู้สึกสงสารพวกนั้นขึ้นมา
“นายอย่าทำอะไรเกินไปเลยนะ ในเวลาแบบนี้ เราควร
ยับยั้งตัวเองไว้” ธนภาคเตือนสุมิตรอย่างใจเย็น
สุมิตรหลับตาลง พร้อมตอบเสียงเบาว่า “พวกนั้นหาเรื่อง ฉันก่อนเองนะ”
สายตาของธนภาคสิ้นหวัง เขารู้ว่าเกลี้ยกล่อมยังไงก็ได้
ผล ได้แต่หวังว่าสุมิตรจะไม่ซวยซะเอง
การจัดการปัญหานี้ของสุมิตรนั้นง่ายมาก เขาแค่โทรไป หาลูกน้องของเขา เขาไม่ได้สั่งด้วยซ้ำว่าต้องทำอะไร แค่บอก ให้พวกนั้นไปจัดการสำนักพิมพ์พวกนั้น
หลังจากสุมิตรวางสายได้ประมาณสองชั่วโมง สำนักพิมพ์ ที่ปล่อยข่าวจันวิภากับสุพจน์นั้นก็ต่างเกิดอุบัติเหตุขึ้นภายใน เวลาเดียวกัน
บางทีก็ไฟไหม้ บางที่ก็ถูกฟ้องล้มละลาย…
แม้ตำรวจจะพยายามสืบหาต้นตอ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่
ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเป็นฝีมือของสุมิตร แต่ก็ได้แต่มองดู
อย่างเงียบๆ
การจัดการแบบสายฟ้าฟาดของสุมิตรเห็นผลเร็วมาก ไม่
นานข่าวคราวเกี่ยวกับจันวิภาก็หายไปภายในพริบตา ข่าวเก่าๆหายไป ข่าวใหม่ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยออกมาอีก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ