ตอนที่46 คำสารภาพ ชีวิตนี้จะไม่แต่งกับเธอ
ตอนนี้ ทันใดนั้นเอง แสงไฟที่อยู่ทั่วทั้งงานเลี้ยงต่างก็มืด สลัวลง ทำให้วิภาตกใจเป็นอย่างมาก เธอรีบกอดแขนสุ มิตรที่อยู่ข้างๆ ทันที
ท่ามกลางความมืดมิดสุมิตรได้ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ทว่า กลับไม่ได้ผลักเธอออกไป
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ตัดไฟงั้นหรอ?” จันวิภาเอ่ยถามอย่าง แปลกใจ สิ่งนี้ทำให้สุมิตรจำใจอยู่เล็กน้อย
ฟังสุมิตรที่เอ่ยปากขึ้นพูดอย่างเย็นชา แม้ว่าผมจะเป็น เจ้าภาพ แต่ตระกูลชาติพยุงพงษ์ได้จัดงานเลี้ยงในวันนี้ขึ้นมา ผู้ เฒ่าของตระกูลชาติพยุงพงษ์ตอนนี้ก็ชรามากแล้ว ถึงเวลาที่เขา จะต้องเลือกทายาทเสียที แต่ก็ไม่ได้มีข่าวมานานแล้ว เกรงว่า คืนนี้จะประกาศตัวทายาทขึ้นมา”
เสียงของสุมิตรสิ้นสุดลง ก็ได้มีแสงสาดส่องลงมายังเวทีที่ อยู่ด้านหน้า จันวิภาเห็น ตรงกลางของเวทีมีชายชราผู้หญิงอยู่ แม้ว่าเขาจะดูเหมือนแก่ชรา แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
เห็นเขากำลังยืนอยู่บนเวที มาผ่านไมโครโฟน
ประการแรกเลย ต้องขอขอบคุณเลี้ยงคืนนี้ ผมตัวแทนจากบริษัทสำหรับความรักใครและสนับสนุนของทุกคนเลี้ยงคืนนี้ ผมตัวแทนจากบริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปจำกัดขอขอบคุณ สำหรับความรักใครและสนับสนุนของทุกคน ประการที่สอง เป้าหมายหลักของการจัดงานเลี้ยงในวันนี้ ประกาศผู้สืบทอด ตำแหน่งต่อไปของบริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปจำกัดของพวก เรา..นราวิชญ์!!!
เสียงของชายชราคนนั้นสิ้นสุดลง ก็ได้เห็นชายหนุ่มคน หนึ่งเดินขึ้นมาบนเวที เมื่อจันวิภาได้ยินชื่อนั้นก็ได้ตกใจขึ้นมา มองไปที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง ใบหน้ากลับยิ่งไร้ชีวิตชีวายิ่ง กว่าเดิมเสียอีก
ณ ตอนนี้ ชายหนุ่มที่อยู่บนเวที ที่แท้คือนราวิชณ์ที่เป็น เพื่อนเล่นสมัยเด็กกับจันวิภา! ! !
ตาของตนเองอีกครั้ง จันวิภาไม่อยากที่จะเชื่อ สายตา พี่นราวิชญ์ทำไมถึงได้กลายเป็นผู้สืบทอดของบริษัท พยุงพงษ์กรุ๊ปกัน? !
เวลานี้ หลังจากที่ประกาศผู้สืบทอดเสร็จ แสงไฟทั่วทั้งงาน ก็ได้สว่างขึ้นมา สุมิตรที่อย่างด้านนั้นมองมา เห็นจันวิภาที่ กำลังประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นด้วย ความสงสัยอยู่เล็กน้อย “เธอเป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ป เปล่า” จันวิภาตกตะลึง หัวอย่างรวดเร็ว หัวใจ เต้นเร็วยิ่งขึ้น จ้องมองนราวิชญ์ที่อยู่ด้านบนเวทีอย่างงุนงง
และนราวิชญ์ที่อยู่บนเวทีนั่น ก็ได้มองมาที่จันวิภาอย่าง ประจวบเหมาะ สายตาของคนทั้งสองประสานซึ่งกันและกัน จันวิภาจึงก้มศีรษะของเธอลงไปอย่างรีบร้อนทันที และไม่กล้าที่จะ
จ้องมองอีก
จันวิภานึกถึงช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันกับนราวิชญ์….
ช่วงเวลาในตอนยังเยาว์วัย ทั้งสองคนมักจะจูงมือกันไป เล่นอยู่เสมอ เมื่อพวกผู้ใหญ่เห็นต่างก็หัวเราะพวกเขาทั้งสอง
มีอยู่ครั้งหนึ่งป้าของจันวิภาได้เอ่ยถามนราวิชญ์ “นรา วิชญ์ เธอกับวันวิภาของเรามักจะออกไปเล่นด้วยกันบ่อยๆ ถ้า เติบโตขึ้นมาแล้วจันวิภาไปแต่งงานกับคนอื่น งั้นพวกเธอจะยัง เล่นด้วยกันได้อีกหรอ?”
ในตอนนั้นที่นราวิชญ์ได้ยินประโยคนี้ จึงเอ่ยปากพูดขึ้น มาอย่างไร้ซึ่งความลังเล “จันวิภาเป็นของผม ผมจะไม่ให้เธอ ไปแต่งงานกับคนอื่นหรอก! ”
จันวิภายังจำคำสัญญาที่นราวิชญ์ได้ให้ไว้กับเธอได้ “จัน วิภา ผมจริงจังนะ รอจนผมโตเป็นผู้ใหญ่ ผมจะขอเธอแต่งงาน มาเป็นภรรยาของผม ทั้งชีวิตจะดีกับเธอแค่คนเดียว”
ต่อมานราวิชญ์ก็ได้หายตัวไป จันวิภาได้รับข่าวมาว่า เขา ถูกบังคับให้ออกนอกประเทศ
แท้จริงแล้วหลังจากที่นราวิชญ์จากไป จันวิภาก็ไม่ได้เศร้า โศกเสียใจมากมายนัก เพราะเธอมักจะรู้สึกว่าพวกเขาจะได้พบ กันอีกครั้ง ถึงแม้คนอื่นจะบอกกับเธอว่านราวิชญ์ไม่ต้องการ เธอแล้ว จนกระทั่งมะลิวัลย์ต้องการให้เธอแต่งงานกับสุมิตร จันวิภาจึงจะปล่อยวาง
แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเขาจะกลับมาอย่างนี้ ปรากฏตัว
มาอีกครั้งหนึ่ง..
พี่นราวิชญ์..
จันวิภารู้สึกทุกข์ใจอยู่เล็กน้อย สุมิตรมองดูปฏิกิริยาตอบ สนองของเธออย่างเยือกเย็น เพราะคิดว่าเธอเห็นผู้สืบทอดของ บริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปนั้นหล่อเหลา จึงได้มีท่าทีเช่นนี้ จึงรู้สึกไม่ พอใจขึ้นมาเล็กน้อยทันที
นิ่งไปชั่วขณะ สุมิตรจึงพูดขึ้นมาอย่างเหน็บแหนม “เป็น อะไรไป เมื่อกี้ที่จ้องถลึงมองนราวิชญ์อย่างนั้น อยากจะเกี่ยว เขาหรือไง?”
จันวิภาส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจใบหน้าที่ หม่นหมองของสุมิตร และเอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่ “ฉันไม่ สบายนิดหน่อย อยากไปเข้าห้องน้ำ! ” เธอพูดจบ จึงรีบวิ่งไป ทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
เมื่อสุมิตรเห็นจันวิภารีบร้อนขนาดนั้น ภายในใจจึงเกิด ความสงสัย และมีความกังวลอยู่เล็กน้อย และในเวลานี้ ในขณะเดียวกันเขาก็พบว่าทายาทคนใหม่ นราวิชญ์นั่นก็ได้หายไปเช่นเดียวกัน มีเพียงกรรมการบริหาร
เก่าเท่านั้นที่พาผู้อาวุโสของตระกูลไปดื่มอวยพรกับทุกคนที่อยู่
ในงาน
ทางด้านของสุมิตรกำลังดื่มอวนพรพอเป็นพิธี และรอจัน วิภากลับมา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาถึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อย
เมื่อคิดเช่นนี้ สุมิตรก็วางแก้วไวน์ลงจากมือทันที หลังจาก หัวเราะและหาข้อแก้ตัว ก็หันตัวเดินจากไป เดินไปทางห้องน้ำที่ จันวิภาพึ่งจะเดินไปเมื่อครู่นี้
ทางด้านของจันวิภา เธอวิ่งเหยาะๆจนมาถึงห้องน้ำ มอง ตนเองที่อยู่ในกระจก และเริ่มล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอย่างไม่หยุด หย่อน เพื่อให้ตนเองมีสติขึ้นมาหน่อย
นราวิชญ์..เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ ทำไมจึงกลาย เป็นทายาทของบริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปจำกัดได้กัน? ! เขาหลอก ตนเองมาตั้งแต่ต้นแล้วงั้นหรือ? !
สะบัดหัวอย่างรุนแรง จันวิภาบังคับตนเองไม่ให้คิดอีก หลังจากล้างหน้าอีกครั้ง ในที่สุดจันวิภาก็หยุด หลังจากที่ใช้ผ้า ขนหนูเช็ดหยาดน้ำที่อยู่บนใบหน้าแล้ว จึงเดินออกมาจาก ห้องน้ำ
ตอนที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ได้พบกับรูปร่างที่คุ้น เคยอยู่ทางหน้าประตูทางเข้า เป็นนราวิชญ์จริงๆ!
จันวิภาอีดอัดอยู่เล็กน้อย อยากที่จะหลบหนีออกไป แต่ ทว่านราวิชญ์กลับก้าวเข้ามาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขวางทาง เดินของเธอเอาไว้ ยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “จันวิภา พวกเราพบกันอีกแล้ว! ”
จันวิภากัดริมฝีปาก แหงนหน้าขึ้นมามองนราวิชญ์ที่อยู่ข้างหน้า เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ไม่รู้ว่าควรจะทำ อย่างไรต่อหน้าเขา ทำได้เพียงเอ่ยปากพูดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ ได้ “พี่นราวิชญ์ ทำไมพี่ไม่อยู่ทักทายแขกทางด้านหน้าล่ะ…*
“ฉันไม่ต้องทักทายเธอด้วยหรือไง? เธอก็เป็นแขกของฉัน นะ! ” นราวิชญ์หัวเราะ มันช่างเป็นท่าทางที่อบอุ่นและสง่างาม
จันวิภานิ่งไปชั่วขณะ ก้มศีรษะต่ำลง ท้ายสุดแล้วจึงเอ่ย ปากพูดออกไปอย่างทนไม่ได้ “ทำไมพี่ถึงได้กลายเป็นทายาท ของบริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปกัน? รู้จักพี่มาก็นานหลายปีแล้ว วันนี้ ฉันพึ่งจะรู้ว่าพี่เป็นคุณชายของบริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ป! ”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอแล้ว ฉันก็ไม่มีทางที่จะกลายเป็น คุณชายของบริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปแน่นอน…
นราวิชญ์ไม่ได้ตอบคำถามของจันวิภา แต่กลับพูดพึมพำ ออกมาแทน “ฉันเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะกลายเป็นภรรยา ของคุณชายสุมิตร…”
จันวิภาสีหน้าหม่นหมอง ก้มศีรษะลงไป และไม่ตอบ อะไรอีก
บรรยากาศอีกอัดจนถึงขีดสุด ณ เวลานี้ ทันนั้นนราวิชณ์ ก็ได้เงยหน้าขึ้นมา จับมือของจันวิภาเอาไว้แล้วพูดขึ้น “จันวิภา เมื่อกี้นี้ตอนที่เห็นเธออยู่ในอ้อมแขนของสุมิตร เธอรู้ใหมว่า หัวใจฉันเจ็บปวดขนาดไหน?”
จันวิภานิ่งอึ้ง อยากที่จะสะบัดมือของนราวิชญ์ออกไป แล้ว พูดอย่างรีบร้อน “พี่นราวิชญ์ อย่าพูดอีกเลย วันนี้ฉันได้เป็นภรรยาของคนอื่นไปแล้ว พี่ทำอย่างนี้มันไม่ค่อยดีนะ”
มีอะไรไม่ดี แต่เดิมเธอควรจะเป็นภรรยาของฉัน! ” นรา วิชญ์กลับไม่ยอมปล่อย เขายังคงจับต่อไป ขณะเดียวกันยัง หัวเราะขึ้นมา “จันวิภา ครั้งที่แล้วเธอพูดว่าเธอหลงรักเงินตรา เธอหลงรักอ่านาจ ตอนนี้ฉันมีทั้งและบารมีแล้ว ฉัน อยากให้เธอมาเป็นภรรยาของฉัน จะได้ไหม?”
จันวิภานิ่งอึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่านราวิชญ์จะมี ความคิดเช่นนี้ จึงรีบพูดออกไป “พี่นราวิชญ์ พี่ต้องเข้าใจนะ ตั้งแต่ที่ฉันแต่งงาน ระหว่างพวกเราทั้งสองมันก็เป็นไปไม่ได้ แล้ว ไม่ว่าพี่จะมีเงินหรือมีอำนาจ ไม่ว่าพี่จะเป็นผู้สืบทอดของ บริษัทพยุงพงษ์กรุ๊ปจำกัดหรือไม่ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แล้ว..”
“ไม่! ! ! ” นราวิชญ์อุทานออกมาดังๆ เขาวางได้จริงๆ “จันวิภา ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นภรรยาของไม่ถือสา แต่งแล้วก็หย่าล้างกันได้ ฉันไม่ถือสาเรื่องพวกนี้ ฉัน ต้องการที่จะแต่งกับเธอ! ”
“พี่ พี่บ้าไปแล้วหรือไง พี่รู้ไหมว่าตอนนี้พี่กำลังพูดอะไร อยู่?” เมื่อได้ยินคำสารภาพของนราวิชญ์ ภายในใจของจัน วิภาจึงรู้สึกละอายใจและผิดหวังเป็นอย่างมาก
ใช่ ไม่ผิด ฉันบ้าไปแล้ว จันวิภา เพื่อเธอแล้วฉันเลยเป็น บ้าอย่างนี้ นราวิชญ์ตระโกนออกมาเสียงดัง
สุมิตรที่อยู่ทางด้านนั้น เขาเดินมาหาจันวิภาที่ห้องน้ำ
ทันใดนั้นเองจึงได้ยินเสียงลอยมาจากตรงซอกที่อยู่ไม่ ใกลมากนัก จึงหยุดชะงักทันที
“จันวิภา เธอฟังดีๆนะ ฉันนราวิชญ์ชั่วชีวิตนี้จะต้องเอาเธอ
มาเป็นภรรยาให้ได้ ไม่ว่าเธอจะแต่งงานหรือไม่ หรือจะแต่งกับ
ใคร ผมไม่สนใจ ฉันจะไม่ยอมให้เธอไม่แต่งกับฉัน! ” สุมิตรยังไม่ทันที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงสารภาพ อันอบอุ่นนั่นของนราวิชญ์ และฝ่ายตรงข้ามที่เขาพูดด้วยก็คือ
จันวิภา
สุมิตรกำหมัดแน่นขึ้นมาทันที เขาโกรธจนถึงขีดสุด ดี จริงๆจันวิภา เธอนี่มันดีจริงๆ แค่มาเข้าห้องน้ำก็ยังเกี่ยวผู้ชาย ได้ และยังคาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นทายาทของบริษัทพยุงพงษ์ กรุ๊ป หี!
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ