ตอน472ไม่มีอะไรต้องกลัวเพราะมีคน คอยหนุนหลัง
ตอนที่ 472ไม่มีอะไรต้องกลัวเพราะมีคนคอยหนุนหลัง
สุมิตรสายตาอึมครึมแล้วถามว่า “นี่เธอไม่กลัวเพราะมีจัน วิภาคอยหนุนหลังอยู่ใช่ไหม?”
“ใช่ เปมิศายักคิ้วใส่สุมิตรเธอยิ้มแล้วพูดต่อว่า ทำให้คน ที่สง่าผ่าเผยอย่างคุณสุมิตรหมดปัญญาสู้ได้แค่นี้ก็รู้สึกชนะ แล้ว”
สุมิตรถอนหายใจยาวพลางหันออกไปมองทางอื่นที่มา วันนี้ก็เพราะอยากจะมาบอกให้เธอซื่อสัตย์กว่านี้หน่อยอย่าลืม เพื่อนเธอยังอยู่ในกำมือฉันอยู่นะ
เปมิศาไม่ได้สนใจคำพูดของสุมิตรเลยแม้แต่นิดเดียวแถม ยังยิ้มแบบเยือกเย็นแล้วตอบว่า นายเองก็ต้องซื่อสัตย์เหมือน กันเพราะว่าเมียนายก็อยู่ในกำมือของฉันเหมือนกัน”
“จะบอกว่าตอนนี้เธอกำลังคิดจะทำอะไรที่ไม่ควรคิดอยู่ใช่ ไหม?”
“จะบอกว่าอะไรควรคิดอะไรไม่ควรคิดล่ะ? เปมิศาจ้องตา สุมิตรอย่างท้าทายแล้วตอบว่า “ตัวของฉันฉันก็จะทำในสิ่งที่ฉัน คิดว่าควรทำไม่มีวันเปลี่ยนเพราะคำพูดของนายหรอกนะ
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอคงจะไม่ยอมวางมือง่ายๆ
“แล้วทำไมฉันต้องยอมวางมือด้วยล่ะคนที่สง่าผ่าเผย อย่างสุมิตรเคยรับปากไว้งไม่ทำตามสัญญาเลยแล้วทำไมฉัน ถึงต้องวางมือล่ะ? เปมิศาเชิดหน้าขึ้นมองหน้าสุมิตรแล้วพูดต่อ ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ สุมิตรการแข่งขันของเรามันพึ่งเริ่ม
พอเห็นสายตาของเปมิศาแล้วนั้นสุมิตรก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ในสายตามีแต่ประกายอำมหิต
“คนที่กล้ามายั่วยุสุมิตรแบบนี้ไม่มีใครที่มีชีวิตรอดไปได้
สักคน!”
“งั้นเหรอ งั้นฉันก็โชคดีนะเนี่ยที่ได้เป็นคนแรก
“ดีมาก! น้ำเสียงของสุมิตรน่าสะพรึงกลัวเขาเตือนอย่าง ดุร้าย เธอห้ามคิดจะหลอกใช้ในวิภาอีกครั้งเด็ดขาดยังไงฉันก็ ไม่มีวันยอมให้เธอทำร้ายจนวิภาได้อีก
“เธอเป็นเพื่อนฉันแถมยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉันไว้ฉันจะไป
ทำร้ายเธอได้ยังไงแทนที่จะมากังวลเรื่องของคนอื่นฉันว่านาย ไปกังวลเรื่องของตัวเองจะดีกว่า เปมิศาไม่ได้สนใจคำเตือนของสุมิตรเลยแม้แต่น้อยแล้ว
มองกลับไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชาแบบเดียวกับสุมิตร การที่สุมิตรมาวันนี้ก็เพราะอยากจะมาเตือนเปมิศาให้เธอ
อยู่ในโอวาทไม่คิดในเรื่องที่ไม่ควรคิด
แต่หลังจากได้คุยกันแล้วถึงได้พบว่าที่แท้เปมิศาก็ไม่เคยคิดจะยอมแพ้เลยเกรงว่าในหัวของเธอคงจะมีแผนการอะไรที่
ใหญ่กว่านี้อีก
การปล่อยผู้หญิงคนนี้ไว้ข้างกายจนวิภาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่
ฉลาดเท่าไหร่เลย
พอเห็นว่าสายตาของสุมิตรเริ่มมีความอำมหิตเปมิศาก็ยิ้ม
อย่างยั่วยุ
หลังจากเจรจาไม่สำเร็จสุมิตรก็ออกมาจากห้องของเป สาเขาคิดจะกำจัดเธอให้ไม่เหลือร่องรอยใดๆ
สำหรับสุมิตรนั้นการจะให้คนๆนึงหายไปตลอดกาลแบบ เงียบๆนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
แต่ว่าถ้าเปมิศาเป็นอะไรขึ้นมาคนที่จันวิภาจะสงสัยคน
แรกก็คือสุมิตร
เพื่อไม่ทำให้ความขัดแย้งของพวกเขารุนแรงไปมากกว่า มิตรเลยจําเป็นต้องวางแผนอย่างรอคอบกำจัดเปมิศาให้ได้ และไม่ทำให้ในวิภาสงสัยตัวเองได้ด้วย
ในฝั่งสุมิตรที่กำลังวางแผนกลับไม่รู้ว่าฝั่งของเปมิศาได้ เริ่มลงมือทําตามแผนแล้ว
หลังจากเที่ยวกลับมาจันวิภาหน้าแดงจากการถูกแสงแดด แล้วก็รีบเข้าไปในห้องของเปมิศาด้วยความดีด้
“เปมิศาฉันกลับมาแล้ววันนี้ด้านนอกอากาศดีมากเธอก็ ควรจะได้ไปเดินเล่นบ้างนะฉันว่าแผลเธอก็ดีขึ้นเยอะแล้วเดี๋ยว อีกซักสองวันฉันจะพาเธอไปเดินเล่นบ้าง
จนวิภาพูดไปพลางน้ำดอกไม้ที่พึ่งเด็ดมาเมื่อกี้นี้มาจัดใส่
แจกัน
หลังจากเธอพูดจบทั้งห้องก็ยังคงมีแต่ความเงียบไม่มี เสียงใดๆตอบกลับมา
เธอหันกลับไปมองเปมิศาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความ
สงสัยแล้วถามว่า “เปมิศาเธอหลับอยู่เหรอ?”
ก็ยังคงไร้เสียงตอบจากเปมิศา
“ยัยเปมิศาคนนี้นี่หลับก็ไม่รู้จักห่มผ้าถ้าหนาวขึ้นมาจะเป็น
ยังไง”
จันวิภาบ่นพึมพำแล้วก็ลากผ้าห่มมาจะเตรียมจะห่มให้เป มิศาแต่พอจันวิภายื่นมือไปจับผ้าห่มดวงตาก็เบิกโพลงด้วย ความตกใจ
เธอเห็นเปมิศานอนหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียงนอนขดตัว เล็กน้อยเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกเปื้อนไปด้วยเลือดดูราวกับว่าเธอ ได้เสียชีวิตไปแล้วยังไงยังงั้น
“พระเจ้า!”
จนวิภาตกอกตกใจมากเธอรีบวิ่งออกจากห้องไปเรียก หมอมา
หลังจากจัดการรักษาอย่างรวดเร็วเปมิศาเลยไม่มี อันตรายอะไรก็แค่แผลเปิดแต่ก็อาจจะทำให้การฟื้นฟูต้องใช้ เวลานานขึ้นไปอีก
จันวิภายืนมองเปมิศาที่หมดสติอยู่บนเตียงเธอขมวดคิ้ว แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า ค่อยู่ดีๆแผลเปิดได้ยังไง?”
“น่าจะโดนทําร้ายถึงทำให้แผลปริ
ทําร้าย?
ถึงแม้ว่าอาการของเปมิศายังไม่ได้หายดี100%แต่ว่าเธอ ก็สามารถทำอะไรเองได้แล้วแล้วอยู่แค่ในห้องนี้จะมีอะไรทำให้ แผลปริได้ล่ะนอกซะจาก……….
ราวกับว่าคิดอะไรขึ้นมาได้จนวิภาก็สูดหายใจเข้าอย่าง
แรงด้วยความโมโห
จันวิภากัดริมฝีปากแน่นแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องๆนึง
เวลานั้นสุมิตรที่กำลังปรึกษาหารือกับลูกน้องกำลังพูดถึง ตอนสำคัญก็ได้ยินเสียงประตูเปิด
เขาเงยหน้ามองก็เห็นว่าเป็นวันวิภาที่ยืนหายใจฝืดฟัดอยู่ ตรงนั้นเธอมองเขาด้วยสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่นัก
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไรแต่เห็นสีหน้าของวันวิภา ก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน
“พวกนายออกไปก่อนไป
พวกลูกน้องเก็บเอกสารแล้วเดินออกไปตอนนี้ในห้อง เหลือแค่จันวิภากับสุมิตรสองคน
“วันนี้เที่ยวเล่นสนุกไหม?”
“สนุกงั้นเหรอ?”จันวิภาหัวเราะออกมาแล้วตอบว่า “ใน บ้านเกิดเรื่องแบบนี้ฉันจะสนุกได้ยังไง?!
“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“สุมิตรฉันขอถามอะไรหน่อย จันวิภาไม่ได้ตอบคำถาม ของสุมิตรแล้วก็ถามคำถามของเธอต่อ วันนี้นายได้เข้าไปใน ห้องของเปมิศาไหม?”
ที่แท้ก็เป็นเรื่องของผู้หญิงคนนั้นนั่นเอง
สุมิตรพยักหน้า“ใช่”
“เหอะที่แท้ก็ฝีมือนายจริงๆด้วย!
ดวงตาของจันวิภาเต็มไปด้วยความผิดหวังทำให้สุมิตร รู้สึกเจ็บใจจนเผลอกหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“ก่อนจะมาตัดสินใจฉันเป็นคนผิดช่วยบอกฉันก่อนได้ไหม
ว่าสรุปมันเกิดอะไรขึ้น?
“จนถึงตอนนี้นายยังจะแกล้งโง่อยู่อีกเหรอ!”จันวิภา ตะคอกออกมาด้วยความโกรธ ฉันรู้ว่านายเกลียดเปมิศาแต่ นายช่วยเห็นแก่ฉันแล้วปล่อยเธอไปไม่ได้เหรอ?เธอก็เกือบจะ ตายเพราะนายมาแล้วครั้งหนึ่งหรือคิดว่าในเมื่อเธอไม่ตายเลย อยากจะแก้แค้นงั้นเหรอ!
สุมิตรพยายามอดทนแล้วถามต่อว่า เปมิกาเป็นอะไรกัน
แน่!”
“แผลเธอปริเลือดออกเยอะจนเกิดตายแล้วเป็นไงล่ะพอรู้ ว่าเธอไม่ตายเลยผิดหวังล่ะ?”
“ดังนั้นเธอเลยคิดว่าฉันเป็นคนทำงั้น?”
“แล้วไม่ใช่รึไง!”
สุมิตรยิ้มมุมปากแต่นั่นเป็นรอยยิ้มที่หมองหม่นมาก
พอเห็นท่าทีของสุมิตรจันวิภาก็หัวใจสั่นเทาด้วยความเจ็บ ปวดแต่พอนึกถึงเปมิศาที่เกือบจะไม่รอดเมื่อกี้นี้จนวิภาก็รู้สึก โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“สุมิตรต้องทำยังไงถึงจะยอมปล่อยเปมิศาไป?”
“ความเชื่อใจกันระหว่างเราสองคนนี่มันเปราะบางจังเลย เนอะแค่คนนอกเพียงคนเดียวก็สามารถทำลายได้อย่างไม่มีชิ้น
คำถามของสุมิตรทำให้จนวิภาก้มหน้าลง
“ฉันก็อยากจะเชื่อนายเหมือนกันแต่ทุกอย่างที่นายเคยทำ ลงไปมันยากที่จะทำให้ฉันเชื่อ
สุมิตรฉีกยิ้มอย่างเศร้าหมองแล้วส่ายหน้า จนถึงวันนี้ฉัน
ถึงได้รู้ว่าที่แท้ในใจของเธอฉันดูเป็นคนเลวมากขนาดนั้น “ฉันไม่อยากจะฟังนายพูดอะไรทั้งนั้นฉันแค่อยากเห็นว่า นายทําอะไรต่างหาก
สุมิตรเอามือล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีสบายๆแต่สายตาเต็ม ไปด้วยความเจ็บปวด ก็ใช่ฉันสุมิตรก็ไม่ใช่คนดีอะไรแต่แรก อยู่แล้วเธอจะมองฉันในมุมนั้นก็ไม่แปลกหรอก
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ