ตอน463ตามติดไม่ห่าง
ตอนที่463ตามติดไม่ห่าง
จันวิภาหันไปดูพลางสบถว่า ตามติดขนาดนี้อย่างกับพวก มันรู้เส้นทางที่ฉันจะหนีไปอย่างนั้น
คำพูดนี้ทำให้เปมิศานึกขึ้นได้แล้วก็อึ้งไปรีบหยิบโทรศัพท์
ในกระเป๋าเสื้อออกมา
ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วเธอก็โยนโทรศัพท์ออกไปนอกรถ อย่างไม่ลังเลตามด้วยเสียงกรุ่นด่า พวกหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
จันวิภานิ่งอึ้งเหมือนกับยังตั้งสติไม่ค่อยทัน
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เปมิศาทำแต่รถก็ค่อยๆ ทิ้งระยะห่างทำให้ทั้งสองโล่งอกไปชั่วหนึ่ง
รถขับมาจนสุดถนนเล็กเป็นเขตหนึ่งในเมือง
จอดรถไว้ข้างถนนแล้วเปมิศาก็กระโดดลงจากรถไปจาก นั้นพูดกับจันวิภา ลงรถสิพวกเราเดินต่อไปกัน
ในตัวเขตนี้สู้ในตัวเมืองไม่ได้หลังจากฟ้ามืดด้านนอกก็มี แสงไฟเพียงริบหรี่และแทบไม่มีรถผ่านไปมา
บรรยากาศรอบๆมืดสนิททำให้ในวิภาเริ่มมีความรู้สึก
กลัวเล็กน้อย
เมื่อได้อยู่ใกล้กับเปมิศาจันวิภาจึงได้ถามขึ้น เปมิศาต่อ ไปพวกเราจะไปไหนกันดี?
“ฉันมีเพื่อนอยู่ที่นี่ไปหาเพื่อนฉันก่อนไปหลบอยู่ที่นั่นกัน
“จะสร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนเธอไหม?”
“วางใจเถอะเขาคนนั้นเป็นคนไม่กลัวความเดือดร้อนมาก
ที่สุด”
เปมิศาพูดเช่นนี้จนวิภาจึงไม่พูดความยาวสาวความยืดต่อ
ทั้งสองวิ่งไปที่หน้าโรงแรมทางด้านตะวันตกของเขตเป ศาพาจนวิภาเดินเข้าไป
“นี่เธอบอกว่าจะไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอทำไมถึงมาที่ โรงแรมล่ะ?ฉันไม่ได้พกบัตรประชาชนมาด้วยพวกเราอยู่ที่นี่ไม่ ได้หรอก”
“ไม่ต้องใช้บัตรประชาชนเจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนฉันพวกเรา จะอยู่กันยังไงก็ได้”
สิ่งที่เปมิศาพูดออกมาทำให้ในวิภาโล่งอกขึ้นเยอะ
ยกมือขึ้นกดกระดิ่งหมูแอมก็เดินออกมาจากประตูใน วินาทีที่เห็นเปมิศาก็ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
“เธอมาได้ยังไง?”
ในสายตาหมูแอมความเป็นอยู่ของเปมิศาก็เหมือนกับ เทพนิยายไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆจากเขา
เปมิสารีบปิดประตูลงแล้วหันไปมองเช็ดหน้าต่างพลางพูด ขึ้น ต้องเป็นเรื่องด่วนอยู่แล้วไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มาที่นี่
“แล้วเธอเป็นใครกัน?
สายตาของหมูแอมมมองมาที่จันวิภาด้วยความสงสัย
“เพื่อนคนหนึ่ง”
“เพื่อน?”
“ใช่ เปมิศากระซิบบางอย่างที่ข้างหูหมูแอมทำให้หมูแอม มองมาที่จันวิภาด้วยสายตาสำรวจ
ท่าทีของทั้งสองแปลกมากจนวิภาอดไม่ได้ที่จะเตรียมใจ
เอาไว้
“มี…มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีเพียงแค่เขาไม่เห็นปองมาด้วยเลยรู้สึกกังวลนิด
หน่อย”
พอเปมิศาพูดถึงปองอีกครั้งยิ่งทำให้สีหน้าของวันวิภา
เคร่งเครียด
หมูแอมหาห้องให้ในวิภาและเปมิศาพักแล้วเสิร์ฟตาม
ด้วยของว่างยามดึก
ทั้งสองคนกินไม่ลงแต่ทั้งสองรู้ดีว่ากำลังเผชิญกับอะไรถ้า
ไม่กินให้อิ่มก็คงไม่มีแรงสู้
ดังนั้นทั้งสองจึงรีบซัดเข้าไปอย่างไม่สนใจรสชาติ ตอนที่ฟ้าใกล้จะสางทั้งสองจึงนอนจีบกันสักพัก ตอนที่จันวิภากำลังงัวเงียก็ได้ยินเสียงสวบสาบดังขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นว่าเปมิศาแต่งตัวเรียบร้อยกำลังเก็บ
ของ
จันวิภาตื่นขึ้นมาจับที่เสื้อผ้าแล้วถาม จะเดินทางแล้ว ทำไมไม่ปลุกฉัน?”
“ยังไม่รีบให้เธอนอนต่ออีกหน่อย
“ไม่นอนแล้วไม่นอนแล้วต้องฮึกเหิม
เพื่อเป็นการให้ตัวเองตื่นขึ้นมาจนวิภาจึงใช้น้ำเย็นล้าง
เมื่อน้ำเย็นๆนั้นลูบผ่านหน้าทำให้รู้สึกขนลุก
กระจกในห้องน้ำเล็กมากจนวิภามองตัวเองในกระจกรู้สึก ราวกับทุกอย่างเหมือนกับความฝัน
เห้อถ้าเป็นแค่ความฝันก็คงดีนะสิแปบอีกไม่นานก็จะได้ เห็นลูกชายและสามีที่รักแล้ว
“ไอติมเสร็จยัง?”
ได้สติกลับสู่โลกความเป็นจริงจันวิภาใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้า แล้วพูดขึ้น“โอเคออกไปเดี๋ยวนี้แหละ
ณตอนนั้นเปมิศาที่นั่งอยู่ด้านข้างโต๊ะเห็นจันวิภาออกมา จึงดัน โต๊ะไปด้านหน้าแล้วพูดขึ้นรีบกินซะกินอิ่มแล้วพวกเราก็ ไปกัน
“แล้วเธอกินรึยัง?
“ฉันกินแล้ว”
“อืม”
หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วในวิภาก็กินเข้าไปรู้สึกว่ารสชาติ
ธรรมดามาก
กินไปได้สักพักจันวิภาเงยหน้าขึ้นมาพบว่าเปมิศากำลัง จ้องมาที่ตัวเองสีหน้าดูสับสน
“เปมิศาเธอเป็นอะไร?
เปมิสาขบที่ริมฝีปากเบาๆครุ่นคิดอยู่ซักพกแล้วถาม
ขึ้น”ไอติมถ้าหากฉันหมายถึงถ้าหากเธอรู้ว่าฉันหลอกเธอเธอ จะให้อภัยฉันไหม?
“ก็ต้องดูว่าเรื่องไหน”
“เช่นเรื่องครอบครัวของเธอ
“นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเข้ามาข้องเกี่ยว
“งั้นก็หมายความว่าพูดอะไรต่อไม่ได้แล้ว
“ใช่”จันวิภามีสีหน้าไม่เข้าใจแล้วจึงถามกลับ อยู่ดีๆเธอ มาถามเรื่องพวกนี้ทำไมเนี่ย?
“ก็มันไม่มีอะไรทำเลยหาเรื่องคุยเฉยๆ
เปมิศาได้แต่เคาะนิ้วบนโต๊ะแล้วก็หลบสายตา
จนวิภารู้สึกไม่อยากกินแล้วจึงวางตะเกียบลงแล้วถามเป มิศาเธอมีเรื่องปิดบังฉันเหรอ?”
เปมิศาตอบตามตรงทำให้ฉันวิภาไม่รู้จะถามยังไงต่อ
“แล้วเธอจะบอกฉันได้ไหมพูดออกมาฉันอาจจะช่วยเธอ
คิดได้”
“ฉันกลัวว่าถ้าพูดออกไปพวกเราจะเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก หนักหนาขนาดนั้นเลยเหรอ…54
จันวิภาลังเลแล้วมองเปมิศาอย่างไม่รู้จะทำยังไงดี
“นี่เลิกมองฉันได้แล้วหมี่เย็นหมดแล้ว เธอพูดพลางยื่นมือ ไปกุมมือเล็กๆของจันวิภาแล้วพูดต่อ อย่างไรก็ตามเธอจำไว้ว่า ฉันจะไม่มีทางทำร้ายเธอแน่นอน
จันวิภา ใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมาแล้วก็พูดขึ้นที่จริงพวก เราแยกกันไปก็ได้”
สายตาของเปมิศาดูดุดันขึ้นมาแล้วถามขึ้น เธอไม่เชื่อใจ ฉันเหรอ?”
“ไม่ใช่ไม่ใช่ฉันกำลังคิดว่าถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันปองคง ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้แล้วเธอก็คงไม่ถูกลากเข้ามาข้องเกี่ยว ในความวุ่นวายนี้ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ
“คนที่ลักพาปองไปก็ไม่ใช่เธอซักหน่อยเธอจะโทษตัวเอง ทําไมกัน?”
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนบงการแต่ถ้าพวกเธอไม่เจอฉันก็ คงไม่ตกอยู่ในอันตราย จันวิภาพูดถึงตรงนี้ก็หยุดลงแล้วทำ เหมือนกับกำลังตัดสินใจครั้งใหญ่พร้อมกับพูดขึ้นอีก ถ้าไม่โอ เคจริงๆก็ให้ฉันไปเจอสุพจน์เถอะฉันไม่ยอมเห็นพวกเธอตกอยู่ ในอันตรายแน่”
“ถึงเธอไปก็แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เธออย่ากังวลไปเลยฉันจะ จัดการทุกอย่างเอง”
“เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะฉันแต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้ ซักอย่างได้แต่มองดูเธอเผชิญหน้ากับอันตรายมันรู้สึกแย่ จริงๆ
“แต่การเข้ามาของเธอไม่ใช่เพียงแก้ปัญหาไม่ได้ยิ่งทำให้ ปัญหามันยุ่งวุ่นวายมากขึ้นถ้ามันเป็นแบบนั้นเธอยังอยากเข้า มายุ่งอีกไหม?
สิ่งที่เปมิศาพูดทำให้ฉันวิภารู้สึกแย่เธอจึงถามขึ้นด้วยความกังวล ฉันมันแรงน้อยขนาดนั้นเลยเหรอ?
เปมิศายิ้มแล้วลูบผมของจันวิภาพลางพูดขึ้น ไม่ใช่ปัญหา ที่ว่าแรงน้อยแต่เธอไม่ควรจะมาคิดเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำรีบๆกิน หมชะพวกเราจะได้ไปกันซักที
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ