ตอนที่ 423 คุก
ตอนที่ 423 คุก
เป้าหมายของสุพจน์ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าเขาต้องการให้สุ มิตรส่งคนไปแข่งขันวิภากลับมา และเขาก็จะวางกับดักไว้ รอ แค่ให้สุมิตรมาติดกับดักก็เท่านั้น
แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด เรื่องที่น่ากลัวที่สุดคือ ในบรรดาสามข่าวลือนั้น ยังไม่แน่ว่ามีเรื่องจริงอยู่บ้างรึเปล่า มีสิทธิ์ที่จะเป็นข่าวปลอมค่อนข้างมาก สำหรับสุพจน์แล้วแค่ ข่าวปลอมแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ถ้าจะบอกว่าสุพจน์อยากเล่นเกมส์กับสุมิตร เรียกว่าเขา เชิญสุมิตรมาวางเดิมพันกันมากกว่า
แต่ว่าการเดิมพันในครั้งนี้ ไม่ได้มีความยุติธรรมตั้งแต่ต้น
สุมิตรจะเข้าร่วมไหม?
ธนภาคมองดูสีหน้าสุมิตรด้วยความกังวล เขาพยายาม โน้มน้าวสุมิตรว่า “สุมิตร ฉันว่านะ อย่าไปสนใจข่าวลือที่จงใจ ปล่อยออกมาแบบนี้เลย สุพจน์ไม่ได้โง่ขนาดที่จะยอมปล่อยให้ ข่าวลือในวิภาหลุดออกมาง่ายๆหรอก
สุมิตรยิ้มอย่างขมขื่น “ในเมื่อนายคิดแบบนั้น ก็ไม่ควรจะ เอาเรื่องนี้มาบอกฉัน แต่ในเมื่อตอนนี้ฉันรู้แล้ว ก็คงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้หรอก”
ธนภาคถอนหายใจอีกครั้ง เขารู้ดีว่าเมื่อสุมิตรตัดสินใจ จะทําอะไรแล้ว ไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด
“ไอ้สุพจน์นั่นมันอยากจะเดิมพันกับฉัน ถ้าฉันไม่ไปก็ถือว่า แพ้มันน่ะสิ ฉันคือผู้ชายของฉันวิภา และฉันจะไม่มีวันแพ้
สุมิตรดูเหมือนจะเริ่มนึกสนุกขึ้นมา ทำให้ธนภาครู้เลยว่า ตอนนี้ไม่มีว่าเขาจะคิดอะไรอยู่ แต่มันต้องอันตรายมากแน่ๆ
ธนภาคอยากจะบอกสุมิตรว่าโอกาสในการแพ้มันเยอะ มากแค่ไหน แต่เขารู้ว่า เรื่องนี้สุมิตรรู้ดีที่สุดอยู่แล้ว
“งั้นนายคิดจะทำยังไง?” ธนภาคของสุมิตรอย่างคาดหวัง รอคอยคำตอบ หวังว่าเขาจะมีแผนลับ
สุมิตรตอบเสียงเยือกเย็นว่า “แน่นอนว่าส่งคนไปทั้งสามที่
นั่นสิ”
ธนภาคนึกถึงการโจมตีเมื่อเร็วๆนี้ แล้วก็เตือนว่า “เราก็ ต้องสืบก่อนแล้วค่อยส่งคนไป ไม่งั้นก็จะได้รับความพ่ายแพ้ เหมือนเดิม”
สุมิตรพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย
คฤหาสน์หลังหนึ่งแถวชานเมือง แต่ถ้าจะเรียกว่า คฤหาสน์ก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะว่าถ้าดูจากกำแพงล้อมรอบและเสาที่สูงตระหง่านเหมือนสมัยโบราณ เรียกว่าป้อม ปราการน่าจะถูกต้องกว่า
ป้อมปราการแห่งนี้เป็นทรัพย์สินของสุพจน์ มีผู้หญิง มากมายที่ใฝ่ฝันอยากจะมาอยู่ในปราสาทแห่งนี้ แต่สำหรับวัน วิภาแล้วนั้น ที่นี่ก็เป็นคุกดีๆนั่นเอง ไม่ว่าจะมีขนาดใหญ่และ กว้างขวางขนาดไหน แต่มันก็ยังดูโดดเดี่ยว ไร้ชีวิตชีวา
เตียงที่ออกแบบตามสไตล์ยุคกลางมีขนาดใหญ่กว่าเตียง ทั่วไปถึงสองเท่า ผ้าปูที่นอนสีทองหรูหราราวกับนอนอยู่บน ก้อนเมฆ ด้านบนของเตียงนั้น มีแสงไฟที่อบอุ่นสาดส่องออก มาจาก โคมไฟคริสตัล
จันวิภานอนหงายอยู่บนเตียง ผมสีดำสลวยของเธอสบาย อยู่บนผ้าห่มที่อ่อนนุ่มเหมือนก้อนเมฆ
เธอกะพริบตาไม่หยุด แล้วก็ยื่นมาออกไปราวกับว่า
ต้องการจะคว้าโคมไฟนั้นมา ซึ่งแน่นอนว่าเธอคว้าไม่ถึง
เธอเอามือลง แล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง นั่งคิดถึงเรื่องที่ สับสนยุ่งเหยิงอยู่ในตอนนี้ เธอรู้สึกอารมณ์เสียมาก และ หลับตาเอนตัวลงนอนลงบนเตียงอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเกิดยังน่าเบื่อขนาดนี้ต่อไปเรื่อยๆหล่ะก็ จันวิภาคิดว่า เธอต้องเฉาตายแน่ๆ
สุพจน์ก็อยู่ในปราสาทแห่งนี้เหมือนกัน หลายวันมานี้เขา เป็นคนเอาข้าวเอาน้ำไปส่งให้ในวิภาด้วยตัวเอง เขาพยายามคุยกับเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยตอบเขาเลยสักครั้งเดียว
ถึงแม้ว่าจันวิภาจะเบื่อหน่ายขนาดไหน ก็ยังไม่อยากจะ คุยกับเขาแม้แต่ประโยคเดียว ใครจะอยากไปมองหน้าคนที่ยัง เธอไว้ในคุกแบบนี้กันล่ะ?
ในขณะที่จันวิภากำลังด่าทอสุพจน์อยู่ในใจนั้น ประตูห้อง ก็ถูกเปิดออก สุพจน์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก พอเดินมาหยุดอยู่ข้างในวิภาถึงคลี่ยิ้มออกมา
แต่จันวิภาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นรอยยิ้มที่เจตนาดีเท่าไหร่ จนวิภารู้สึกว่ามัน
เป็นสายตาที่คนทั่วไปเอาไว้ชื่นชมแจกันดอกไม้ที่สวยงาม
เท่านั้น
บางทีจันวิภาอาจจะคิดผิดก็ได้ แต่ว่าไม่ว่ายังไง ยิ่งมอง
เขา ยิ่งรู้สึกอารมณ์ไม่ดี
“จันวิภา เธอเบื่อไหม?
สุพจน์นั่งลงข้างๆเตียง เขาระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ไป แตะเนื้อต้องตัวเธอ
จนวิภาหลับตาลง และสั่งจิตใต้สำนึกไม่ให้ฟังสิ่งที่เขาพูด ทําเหมือนว่าสุพจน์ไม่ได้อยู่ตรงนี้
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้คำตอบ สุพจน์ก็ชินแล้วล่ะ เขาพูด เสียงอ่อนว่า “เธอคงไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่ตลอดไปหรอกใช่ ไหม? ปล่อยเธอออกไปเป็นไง?
จันวิภาที่เมื่อกี้เหมือนหุ่นยนต์ที่แบตเตอรี่หมดอยู่ๆก็ เหมือนมีคนมาชาร์จแบตให้ซะงั้น เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ทันที มองสุพจน์ตาโต ที่จริงเธออยากจะตอบอะไรไป แต่คิดว่า ไม่ดีกว่า ได้แต่จ้องหน้าสุพจน์อยู่แบบนั้น
กว่าสุพจน์จะทำให้เธออยู่ที่นี่กับเขาได้ไม่ง่ายเลย ทำไม อยู่ๆถึงจะปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้ล่ะ? เขาต้องมีแผนร้ายอะไร สักอย่างแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้นจันวิภาเลยตัดสินใจไม่ตอบ อะไรเขาไป
สุพจน์ยังทำท่าทีเหมือนไม่สนใจ แล้วพูดแบบนิ่งๆว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปงานราตรี หวังว่าเธอจะไปกับฉันด้วย
จันวิภาหัวเราะในลำคออย่างเย็นชา แสดงให้เขาเห็นว่า เธอคิดอะไรอยู่
สุพจน์จับไหล่ของเธอเบาๆแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้อยาก บังคับเธอหรอกนะ แต่เธออย่าบังคับให้ฉันต้องลักพาตัว นิเวศน์อีกครั้งหนึ่งเลยเนอะ
จันวิภารู้สึกว่าสุพจน์ยิ่งนับวันยิ่งเป็นคนเสแสร้งขึ้นเรื่อยๆ ดูก็รู้ว่าเขากำลังบังคับเธออยู่ชัดๆ ช่างไร้ยางอายที่สุด
จันวิภาโกรธจนตัวสั่น เธอตะคอก ใส่เขาว่า “ฉันไม่มี หน้าที่ต้องออกไปข้างนอกกับนาย ฉันแค่รับปากจะอยู่ข้างๆ นายก็เท่านั้นเอง”
พอพูดจบจนวิภาก็รู้ตัวทันทีว่าเธอได้พูดผิดมหันต์ เธอรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองได้พูดออกไปอย่างมาก สุพจน์ยิ้มตาหยีแล้วตอบว่า “ใช่ไง เธอต้องอยู่ข้างฉัน ถ้า เกิดฉันไปประชุมแล้วเธออยู่ที่นี่มันก็ผิดกฎหน่ะสิ
จนวิภาขบฟันแน่นด้วยความโกรธ ได้แต่ตอบว่า “ไม่ไป
มีมิตรคอยดูแลนิเวศน์อยู่ นายคิดว่านายจะลักพาตัวเขามาได้ อีกครั้งรึไง?”
สุพจน์มองจันวิภากลับด้วยอารมณ์เดียวกัน แล้วตอบว่า “ดูเหมือนว่าเธอยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ หรือว่าเธอยังไม่รู้ ว่าสุมิตรเองยังเอาตัวไม่รอดเลย?”
“ก็นั่นสินะ เธออยู่ที่นี่ทั้งวันจะไปรู้ได้ยังไงว่าไอ้คนไร้ ประโยชน์อย่างสุมิตรมันโดนฉันปั่นหัวเหมือนกับของเล่น…ฮ่า ฮ่า”
พอสุพจน์พูดถึงสุมิตรนั้น สายตาของเขาก็แสดงออกถึง ความเป็นปีศาจ
แน่นอนว่าในวิภาไม่รู้ว่าสุมิตรต้องเจอกันอะไร แต่พอได้ ยินที่สุพจน์พูดดังนั้นเธอก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมา ในขณะเดียวกัน ก็สงสัยว่าสุพจน์โกหกเธอรึเปล่า
สุพจน์ก็ไม่ได้อยากจะอธิบายต่อ เขายืนขึ้นและเดินออก ไป แล้วก็ทิ้งประโยคสุดท้ายที่จันวิภาไม่สามารถปฏิเสธได้ไว้
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะมาหาเธออีกที เตรียมใจไว้ อย่างน้อย เธอก็ควรคำหนึ่งถึงนิเวศน์สักหน่อยนะ
จันวิภาคว้าอะไรบนเตียงได้ก็ปาตามไปที่ประตูที่สุพจน์พึ่ง เดินออกไป แล้วก็เอามือขวนใบหน้าตัวเองด้วยความโมโห และเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
เธอรู้ดีว่า เธอไม่มีทางปฏิเสธสิ่งที่สุพจน์ต้องการได้ แต่ว่า จันวิภาก็เป็นคนที่ปลอบใจตัวเองค่อนข้างเก่ง ได้ออกไปสูด อากาศข้างนอกบ้างก็ดี ถ้ามีคนเห็นเธอเข้าต้องเกิดข่าวลือที่ไม่ ดีแน่นอน สุมิตรกับนิเวศน์ที่รู้เรื่องราวอยู่แล้วก็ไม่เป็นอะไร หรอก แต่กลัวว่ามันจะทำให้ภาพลักษณ์ของสุมิตรเสียหาย เธอหวังว่าเรื่องที่สุพจน์บอกว่าตอนนี้สุมิตรเป็นยังไง จะเป็นแค่ เรื่องโกหกเท่านั้น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ