พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน419ฉันไม่เคยบังคับเธอ



ตอน419ฉันไม่เคยบังคับเธอ

ตอนที่ 419 ฉันไม่เคยบังคับเธอ

ในที่สุดจนวิภาก็พูดออกมาเองว่าเธอ “เต็มใจ

ด้านสุพจน์ เมื่อได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการ จาก ใบหน้าที่ไร้สีหน้าก็คลี่ยิ้มออกมา เพียงแต่ว่ามันเป็นแค่รอยยิ้ม เพื่อเย้ยหยันจันวิภาเท่านั้น

สุพจน์ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แล้วก็สูบ ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

จันวิภานั่งจ้องเขาจนเขาสูบบุหรี่เสร็จ ทั้งสองคนนี้มีเรื่องที่

คิดอยู่ในหัวมากมาย แต่ไม่มีใครยอมพูดออกมา

สุพจน์ดับบุหรี่ แล้วก็ลุกมานั่งข้างๆในวิภา เขากำลัง ประเมินราคาจันวิภาเหมือนประเมินราคางานศิลปะยังไงยังงั้น อยู่ดีๆเขาก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มหายใจเร็วขึ้น เขายื่นมือที่ขาวจน ซีดของตัวเอง ไปจับคางของจันวิภาไว้

“ทั้งหมดนี้เธอพูดเองนะ ฉันไม่ได้บังคับเธอเลยแม้แต่นิด

เดียว”

มือของสุพจน์อบอุ่นมาก เขาจับที่คางของจันวิภาเบาๆ สิ่ง ที่น่าประหลาดใจก็คือ จันวิภาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นการล่วงเกิน เลย สายตาของสุพจน์ดูจริงใจ ถึงแม้จะหน้าบึ้งตึง
แต่ถึงจะเป็นยังไงจันวิภาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ เธอปัดมือ ของสุพจน์ออก แล้วก็พูดเสียงเย็นชาว่า “ฉันทำในสิ่งที่ควรทำ แล้ว นายก็ควรทำตามสิ่งที่นายได้ตกลงไว้

ถึงแม้สุพจน์จะโดนปัดมือออก แต่เขายังคงมีสีหน้าเรียบ เฉย ไม่ได้โกรธ เขาได้แต่ตอบนิ่งๆว่า “เธอไม่เชื่อใจฉันเหรอ? ในสายตาเธอ ฉันเป็นคนชั่วช้าขนาดนั้นเลยรึไง?

มันก็ชัดเจนอยู่แล้วนะทำไมสุพจน์ยังกล้าถามคำถามนี้กับ เธออีก หรือว่าเขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำมันถูก

จันวิภายิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมตอบว่า “ในสายตาฉัน นายเป็นคนยังไงไม่สำคัญหรอก ฉันอยากเจอนิเวศน์

สุพจน์จ้องหน้าในวิภาอยู่นาน แล้วก็ลุกขึ้น แล้วก็โบกมือ

เรียกลูกน้องมา

เจ้าหัวล้านที่ยืนมองอยู่ข้างๆด้วยสายตาเย็นชาพยักหน้า รับคำสั่ง แล้วก็เดินไปที่ห้องๆหนึ่ง ไม่นาน เขาก็อุ้มนิเวศน์มา

เหมือนว่าเมื่อกี้สุพจน์กำลังหลับอยู่ เขาตาพร่ามัวอยู่ใน อ้อมอกของเจ้าหัวล้าน แต่พอลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นจันวิภากับสุ พจน์ เขาก็รู้ทันทีว่าทำไมตัวเองถึงถูกพาออกมาจากห้อง

นิเวศน์ดิ้นแล้ววิ่งหนีมาจากเจ้าหัวล้าน วิ่งมาหยุดอยู่ตรง หน้าจันวิภาแล้วถามด้วยความสงสัยมา “หม่าม อย่าบอก นะ….อย่าบอกนะว่า

จันวิภาไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้ายังไงให้นิเวศน์เห็น ทั้งๆที่ความฝันครอบครัวสามคนของเราพึ่งจะเป็นจริงอยู่แล้วเชียว ยังไม่ทันจะถึงหนึ่งเดือนก็ถูกสุพจน์ทำลายไปหมดสิ้น เธอไม่ สามารถมอบความสุขในวัยเด็ก ให้นิเวศน์ได้ จนวิภาไม่ สามารถแม้แต่มองตาของนิเวศน์ได้

“หม่าม ตอบผมสิ ตอบผม

นิเวศน์กระวนกระวายจนรีบเขย่าหัวเข่าของเธอ แล้วก็ พยายามจับมือเธอไว้

จนวิภาถอนหายใจ เธอจับใบหน้าเล็กๆของนิเวศน์ไว้ด้วย มือทั้งสองข้าง ยิ้มอย่างขมขื่นและตอบว่า “นิเวศน์ หม่ามีห้าม ตัวเองไม่ได้หรอกนะ หม่ามีไม่อยากเห็นลูกเป็นอะไร ดังนั้น หม่ามี้จะอยู่ที่นี่”

เมื่อนิเวศน์ได้ยินคำตอบอย่างที่ตัวเองคิดไว้ เขาก็โกรธ จนตาแดงก่ำ ตะคอกใส่สุพจน์ที่อยู่ด้านข้าง แล้วก็พลางด่าเขา ว่าเจ้าโง่

จ้องมองน้องเล็กๆของนิเวศน์ที่กำลังอ่าวมาหาเขา สุ พจน์ได้ไม่ขยับไปไหน เพียงแต่ว่าดวงตาของเขากำลังสั่นเทา

นิเวศน์ไม่เคยโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาเดิน ตรงไปที่สุพจน์ที่กำลังรู้สึกผิด ความเคารพแล้วความรู้สึกต่างๆ ที่เขาเคยมีต่อสุพจน์ สุพจน์ได้ทำลายมันลงไปด้วยน้ำมือของ เขาเอง นิเวศน์ที่เป็นคนที่มีเหตุผลมาโดยตลอด ณ ตอนนี้ไม่มี อีกแล้ว ถ้าเกิดว่าตอนนี้ในมือเขามีมีดล่ะก็ เขาจะปักลงไปที่ กลางหัวใจของสุพจน์อย่างไม่ลังเล
สุพจน์ได้ทำลายชีวิตที่มีความสุขที่เขาต่อสู้ฝ่าฟันเพื่อมัน มาตั้งนาน สุพจน์ทำให้ปะกับหม่ามีเขาต้องแยกกัน

ตอนที่นิเวศน์กำลังจะเข้าถึงตัวสุพจน์ ทันใดนั้น ก็มีเงาดำ ของนายหัวล้านปรากฏขึ้นมาเอาตัวเองเป็นกำแพงกั้นอยู่ตรง หน้านิเวศน์

นิเวศน์รู้ตัวเจ็บไปทั้งร่างกาย แค่เขากระแทกเข้าที่ขาของ เจ้าหัวล้านก็รู้สึกเหมือนกระดูกหักไปทั้งตัว เจ็บจนน้ำตาไหล แต่ก็ได้แต่กัดฟันไม่แสดงออกมา

เจ้าหัวล้านหยิบเหยียดหยันพลางจับนิเวศน์ให้ลุกขึ้น แล้ว ก็พูดจาเยาะเย้ยว่า “เจ้าเด็กน้อย นายควรเคารพพ่อทูนหัวของ นายหน่อยนะ”

นิเวศน์ถุยน้ำลายใส่เจ้าหัวล้าน

เจ้าหัวล้านอยู่ในวงการนี้มาก็หลายปี แม้แต่สุพจน์ก็ยังไม่ เคยถุยน้ำลายใส่เขามาก่อน แล้วต้องมาโดนเจ้าเด็กบ้านดูถูก เหยียดหยามขนาดนี้เนี่ยนะ เขากำลังง้างมือจะตบนิเวศน์

นิเวศน์เป็นคนที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน จันวิภาจึงรีบวิ่งเข้า มาเพื่อปกป้องนิเวศน์

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

สุพจน์ตะคอกเสียงเข้ม เขาไม่ได้ปรายตามองเจ้าหัวล้าน

เลยแม้แต่นิด สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่สีหน้ากระวนกระวาย ของจันวิภาเท่านั้น
พอเจ้าหัวล้านได้ยินคำสั่งของสุพจน์ก็เก็บมือลงอย่างไม่ เต็มใจเท่าไหร่นัก แล้วก็ปล่อยมือจากนิเวศน์ เขาหันหน้าไปพูด กับสุพจน์ว่า “หัวหน้า แม่ลูกคู่นี้เป็นสินค้าที่ไม่รู้ว่าชิ้นดีหรือเลว ด้วยซ้ำ ทำไมต้องมาเสียเวลากับมันด้วย ก็แค่ไปบังคับให้ มิตรยกบริษัททั้งหมดให้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”

สุพจน์ก็ยังคงไม่ปรายตาเจ้าหัวล้านเลยแม้แต่น้อย เขา จ้องหน้าในวิภา แล้วก็พูดช้าๆว่า “ดูเหมือนว่าฉันจะดีกับนาย เกินไปจนคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าแล้วใช่ไหม? อะไรที่ฉันเคย พูดไปแล้ว ฉันจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สอง จำไว้ด้วย

เจ้าหัวล้านขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ไม่คิดมาก่อนว่าสุพจน์ จะไม่เกรงใจเขาขนาดนี้ เขาคือคนที่สุพจน์ยอมจ่ายเงินก้อน ใหญ่เพื่อซื้อตัวมา เป็นคนสนิทอยู่คู่กายเขามาตั้งหลายปี นี่ เป็นครั้งแรกที่สุพจน์ตำหนิเขาแรงขนาดนี้ เขารู้สึกค่อนข้างไม่ พอใจ

แต่ไม่ว่ายังไงสุพจน์ก็ได้พูดออกไปแล้ว ถึงเจ้าหัวล้านจะ ไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร

จันวิภากอดนิเวศน์ไว้ แล้วก็ลูบหัวเขาเบาๆ “นิเวศน์ ฟังที่ หม่ามีพูดนะ ลูกต้องรีบไปเข้าใจไหม กลับไปอยู่กับปะ

นิเวศน์ส่ายหน้าสุดชีวิต “ผมไม่ยอมให้หม่ามีอยู่กับผู้ชาย คนนี้หรอก หม่ามี้เป็นของปะ และจะเป็นตลอดไป

นิเวศน์จ้องหน้าสุพจน์ด้วยความโกรธแค้น เขาไม่ยอมรับ

ในสิ่งที่จันวิภาพูด
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ของจันวิภาก็ไหลออกมา เธอจูบ ลงไปที่หัวเล็กๆของนิเวศน์ แล้วก็พูดว่า “หม่าไม่มีทางเลือก อื่น ถ้าลูกยังเป็นแบบนี้เท่ากับว่าที่หม่ามีทำมาก็สูญเปล่าน่ะสิ

“แต่ว่า หม่า…” พอนิเวศน์เห็นในวิภาร้องไห้ เขาก็รู้สึก ปวดใจ

จันวิภาส่ายหน้าเพื่อตัดบทนิเวศน์ แล้วก็พูดว่า “ตอนนี้ สถานการณ์ของปะก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ลูกฉลาดขนาดนี้ ไม่ อยู่ช่วยปะเถอะ หม่ามีจะรอลูกมารับอยู่ที่นี่ แต่ถ้าลูกยืนกราน จะอยู่ที่นี่ไม่ยอมกลับไป เรื่องทั้งหมดนี้ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้น่ะสิ

จันวิภาหลอกนิเวศน์เพื่อให้เขายอมใจอ่อน ทันใดนั้นตัว นิเวศน์ก็เริ่มสั่นเทา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ