ตอน 462ถูกเปิดโปงแล้ว
ตอนที่462ถูกเปิดโปงแล้ว
ไอ้ชั่วเขาจับปองไปจริงๆด้วย
พอเห็นว่าเปมิศาไม่ได้พูดอะไรออกมาสุมิตรก็พูดด้วยน้ำ เสียงร้ายกาจว่า “เอาจนวิภามาแลกคงจะเป็นการแลกเปลี่ยนที่ ยุติธรรมหน่อยนะ”
“ยุติธรรมนั้นเหรอ?นายได้คนที่นายต้องการส่วนฉันน่ะเห รอก็เหมือนคว้าน้ำเหลว
“ถ้าเธอแสดงออกมาว่าเธอบริสุทธิ์ใจฉันก็ยินดีจะมอบ ข้อมูลนั้นให้เธอแต่เธอเอาแต่ซ่อนหัวซ่อนหางอย่างกับหนูท่อ แบบนี้จะให้ฉันวางใจได้ยังไง?
“ให้อนายกับสุพจน์ก็เป็นคนประเภทเดียวกันนั่นแหล่ะใคร จะรู้ว่านายจะโกงฉันรึเปล่า
“ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจฉันผิดไปเยอะเลยนะ”สุมิตรถอน หายใจแล้วพูดต่อว่า “จันวิภาเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์มากแค่ดีกับ เธอเธอก็จะมองว่าเป็นเพื่อนเธอแล้วและสิ่งที่เพื่อนร้องขอเธอจะ ไม่เคยปฏิเสธเลยแม้แต่ครั้งเดียวดังนั้นแค่เธอให้ฉันวิภามาขอ ฉันแค่นี้เธอก็จะได้ข้อมูลแล้วไม่ใช่รึไง?”
ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของสุมิตรเริ่มทำให้เปมิศารู้สึกลังเล
หลังจากได้ใกล้ชิดเธอมาหลายวันเปมิศาก็รับรู้ได้ว่าฉัน วิภาเป็นคนที่จิตใจดีมากคนหนึ่งและยอมเสียสละเพื่อเพื่อนได้ ไม่น้อยเลย
แต่ขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนเกลียดชังความชั่วประหนึ่ง เป็นศัตรูถ้าจันวิภารู้ว่าเปมิศาจงใจหลอกใช้เธอเธอยังจะมอง เปมิกาเป็นเพื่อนอยู่รึเปล่า?
เปมิสาหันหน้าเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างในห้องนอนเธอ จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของเธอ
“คุณผู้หญิง?”
เปมิศากัดริมฝีปากตัวเองเบาๆแล้วตอบว่า “สมกับที่เป็น นักธุรกิจจริงๆ โน้มน้าวใจคนได้สุดยอดเลยนะ
“ฉันก็แค่พูดตามความจริงให้เธอได้เลือกทางเลือกที่ ฉลาดกว่าส่งในวิภามาแล้วเธอจะไม่ได้ได้แค่เพื่อนของเธอคืน แต่ยังได้ข้อมูลที่เธออยากได้นักอยากได้หนาอีกด้วยนี่มันคุ้มซะ ยิ่งกว่าคุ้มอีกถึงแม้ว่าเธอจะไม่เชื่อฉันแต่เธอก็ควรเชื่อใจฉัน วิภาไม่ใช่เหรอ?”
สุมิตรใช้โอกาส ในตอนที่อีกฝ่ายกำลังเงียบเสนอเงื่อนไข ที่น่าสนใจพวกนี้ออกไป
“เพื่อจะแสดงความบริสุทธิ์ใจของฉันเดี๋ยวตอนนี้ฉันจะส่ง ข้อมูลให้เธอครึ่งนึงเพื่อเป็นสิ่งประกันว่าฉันจะไม่เบี้ยวเธอเดี๋ยว เธอเห็นก็รู้เอง”
“จริงเหรอ?”
“จะจริงหรือปลอมแค่เธอเปิดรูปดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ อ้อ อย่าลืมเปิดWIFIด้วยนะไม่งั้นก็คงจะรับรูปที่ฉันส่งไปไม่ได้
พอพูดจบสุมิตรก็ตัดสาย
เปมิศากโทรศัพท์แน่นแล้วคิดอยู่ครู่นึงแล้วก็เปิด สัญญาณWIFIอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
พออีกฝั่งนึงเปิดสัญญาณWIFIเครื่องดักจับสัญญาณของ
นิเวศน์แสดงผลขึ้นมาทันที
หลังจากเห็นสัญญาณไฟสีแดงที่กะพริบไม่หยุดนั้นสุมิตร ค่อยๆยิ้มมุมปาก
“แปลกจัง นิเวศน์มองดูในแผนที่เอียงหัวด้วยความงุนงง
แล้วตอบว่า “ปะพิกัดของฝั่งนั้นคือบริษัทMGนี่นา”
บริษัทMG…จันวิภารู้จักบริษัทนั้นดี…แผนกลยุทธ์
นั้น
ในช่วงเวลาเพียงพริบตาสุมิตรก็เข้าใจเรื่องทุกอย่างทันที
“ที่แท้คนที่ติดต่อกับฉันมาโดยตลอดก็คือเปมิศา
“หาแล้วเมื่อก่อนปะได้สืบถึงผู้หญิงคนนั้นแล้วเหรอ?
“ใช่แล้วที่แท้ก็โดนเธอปั่นหัวมาตั้งนานสมกับที่เป็น… พูด ยังไม่ทันจบประโยคสุมิตรก็หันไปมองปองที่ถูกมัดไว้เขายิ้ม อย่างชั่วร้ายแล้วพูดว่า “พอเห็นเพื่อนโดนจับได้แบบนี้คงไม่ ค่อยสบายใจล่ะสินะ”
ตอนนั้นเองปองได้แต่ก้มหน้าเพื่อซ่อนสีหน้าของตัวเองเขา รู้สึกเป็นห่วงเปมิศามาก
สุมิตรไม่ปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้หันไปนาลูกน้อง เดินออกไปทันที
“นายเป็นห่วงเธอมากงั้นเหรอ?”
ปองยิ้มอย่างขมขื่นแทนคำตอบ
“พอไม่มีฉันอยู่ข้างๆเธอก็เลยกลายเป็นผู้ถูกกระทำซะ
เอง”
นิเวศน์พันเก้าอี้มานั่งตรงข้ามปองแล้วพูดอย่างจริงจัง ว่าปะของฉันเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรแค่พวกนายไม่ไปเป็น ศัตรูเขาเขาก็จะไม่ทำอะไรพวกนายหรอก
“นายแน่ใจเหรอว่าเขาจะไม่มาแก้แค้นพวกเรา?สุมิตรที่ พวกเราเคยสืบข้อมูลมาไม่ใช่คนดีอะไรเท่าไหร่หรอกนะ
“แต่ฉันก็อยู่ตรงนี้ไงฉันช่วยขอร้องแทนนายได้
ปองเงยหน้าขึ้นมองนิเวศน์แล้วถามว่า “พวกเราพึ่งจะรู้จัก กันแล้วทำไมถึงต้องมาช่วยฉันด้วย?
“เพราะว่าฉันชื่นชมนายมากอยากจะสู้กับนายแบบนี้ต่อไป เรื่อยๆ
ปองส่ายหน้าแล้วหัวเราะเล็กน้อยยังไงเขาก็ยังมีความเป็น เด็กอยู่ชอบเล่นไปเรื่อย
เพราะว่ามีเรื่องค้างคาใจเปมิศาก็เลยนอนไม่หลับจนเลย เที่ยงคืนไปแล้วเธอยังคงนอนเหม่อมองฝ้าเพดานอยู่เลย
แต่เพราะว่านอนไม่หลับเธอจึงได้ยินเสียงแปลกๆ จากนอก
บ้านอย่างชัดเจน
เสียงเครื่องยนต์งั้นเหรอ?”
เธอรีบลุกไปที่หน้าต่างเปมิศาหน้านิ่มคิ้วขมวดมองลงไป ด้านล่างก็เห็นว่าด้านนอกนั่นมีรถสีดำจอดอยู่หลายคัน
ประตูรถถูกเปิดออกทันใดนั้นก็มีผู้ชายชุดดำหลายคนเดิน ลงจากรถมาหน้าตาดูน่ากลัวมาก
แย่แล้ว!
เซนส์ของเปมิศาบอกว่าคนพวกนี้ต้องบุกรุกมาหาเธอกับ จันวิภาแน่ๆเธอรีบวิ่งไปปลุกจั่นวิภาทันที
“มีอะไรเช้าแล้วเหรอ?”
จนวิภามองเปมิศาอย่างสะลึมสะลือยังไม่ได้สติ
“ไปเร็วมีคนกำลังมาที่นี่แล้ว!
ระโยคนี้ทำให้วันวิภาตาสว่างขึ้นมาทันที
“ใช่คนของสุพจน์รึเปล่าเขาหาฉันเจอแล้วเหรอ?”
ในตอนนั้นเปมิศาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตอนนั้นนวิภาตกใจจนช็อคเลยไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีที่ แปลกไปของเปมิศาได้แต่คิดว่าตัวเองจะหนีรอดออกไปยังไง ให้ปลอดภัย
“มาทางนี้!”
เปมิศาลากจั่นวิภาวิ่งลงมาที่บันไดวิ่งไปตามทางเดินแล้ว เอามือทุบรถคนนึงแล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถคันนึง ในขณะเดียวกัน จนวิภาก็รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็น
“งงอะไรล่ะรีบขึ้นมา
เธอขึ้นไปนั่งตามคำสั่งจันวิภามองเปมิศาที่พยายามต่อ ลวดให้ไฟติดเหยียบคันเร่งแล้วเร่งเครื่องออกไปทันที
ถนนสายนี้ในตอนกลางคืนไม่ค่อยมีรถสัญจรเท่าไหร่นัก
เงียบมาก
ทันใดนั้นก็มีรถคันนึงขับมาด้วยความเร็วราบกับจะบินแค่ พริบตาเดียวก็ขับผ่านถนนสายนั้นไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จันวิภานั่งรถที่เปมิศาเป็นคนขับและ เธอก็หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วย
ไม่เคยเจอใครที่ขับรถไม่กลัวตายขนาดนี้มาก่อนถ้ารถคัน นี้มีปีกก็คงจะบินขึ้นฟ้าไปแล้ว
แต่จันวิภาก็รู้ดีว่ามีคนไล่ตามมาข้างหลังถ้าไม่รีบไปล่ะก็ เธอต้องโดนสุพจน์จับได้แน่ๆ
เธอประสานมือที่สั่นเทาของเธอเอาไว้ด้วยกันแล้วก็ถาม ออกมาเสียงสั่นด้วยความกลัว ตอนนี้เราปลอดภัยยัง?”
“ข้างหน้ามีซอยเล็กๆถ้าเราขับเข้าไปในซอยนั้นได้ ปลอดภัยแล้ว”
เปมิศาที่ดูเหมือนคนไม่เคยเกรงฟ้ากลัวดินแต่ครั้งนี้เธอ เม้มปากแน่นสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลพอเห็นท่าทางเธอ แบบนี้จนวิภาก็ยิ่งเครียดมากขึ้นไปอีก
ในตอนที่รถเลี้ยวเข้าทางโค้งจันวิภาก็เอ่ยออกมาว่า เป ศาให้ฉันหนีไปเองเถอะเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลยเธอไม่ จำเป็นต้องมาเสี่ยงอันตรายเพื่อฉันอีกแล้ว”
“เธอพูดผิดแล้วระหว่างเรามันมีอะไรซับซ้อนมากกว่านั้น เปมิศากพวงมาลัยแน่นแล้วพูดต่อว่า ตอนนี้เธอคือไพลับที่ สําคัญที่สุดของฉันเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว
จันวิภาหันหน้าไปมองเปมิศาเธอรู้สึกว่าคำพูดพวกนี้มันมี ความหมายอะไรซ่อนอยู่
“ฉัน…..เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?
“เปล่าเธอไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอกชะตาชีวิตของฉันกับ ปองจะเป็นยังไงนั้นขึ้นอยู่กับเธอคนเดียว
“ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูด
“เดี๋ยวเธอก็เข้าใจละ
ทันใดนั้นเธอก็เลี้ยวรถเข้าซอยนั้นอย่างที่เธอตั้งใจแต่เป ศายังไม่ทันจะได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก็เห็นไฟของรถ คันนึงที่ไล่ตามมา
“ซวยแล้วพวกนั้นรู้จักถนนเส้นนี้ได้ยังไงเนี่ย!
เปมิศาขมวดคิ้วแน่นแล้วทุบพวงมาลัยด้วยความโมโห
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ