ตอน 321 ข้อมูลสำคัญ
ตอนที่ 321 ข้อมูลสำคัญ
นิเวศน์ผู้ที่มีความชั่วร้ายอยู่ในใจไม่กล้าพูดอะไรออกมา อีก ทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง ตัวเขาเองก็คิดว่าการได้อยู่ ใกล้สุพจน์เป็นเรื่องที่ดี แม้จะแอบดักฟังได้ไม่สะดวก แต่ก็จะ ทำให้รู้การเคลื่อนไหวของสุพจน์ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ
สุพจน์ไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติเล็ก ๆ พวกนี้ของ นิเวศน์ ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
อีกด้านหนึ่ง จนวิภาที่อยู่คนเดียวในห้องมืด ๆ ก็รู้สึกไม่ สบายใจเป็นอย่างมาก
เธอกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของสุมิตรมาก และก็กลัวว่า สุพจน์จะไปหาเรื่องเจริญศรีอีกมากเช่นกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็มี แต่จะยิ่งเพิ่มปัญหา
เรื่องวุ่นวายล้านแปดในใจเหล่านี้ทำเอาจันวิภานอนไม่ หลับทั้งคืน!
เมื่อฟ้าสางจันวิภาจึงรู้สึกง่วงงุน ด้านนอกแสงแดดอบอุ่น ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น
ทอดผ่านระเบียงเข้ามา ความอ่อนเพลียไม่ไม่จางหายแต่กลับ
ตอนนั่นเองจนวิภาก็เห็นวัตถุดำ ๆ อย่างหนึ่งโผล่ขึ้นที่ ระเบียง เธอตกใจจนตัวสั่นสะท้าน ยิ่งเมื่อเห็นเจ้าสิ่ง ๆ กลม ๆ นั้นชัดเจนก็ยิ่งตกใจ เพราะมันเป็นศีรษะของคนคน หนึ่ง
ที่จันวิภาไม่กรีดร้องออกมาก็เพราะหัวหัวนั้นเธอคุ้นเคย เป็นอย่างดี
เป็นนิเวศน์นั้นเอง
ขณะที่จันวิภายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง นิเวศน์ ข้ามระเบียงเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว ยืนหอบแฮกอยู่ตรงนั้น พลางส่งยิ้มให้กันวิภา
จันวิภาพลันพุ่งไปด้านหน้านิเวศน์ในทันที ยกมือขึ้น เตรียมตีนิเวศน์ นิเวศน์ยังคงยืนอย่างโง่งม ไม่ยอมหลบ เพียง ยิ้มร่าร้องเรียกหม่ามี
จนวิภามองท่าทางไร้เดียงสา แล้วตัดใจที่จะตบหน้าเขา ลงได้อย่างไร ได้แต่รวบเขาเข้ามาในอ้อมกอดก่อนตีกันเบา ๆ
“ผมรู้ว่าหม่ามีตีผมไม่ลงหรอก” นิเวศน์กอดจนวิภาแน่น
จันวิภาเอ่ยตำหนิ “นี่มันชั้นสามนะ ลูกปืนขึ้นมาอย่างนี้ถ้า เกิดอะไรขึ้นมาหม่าจะทำยังไง?
นิเวศน์เอ่ย “ผมรู้ว่าหม่ามีร้อนใจ เลยทนไม่ไหวต้องมาบ อกหมาย ให้หม่ามสบายใจขึ้นสักหน่อย
ในใจจนวิภาคิดว่าเด็กคนหนึ่งจะรู้อะไรได้? แต่เมื่อได้ฟังสิ่งที่นิเวศน์บอก เธอก็โล่งใจ จึงกอดนิเวศน์อย่างรักใคร่เอ็นดู
นิเวศน์สลัดอ้อมแขนของฉันวิภาออก รอยยิ้มบนใบหน้า เลือนหาย ขมวดคิ้วราวตาแก่ตัวน้อย ๆ
หม่ามี พ่อบุญธรรมไม่ไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นแล้ว หม่ามี วางใจได้ แล้วก็ พ่อบุญธรรมไม่ได้ทำอะไรพ่อ
จนวิภารู้ว่าสุพจน์ไม่ทำอะไรคนไข้คนหนึ่ง แต่ตอนนี้ลูก น้องของสุมิตรไร้ผู้นำ สุพจน์จะลงมือหรือไม่นะ?
เมื่อเห็นความกังวลของฉันวิภา นิเวศน์ก็พูดอย่างมั่นใจ หม่ามีไม่บอกผมก็รู้ ผมไม่ปล่อยให้อะไรหลุดจากการควบคุม หรอก
ทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของผม นิเวศน์ยกมุมปาก อย่างเชื่อมั่น กำหมัดเล็ก ๆ แน่น
แม้นิเวศน์จะไม่ได้อธิบายเรื่องที่ตัวเองได้แอบดักฟัง แต่ ความมั่นใจนั้นก็ทำให้ฉันวิภารู้สึกสบายใจ เมฆหมอกในใจ เลือนหายไปมาก
จากนั้นนิเวศน์ก็เอ่ยขึ้นว่า ผมต้องไปแล้ว พ่อบุญธรรมน่า จะใกล้รู้ว่าผมหนีออกมาแล้ว แต่จะให้เขารู้ว่าผมอยู่ที่นี่ไม่ได้
พูดจบก็เดินไปที่หน้าระเบียงอย่างระมัดระวัง! เขาเตรียม เชือกไว้แต่แรกแล้ว จึงปล่อยกายตามเชือกจากด้านบนลงไป อย่างคล่องแคล่ว
จันวิภามองภาพนั้นตาค้าง คิดว่าเด็กน้อยคนนี้ช่างเหมือนกับสุมิตร ทำอะไรนอกเหนือความคาดหมายตลอด
เห็นนิเวศน์จากไปอย่างปลอดภัย ก้อนหินที่จันวิภาถือไว้ ในใจก็ตกลงพื้นได้ในที่สุด ส่งผลให้เธอสบายใจขึ้นไม่น้อย
นิเวศน์เร้นกายหลบ ๆ ซ่อน ๆ ออกจากลานบ้าน การ เคลื่อนไหวนั้นเป็นไปอย่างชำนาญทั้งยังไม่ถูกเจ้าหน้าที่รักษา ความปลอดภัยที่สุพจน์วางไว้พบตัว เหล่านี้ล้วนเป็นเส้นทางที่ นิเวศน์ใช้เวลาในแต่ละวันสำรวจอย่างถี่ถ้วนและเพิ่งค้นพบ
เขาเป็นคนรอบคอบ ต้องทำความคุ้นเคยสภาพแวดล้อม รอบกายให้ดีที่สุดถึงจะรู้สึกวางใจได้
นิเวศน์กลับมาถึงที่ที่สุพจน์พักอยู่อย่างรวดเร็ว ตอนที่แอบ เปิดหน้าต่างชั้นหนึ่งเข้าไปนั้น เขายังดูเวลาอย่างรอบคอบ ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมงสิบห้านาที
สุพจน์เป็นคนที่ทำงานและพักผ่อนเป็นเวลา หากไม่เกิด เรื่องอะไรร้ายแรง ตอนเจ็ดโมงครึ่งเขาถึงจะตื่นนอน
เมื่อย่องเข้าไปในผ้าห่มแล้วนิเวศน์ถึงได้ระบายลมหายใจ ออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดก็ไม่ถูกสุพจน์จับได้ แต่ในใจของ นิเวศน์ยังรู้สึกไม่สบายใจนัก เนื่องจากเขายังปิดบังเรื่องที่ สำคัญมากกับจันวิภา
ในขณะที่มีข่าวการป่วยของสุมิตร สายโทรศัพท์ลึกลับ ของสุพจน์ในช่วงนี้ก็มีมากขึ้นเช่นกัน แม้ว่าเขาจะช่วยเหลือแม่ ลูกตระกูลวีระนันท์มาตลอด แต่ก็ไม่สามารถหลุดรอดจากสายตาของนิเวศน์ไปได้
หน้าต่างห้องถูกปิดสนิทหนาแน่น นิเวศน์กลอกดวงตาสี ขลับไปมาในความมืด ก่อนพบแสงสว่างเล็ก ๆ เขากำลัง ครุ่นคิดว่าหรือว่าสุพจน์จะมองอุบายของเขาออกแล้วจริง ๆ
หากเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ต้องเก็บเนื้อเก็บตัวสักหน่อยมั้ย
มะ
“ไม่ได้ ตอนนี้แตดดี้กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต ไม่มีทางให้พ่อ บุญธรรมฉวยโอกาสไปได้หรอก”
นิเวศน์พูดกับตัวเอง จากนั้นก็กระโดดพรวดออกมาจาก ใต้ผ้าห่ม
ดูนาฬิกาบนข้อมืออยู่ครู่หนึ่ง เป็นเวลาเจ็ดโมงยี่สิบนาที
พอดี ยังเหลือเวลาอีกประมาณสิบนาที
นิเวศน์เปิดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ด้านหนึ่งของห้องอย่าง รวดเร็ว สวมหูฟัง แล้วจึงเสียบ USB ที่พกติดตัว เนื่องจาก เครื่องมือทุกอย่างเก็บอยู่ใน USB ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นแม้ว่าตัว จะไม่ได้อยู่ในห้องก็ยังคงสามารถดักรับบันทึกสนทนาก่อนหน้า ของสุพจน์ได้
บทสนทนาในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้มากที่สุด นิเวศน์ อาศัยประสบการณ์และเซ้นส์ของตัวเองเลือกบันทึกสนทนาที่ ค่อนข้างสำคัญออกมาสองสามไฟล์ก่อนจะฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ หน้าจอวบแสงสีน้ำเงิน สีหน้านิเวศน์ค่อนข้างซีดเผือด
นิเวศน์ทราบแล้ว จริง ๆ แล้วพัสดุระเบิดที่สุมิตรได้รับนั้น คนที่ลงมือก็คือสุพจน์
สิ่งนี้ยังอยู่ในการคาดเดาของนิเวศน์ แต่ต่อมา จันวิภาก จะได้รู้ว่า สุมิตรได้ลงมือกับบริษัทตะวันกรุ๊ปจำกัดแล้ว ทั้งยัง ลงมือผ่านบริษัทออกแบบที่จันวิภาเคยอยู่ หากสุพจน์สามารถ ทำได้สำเร็จ ก็จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อบริษัทของสุมิตร
หากต้องการเนื้อหาที่ชัดเจนนั้นจำเป็นต้องคัดกรองบันทึก สนทนาอันอื่นต่อ แต่นิเวศน์ไม่มีเวลาแล้ว
ขณะนั้นเองเสียงหมุนกลอนประตูโลหะพลันดังขึ้น นิเวศน์ รีบสับหน้าจอเป็นหน้าเดสก์ท็อป ก่อนเปิดหน้าเว็บเพจอย่างเร่ง ร้อน
“เฮ้อ แอบเล่นเน็ตอีกแล้ว เธอยังเป็นเด็กติดเน็ตจริง ๆ สุพจน์สวมชุดนอนตัวโคร่ง มองนิเวศน์ที่หัวเราะร่าราวกับกำลัง มองลูกตัวเองจริงๆ
ถ้ามีคนนอกมาเห็นตอนนี้ต้องคิดว่าทั้งสองคนเป็นพ่อลูก กันจริง ๆ แน่ แต่ในความเป็นจริง นิเวศน์กลับกำลังสวม หน้ากากเข้าหาสุพจน์
นิเวศน์เองก็รู้แก่ใจดีว่า ที่สุพจน์แสดงออกมานั้น ก็อาจจะ ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงเช่นกัน
นิเวศน์หาวพลางว่า “ไม่ได้อยู่กับหม่ามีไม่เห็นจะมีอะไรน่า สนุกเลย มีแต่เล่นคอมแค่นั้นแหละ
สุพจน์รู้ว่าเด็กน้อยคนนี้ต้องการสื่อถึงอะไร แต่ก็ไม่คิดจะ สนองเขา จึงไม่รับปาก เพียงเบะปากยิ้มก่อนกล่าว “ไปเตรียม ตัว ออกไปข้างนอกกับฉัน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ