พิชิตใจนายปีศาจ

ตอนที่ 148 คู่หมั้นของสุมิตร



ตอน148คู่หมั้นของสุมิตร

ตอนที่ 148 คู่หมั้นของสุมิตร

เจริญศรีเดินอ้อยอิ่งมายังประตูห้องทำงานของสุมิตร เมื่อ เดินผ่านเคาเตอร์เลขานุการ เธอชายตาเหลือบมอง หลังจากได้ รับสัญญาณของเลขาโดยการพยักหน้า เธอถึงเปิดประตูห้อง ทำงานประธานสุมิตรเข้าไป

“สุมิตรคะ……. เจริญศรีปิดประตูลงเบาๆ หลังจากเปิด

ประตูเข้าไปในห้องทำงาน ยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางรู้สึกผิด พลางถามอย่างระมัดระวัง “สุมิตรคะ ฉันรบกวนคุณหรือเปล่า

คะ?”

สุมิตรเบนหน้าออกมาจากคอมพิวเตอร์เหลือบมองเจริญ ศรี จากนั้นก็หันกลับไปมองจอคอมพิวเตอร์ โดยไม่ได้แสดงสีห น้าใดๆ ออกมาพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ “มาหาผมมีอะไรหรือ เปล่าครับ?”

เมื่อเห็นท่าทางไร้ปฏิกิริยาตอบสนองของสุมิตร เจริญศรี จึงเดินเข้ามาจากหน้าประตูมายังหน้าโต๊ะทำงานพลางถาม เสียงเข้ม “สุมิตรคะ ฉันได้ยินมาว่ามีเด็กชายคนหนึ่งมาหาคุณ วันนี้ แถมยังบอกว่าเป็นลูกชายของคุณ เรื่องจริงหรือเปล่า คะ?”

สุมิตรขมวดคิ้วเรียวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจ้องเจริญศรีอย่างยิ่งตึงแล้วถามด้วยโทนเสียงไม่พอใจ “คุณได้ยิน ใครพูดมา?”

เรื่องที่นิเวศน์มาหาเขาวันนี้น้อยคนนักที่จะรู้ แล้วเขาได้ พูดไปแล้วว่าห้ามนำเรื่องนี้ไปเปล่าประกาศ นี่ผ่านไปไม่กี่ ชั่วโมงเอง เจริญศรี ว่าอย่างไร? ก็ได้รับข่าวพลันรีบมาหา นี่มันหมายความ

นึกถึงเรื่องส่วนตัวตนถูกสอดแนม สุมิตรก็รู้สึกไม่พอใจ

…” เจริญศรีตกใจสีหน้าเปลี่ยน เธอรีบมาเมื่อได้ “คือว่า รับข่าวโดยไม่ทันได้คิดเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้เมื่อโดนสุมิตร ตำหนิก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป

ใคร่ครวญเพียงครู่เดียวเจริญศรีรู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นช่าง มันไปเสียก่อน เรื่องที่เขากังวลนั้นสำคัญกว่ามาก จึงโพล่งปาก ออกไปโดยไม่คิด “แน่นอนว่ามีคนบอกฉัน สุมิตรคะ ตอบฉันสิ คะว่าเรื่องนี้มันเป็นความจริงหรือเปล่า? หรือมีผู้หญิงคนไหน มันกุเรื่องเด็กขึ้นมาเพื่อจับคุณ?

แถมเธอยังได้ยินอีกว่าเด็กชายคนนั้นมีดวงตาคล้ายกับ ดวงตาสุมิตรอย่างกับแกะ

เจริญศรีจึงกังวลอย่างมาก เทแม้กระทั่งนัดสำคัญแล้วรีบ ตรงดิ่งมาที่นี่

เมื่อได้ยินดังนั้น สุมิตรไม่เพียงแต่ไม่ฟังคำพูดของเจริญ ศรี แต่กลับขมวดคิ้วหนักขึ้นพลางจ้องมองเจริญศรีอย่างไม่ พอใจแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้ม “นี่คุณสอดแนมผมหรือ?”
พฤติกรรมของเจริญศรีนั้นเส้นของเขาไปแล้ว

“เอ่อ” เจริญศรี ใบหน้าซีดเซียวพลางกรอกตาอย่าง ประหม่า มองไปรอบๆ โดยไม่กล้าสบตา มิตรพร้อมพูดอย่าง กำกวมว่า “สุมิตร คุณพูดเรื่องอะไรกัน? เรากำลังพูดเรื่องเด็ก คน มอยู่นะ……..

ปฏิกิริยาของเจริญศรีนั้นพิสูจน์ว่าสุมิตรนั้นเตาถูก เขา แสดงสีหน้าผิดหวังพลางเอยอย่างไม่พอใจ “เจริญศรี ผมให้ เกียรติที่คุณเป็นคู่หมั้นผม อนุญาตให้คุณเดินไปเดินมาใน บริษัทผมได้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะให้คนมาสอดแนมผม คุณกล้า มากนะ!”

ยืนขึ้นมาพูดพลางสบตาเจริญศรีก่อนพูดอย่างอุ่นเคือง “เจริญศรี ! นี่มันที่ทำงานนะ ไม่ใช่ที่คุยเรื่องรักๆใคร่ๆ! ใครที่ คุณสั่งให้สอดแนมผม?

การกระทำของเจริญศรีนั้นได้เส้นเขาอย่างมาก เรื่องที่ สั่งให้พนักงานเรียกเธอว่าภรรยาท่านประธานเขาก็หลับหู หลับตาทำเป็นไม่รู้ ถึงอย่างไรท้ายที่สุดเราสองคนก็ต้อง แต่งงานกัน เหลือแค่กำหนดเวลาแต่งเท่านั้น

แต่ตอนนี้เขากลับถูกเจริญศรีสอดแนม เขาโกรธมากที่ ไม่มีความเป็นส่วนตัว ยิ่งไปกว่านั้นนี่มันที่ทำงานไม่ใช่ที่คุย เรื่องรักใคร่! ไม่ใช่ว่าอยู่ที่บ้านเขาก็ถูกสอดแนมด้วยหรือ

ความโกรธของสุมิตรทำให้เจริญศรีหวาดกลัว เขาสองคน คบกันมานมนาน เป็นครั้งแรกที่สุมิตร โกรธเขาขนาดนี้ เป็นเพราะความกังวลอย่างไร้สติของตัวเอง โดยไม่ได้คิดหน้าคิด หลัง จึงเป็นเช่นนี้

เจริญศรีหวาดกลัวจนร้องไห้ออกมา หยาดน้ำตาไหลข้าง แก้มเปรอะเปื้อนเครื่องสําอางค์ ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “สุมิตรคะ ฉันขอโทษ ฉันผิดไป แล้ว ฉันสาบานว่าฉันจะไม่ทำมันอีก ให้อภัยฉันเถอะนะคะ…….

ไม่รอให้สุมิตรได้เอ่ยอะไร เธอก็ยอมรับความผิดตน หยาดน้ำตาไหลพรากราวกับรู้สึกผิดเสียเต็มประดา

บอกได้เลยว่ามารยาของเจริญศรีนั้นได้ผล

เห็นเช่นนี้แล้วสุมิตรก็ไม่กล้าเอ่ยคำพูดบั่นทอนจิตใจออก มาอีก เขาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แต่น้ำเสียงยังมีความขุ่นเคือง อยู่ “ช่างเถอะ อย่าร้องไห้เลย ไล่คนที่มาสอดแนมผมออกซะ ผมก็ไม่อะไรแล้ว”

ได้ยินเช่นนั้นแล้วเจริญศรีก็มองสุมิตรใบหน้าเปื้อนหยาด น้ำตา ดวงหน้าอ่อนเยาว์เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง แล้ว …แล้วเด็กคนที่ฉันเพิ่งถามล่ะคะ เด็กคนนั้นน่ะ……

“ผมก็ไม่รู้จักเขา” สุมิตรกลับไปนั่งลงบนโต๊ะด้วยอารมณ์ ขุ่นเคือง ใช้มือซ้ายเคาะบนโต๊ะพลางกล่าว “รีบวิ่งมาถามเรื่อง ที่ไม่เคยเกิดขึ้น อาจจะจำคนผิดล่ะมั้ง นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมา ใส่ใจ”

เจตนารมณ์อันแรงกล้าของสุมิตรทำให้เจริญศรีไม่กล้า เพราะเธอทราบว่าหากตนถามอีกครั้ง สุมิตรจะต้อง การอารมณ์ไม่ดีแน่ๆ เธอไม่อยากทำให้ความรู้สึกดีๆ ของเราสอง

ต้องหายไป

ตอนนี้เจริญศรี ทำได้เพียงพยักหน้าเชื่อฟัง หยุดร้องไห้ พลางยิ้มกว้างเอ่ย “อืม ฉันทราบแล้ว ฉันจะไม่ทำพลาดอย่าง วันนี้อีก……เออใช่ สุมิตรคะ คุณทานอาหารกลางวันหรือยังคะ พวกเราไปทานอาหารกลางวันกันเถอะค่ะ”

“ไม่ได้หรอกครับ” สุมิตรหันกลับไปมองที่จอคอมพิวเตอร์ มือเคาะที่แป้นพิมพ์พลางเอยอย่างไม่ใส่ใจ “ผมยังงานยุ่ง ถ้า คุณหิวก็ไปทานก่อนเถอะครับ

“ยิ้ม! เจริญศรีพยักหน้าอย่างผิดหวัง ในใจพลางบ่น

แม้ฉาบหน้าด้วยความเชื่อฟัง

นี่มันกี่ครั้งแล้ว ทุกครั้งที่เธออยากจะนัดรับประทานอาหาร กับสุมิตรล้วนแต่ถูกปฏิเสธ มันก็ใช่ที่เขาสองคนเป็นคู่หมั้นคู่ หมายกัน แต่ความจริงแล้วแม้นิยามคำว่าเพื่อนยังไม่ได้เลย

เพื่อนกันธรรมดาอยากนัดกันไปข้างนอกยังไม่ยากขนาด นี้เลย หันกลับมามองที่สุมิตรที่เป็นคู่หมั้นกลับมีข้ออ้างเหตุผล หลายประการ…….

เขาทั้งสองหมั้นหมายกันมาห้าปีแล้ว สุมิตรไม่เคยแสดง ความปรารถนากับเธอเลย ใกล้ชิดกันถึงขนาดนี้ บางครั้งเจริญ ศรีก็คิดว่าสุมิตรนั้นไม่ชอบตนหรืออย่างไร ไม่อย่างนั้นทำไมไม่ เคยแตะต้องตัวเธอเลย

เจริญศรีเข้าใจดีว่าการหมั้ นายเขาทั้งสองทั้งหมดทำไปเพื่อความสัมพันธ์ด้านธุรกิจ หากพ่อเธอไม่ได้เห็นความสามา มารถของเขา เธอคงไม่แต่งงานกับสุมิตรหรอก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ