ตอน426พ่อและลูก
ตอนที่ 426 พ่อและลูก
จันวิภาก็มองหน้าสุพจน์ด้วยสายตาแบบเดียวกัน เธอรู้สึก ว่าโต้ตอบไปก็ไร้ประโยชน์ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงสุมิตร สายตาของ สุพจน์จะเต็มไปด้วยความอาฆาตและเกลียดชัง เรื่องนี้ทำกัน วิภารู้สึกเกรงกลัว
ในขณะเดียวกัน สุมิตรที่โดนสุพจน์เกลียดชังก็ตาแดงก่ำ เช่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่เพราะความเกลียดชัง แต่เพราะว่าเขาไม่ ได้พักผ่อนมาหลายวันมากแล้ว
สุมิตรที่นั่งอยู่ในรถดูอ่อนแอมาก ธนภาคหันหน้าไปมอง หน้าเขาแล้วพูดว่า “ถ้าเกิดว่าฉันไม่พูดถึงนายก็คงจะลืมนิเวศน์ ไปแล้วตอนนี้ฉันวิภาไม่อยู่นายก็ยิ่งตเองดูแลเขาดีๆ
สุมิตรถอนหายใจพร้อมตอบว่า “ฉันรู้แล้ว แต่เพราะว่าฉัน เป็นห่วงจันวิภามากไปหน่อย นิเวศน์ไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ ไหม?”
“ปัญหาน่ะไม่มีหรอก แต่ว่าตอนนี้ทุกคนห่วงที่เขาเป็นบ้า ไปแล้ว นายสองคนพ่อลูกนี่ช่างเหมือนกันจิงๆเลยนะ ถ้าตัดสิน ใจจะทำอะไรแล้ว ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนว่าธนภาค กำลังบ่นสุมิตรอยู่ยังไงยังงั้น
สุมิตรไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ลูบผมตัวเองอย่างละอายใจ
“ช่วงนี้พัชรีเป็นคนดูแลนิเวศน์อยู่ แต่ว่าเจ้าเด็กคนนี้ เอาแต่นั่งจ้องคอมพ์ตามหาช่องโหว่ของสุพจน์ทั้งวัน แต่ว่าเจ้า นั่นมันเตรียมตัวมาดีมาก ทั้งๆ ที่นิเวศน์พยายามจะใช้แทบจะ ทุกวิธีแล้ว” แล้วธนภาคก็พูดต่อว่า “ไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมยังไงก็ ไม่ยอมฟัง แถมยังเจาะข้อมูลบริษัทใหญ่ๆอีกตั้งหลายที่ ตอนนี้ โลกธุรกิจวุ่นวายไปหมด มีคนบอกว่าจะตามจับนิเวศน์ ฉันน่ะ ไม่กังวลเรื่องความสามารถของนิเวศน์หรอก แต่ถ้าเกิดพวกนั้น รวมตัวกันเพื่อตามจับเขาก็เริ่มจะดูอันตรายแล้วนะ
ธนภาคร่ายยาว ถึงแม้ว่าสุมิตรจะไม่ได้ตอบอะไร แต่ใน ใจก็เริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับเขาเอง” หลังจากผ่านไปนานใน
ที่สุดสุมิตรก็พูดออกมาหนึ่งประโยค
กว่าจะมาถึงคฤหาสน์ของธนภาคก็แล้ว พัชรีนั่งเครียด อยู่บนโซฟา พอเห็นธนภาคกับสุมิตรกลับมาแล้วก็ถอนหายใจ อย่างโล่งอก คิดในใจว่าในที่สุดก็กลับมาช่วยกันแล้ว
“รีบไปดูนิเวศน์ไป ฉันไม่ไหวแล้ว
พัชรีดูเหนื่อยหน่ายมาก พูดไปพลางเอามือเช็ดเหงื่อที่ หน้าผากจนผมเปียก สีหน้าซีดเซียวไปหมด
ธนาคมองหน้าเธอด้วยความสงสาร พูดด้วยน้ำเสียง อ่อนโยนว่า “เธอไปพักผ่อนเถอะ แค่มีฉันกับสุมิตรอยู่ก็พอแล้วดูเหมือนเธอจะนอนไม่ค่อยพอเท่าไหร่เลยนะ
เพื่อจนวิภาแล้ว หลายวันมานี้ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวายกันมาก
สุมิตรขอบคุณพัชรีเสร็จก็เดินขึ้นไปที่ห้องคอมพ์ของ นิเวศน์ทันทีในห้องมืดมาก และยังเต็มไปด้วยบรรยากาศความ รู้สึกกดดันเต็มไปหมด
นิเวศน์นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอาแต่จ้องไปที่คอมพ์สามตัวนั้น คอมพ์ทั้งสามเครื่องก็จะมีฟังก์ชันต่างกัน แต่ว่าความถี่มันสูง มาก จากนั้นก็เห็นนิเวศน์กดแป้นพิมพ์นั้นอย่างรวดเร็ว เขาข ดวงตาที่แดงก่ำของเบาๆ ภายในห้องมีแต่เสียงซ่าของ คอมพิวเตอร์เท่านั้น ใบหน้าของนิเวศน์ถูกปกคลุมด้วยแสง จากหน้าจอ เขามีสมาธิมาก แม้แต่สุมิตรมายืนอยู่ที่ประตูเขา ยังไม่รู้ตัวเลย
สุมิตรไม่อยากรบกวนเขาเลยได้แต่ยืนมองเขาอยู่ตรง ประตู ทันใดนั้นน้ำตาเขาก็ตื้นขึ้นมา
สุมิตรรู้ดีว่าที่เขาจะร้องไห้ไม่ใช่เพราะว่าเขาอ่อนแอ แต่ เพราะว่าเขาซึ้งใจในการกระทำของนิเวศน์ต่างหาก
เด็กคนนี้ควรได้รับความสุขตามวัยของเขา แต่เพราะพ่อ แม่ เลยต้องมาแบกรับภาระที่ใหญ่เกินกว่าที่เด็กวัยเขาควรจะ
เจอ
เพื่อจันวิภาแล้ว นิเวศน์ยอมทำแบบนี้ แต่ว่ามันชักจะ อันตรายเกินไปแล้ว ร่างกายเขาจะทนไหวอีกนานแค่ไหนกัน
ความแข็งแรงของร่างกายเขามันเทียบกับความแข็งแรง ทางสมองเขาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
นิเวศน์ค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ตรงข้างๆนิเวศน์ ยื่นมือไปกุม มือเล็กๆของนิเวศน์ที่กำลังกดคีย์บอร์ดอยู่ มือเล็กๆนั้นเย็นจนทำให้สุมิตรยิ่งรู้สึกปวดใจ
“จะทำอะไร ฉันบอกแล้วไงว่าไม่กิน…
นิเวศน์มีอารมณ์ฉุนเฉียวแบบที่เห็นได้ยาก ดูจากการที่ เขาพูดก็รู้เลยว่าเขาก็ไม่ได้กินไม่ได้นอนมาหลายวันแล้วเหมือน กัน
นิเวศน์สะบัดมือสุมิตรออกแล้วกำลังจะกลับไปกด คีย์บอร์ดอย่างเดิม ทันใดนั้นสุมิตรก็พูดออกมา “นิเวศน์ นี่ปะ เอง!”
นิเวศน์หยุด แล้วก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอ เขา จ้องหน้าสุมิตรอยู่สักพัก จากนั้นก็เลียริมฝีปากที่แห้งแตกของ ตัวเองและพูดว่า “ปะ กลับมาแล้วเหรอ?”
สุมิตรลูบหัวของนิเวศน์ด้วยความรัก แล้วก็ย่อตัวลงมาคุย กับนิเวศน์ “ถ้าลูกมัวแต่ทำแบบนี้ร่างกายจะแย่เอานะ
นิเวศน์กัดริมฝีปากแน่นพร้อมพูดว่า “ไม่ ผมไม่กลัว ผม อยากช่วยปะ
สุมิตรมองดวงตาที่แดงก่ำและแขนเล็กๆ ที่สั่นเทาของ นิเวศน์ด้วยความเจ็บปวด แล้วตอบว่า “ถ้าลูกเป็นแบบนี้ก็จะยิ่งทำให้ปะยิ่งกังวลเข้าไปอีกนะ ดูตาลูก จะไม่ไหวอยู่แล้ว
นิเวศน์บ่นพึมพำว่า “แค่ว่าปะก็ลำบากเหมือนกันนะ ผม ก็อยากจะรีบพาหม่ามกลับมาให้เร็วที่สุด”
แต่สุมิตรเห็นว่าตอนนี้ร่างกายของนิเวศน์อ่อนแอมากแล้ว ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไปต้องเกิดอะไรไม่ขึ้นแน่ๆ เขาเลย พยายามทำสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมคอยว่า “ถ้าเกิดลูกยังไม่ยอม ไปพักผ่อน ปะปีจะโกรธแล้วนะ”
เป็นครั้งแรกที่เขาทำสีหน้าแบบนี้ใส่นิเวศน์ เขาคิดว่าถ้า ใช้วิธีเข้มงวดจะบังคับสุมิตรได้ แต่สุมิตรกลับตอบเขาด้วยน้ำ เสียงโมโห “ปะปีก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ แล้วจะมาสนใจผม ทำไมกันล่ะ”
ที่จริงนิเวศน์ก็ดูออกว่าสุมิตรอดหลับอดนอนจนผอมแห้ง
สุมิตรไม่ฝืนอีกต่อไป เขาเลิกขมวดคิ้วแล้วตอบอย่าง ใจว่า “ถ้ายังงั้น ไปพักผ่อนกับปะโอเคไหม
นิเวศน์หันไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วก็รู้สึกลังเลเล็ก
น้อย
สุมิตรจับไหล่ของเขาและพูดน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าดื้อ สิ ต้องพักผ่อนถึงจะมีแรงไปตามหาหม่าได้เต็มที่ไง
นิเวศน์พยักหน้านิ่งๆ
ธนภาคที่ยืนมองอยู่ตรงประตูก็คิดในใจว่า ไม่ว่าใครจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ต้องมีด้านที่อ่อนแอกันทั้งนั้น
ในตอนนั้นพัชรีก็เดินมาหาสุมิตรพร้อมพูดว่า “ฉันทำ บะหมี่ไว้ให้นายกับนิเวศน์ ลงไปกินกันก่อน โอเคไหม?”
สุมิตรที่เห็นท่าที่เห็นอกเห็นใจของพัชรีแล้ว เขาก็รู้สึก ซาบซึ้ง พลางบอกเธอว่า “หลายวันมานี้ ขอบคุณเธอมากนะ
พัชรีตอบอย่างหนักแน่นว่า “คราวที่แล้วตกลงว่าเราจะ เป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่าพูดจาห่างเหินแบบนี้อีกนะ ไม่งั้นฉันจะไม่แฮปปี้
สุมิตรรู้ดีว่าพัชรีเป็นคนตรงไปตรงมา เขาก็ได้แต่ยิ้มพลาง พยักหน้า
หลังจากนั้นสองพ่อลูกก็สวาปามบะหมี่สองถ้วนภายใน พริบตาเดียว พอกินเสร็จ นิเวศน์ก็นอนพึ่งพุงบนตักของนิเวศน์ แล้วก็ผล็อยหลับไป
สุมิตรค่อยๆอุ้มเขากลับไปนอนที่ห้อง ตอนนี้เขารู้สึก สบายใจขึ้นเยอะเลย
ถึงแม้ว่าวันนี้จะยังตามหาจนวิภาไม่พบ แต่ก็ยังเล่นงานได้ สุพจน์นั่นกลับไปได้บ้าง ตัดกำลังกลุ่มลูกน้องของมันไปได้ เยอะ
อีกทั้งยังทำให้นิเวศน์ยอมพักผ่อนได้สำเร็จ
ไม่ว่าจะพูดยังไง วันนี้คงเป็นวันที่ดีที่สุดในบรรดาช่วง เวลาที่เลวร้ายนี้แหละนะ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ