ตอน407 ครอบครัวสามคน
ตอนที่ 407 ครอบครัวสามคน
ที่จริงแล้วธนภาคบจนวิภาร่วมกันวางแผนการรวมตัว อย่างลับๆ และนิเวศน์ก็คือคนที่ออกแรงมากที่สุดในงานนี้
ถ้าจะให้พูดก็คือ นิเวศน์รู้สึกเบื่อมากถึงมากที่สุด เพราะ ว่าในวิภากับสุมิตร ตอนกลางวันก็ไปทำงาน แต่พอเลิกงานมา ก็ไม่ชอบอยู่ด้วยกัน เขาต้องการอยู่แบบครอบครัวครบสาม คน
แต่ถึงแม้ว่านิเวศน์จะรู้สึกเบื่อหน่าย แต่เขาก็ไม่กล้าไป รบกวนความสุขของปะหม่าเพราะเหตุผลนี้หรอก ก็เลยได้ แต่นั่งเงียบๆเล่นคอมพ์ไป
ตอนนี้ชีวิตของนิเวศน์แบ่งได้หลักๆอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรก คอยสังเกตดูความเคลื่อนไหวของสุพจน์
เพราะว่าการที่สุพน อยู่ห้องนั้นนานทำให้เขารู้สึกสงสัย และกังวล
ข้อที่สองคือ จันวิภาไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่มีธุระก็จะชอบ ออกไปตามหาเจริญศรี สุดท้ายก็พบว่าตอนนี้ชีวิตผู้หญิงคนนี้ โหดร้ายราวกับไม่ได้เหมือนอยู่บนโลกมนุษย์
ถึงแม้ว่าไม่ควรเอาความทุกข์ของคนอื่นมาเป็นความสุข ของตัวเอง แต่ว่าการที่ได้เห็นคนที่คอยรังแกหม่ามีของตัวเอง ได้รับผลกรรม นิเวศน์ก็รู้สึกสุขใจ
การที่ได้มองดูชีวิตของเจริญศรีก็เหมือนการที่ได้ดูหนัง เรื่องนึงอย่างใดอย่างนั้น
แต่ถ้าเขาเล่นสนุกกับทั้งสองเรื่องนี้จบแล้ว นิเวศน์ก็จะหัน มาสนใจเรื่องของคนรอบตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเขารู้ว่าพัช กับธนภาคคบกันแล้ว เขาก็พยายามให้จนวิภาจัดกิจกรรม นี้มาโดยตลอด
จันวิภารู้ว่า ถ้าธนภาคไปคุยกับพัชรีก็น่าจะไม่มีปัญหา อะไรแล้ว แต่ว่าการที่จัดการเตรียมพร้อมเรื่องทั้งหมดนี้ให้ เสร็จเรียบร้อยก่อนค่อยไปบอกสุมิตร จะเป็นการไม่ให้เกียรติ เขาเกินไปรึเปล่า?
แต่ที่จริงแล้วจั่นวิภาวิตกเกินไปเอง สุมิตรไม่ได้รู้สึกโกรธ หรือแปลกใจอะไรหลังจากรู้เรื่อง กลับชื่นชมจันวิภาซะด้วยซ้ำ
แถมยังบอกว่ากันวิภาเป็นคนเข้าอกเข้าใจคนอื่น สมกับ เป็นคุณหญิงของสุมิตรจริงๆ
ตอนแรกจนวิภาคิดว่าสุมิตรพูดประชด แต่ว่าเขาก็ พยายามอธิบายให้เธอฟัง “ฉันคิดว่า เพื่อเธอแล้ว ฉันอยากจะ เป็นคนที่ดีขึ้น ความผิดที่ตัวเองเคยทำลงไป ก็อยากจะชดใช้ มัน ความอคติที่พัชรีมีต่อฉัน เกิดขึ้นเพราะฉันทำตัวฉันเอง ที่ จริงฉันก็ควรขอโทษเธอ
เมื่อวันวิภาได้ยินคำพูดพวกนี้ก็ตะลึงไปเลย
พูดอะไรไม่
ออก
“คือ ง่ายขนาดนี้เลย?” จันวิภายื่นมือไปจับหน้าผากของ มิตรดูว่าเขามีไข้รึเปล่า
ถึงแม้ว่าเมื่อกี้ ตอนที่สุมิตรฟื้นขึ้นมาจะเคยพูดอะไรแบบนี้ มาแล้ว แต่มันก็เป็นแค่การพูดลอยๆขึ้นมาเฉยๆ ไม่ได้ดู จริงจังเหมือนตอนนี้เลย
สุมิตรรู้ว่าฉันวิภากำลังคิดอะไรอยู่ อธิบายต่อว่า “แน่นอน ว่าอีกเหตุผลก็คือ พัชรีเป็นเพื่อนรักของเธอ ฉันไม่อยากให้ พวกเธอห่างกันเพราะฉัน ในเมื่อมีโอกาสได้แก้ไขแล้ว ทำไม จะไม่ไปล่ะ ไม่งั้นต่อไปฉันกับธนภาคคงจะไปมาหาสู่กันยาก
ที่แท้แล้วสิ่งที่จันวิภาคิดมาโดยตลอด สุมิตรก็คิดเหมือน เธอเช่นกัน ไม่แน่ว่าถ้าจนวิภาไม่จัดให้มารวมตัวกันในครั้งนี้ เขาอาจจะจัดเองก็ได้
สรุปว่า การรวมตัวในครั้งนี้ก็ได้ข้อตกลงแล้ว
วันรุ่งขึ้นตอนใกล้ค่ำ วันวิภาแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงจะใช้เวลาในการแต่งตัวมากไปหน่อย แต่ก็ออกมาเป็นการ แต่งหน้าแบบธรรมชาติ สวมเสื้อแขนกุดสีชมพูอ่อนพร้อม กระโปรงลูกไม้สีม่วง ถึงแม้ว่าจะเป็นทางการไปหน่อย แต่ก็ดู มีความเป็นผู้ใหญ่
ส่วนสุมิตรก็ใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัวเหมือนเดิมที่ใส่มาล้านปีแต่นิเวศน์ก็ได้ขอให้เขาเปลี่ยนเป็น ใส่เนกไทสีฟ้า บอกว่าแบบ นี้ถึงจะดูผ่อนคลาย ไม่เป็นทางการมากเกินไป ไม่งั้นถ้าคนไม่รู้ คงจะคิดว่าเขาจะไปเจรจาธุรกิจน่ะสิ
นิเวศน์แต่งตัวเหมือนสุมิตรไม่มีผิด เหมือนเป็นสุมิตรรุ่น
จิ๋ว ทั้งสองคนไม่ได้เพียงแค่แต่งตัวเหมือนกัน ดวงตาและ อารมณ์ความรู้สึกก็เหมือนกันมากเช่นกัน
ตอนแรกจนวิภาคิดว่านิเวศน์คงไม่ยอมใส่ชุดนี้แน่ๆ แต่ ว่าเขากลับเต็มใจมากที่จะแต่งตัวแบบพ่อของเขา
ถ้าในวิภาบอกว่าไม่อิจฉาก็คงจะโกหก เพราะว่าตอนที่ เธอแต่งตัวให้เขาเผลอกันเขาไปสองที่ด้วยความมั่นเขี้ยว แต่ นิเวศน์กลับร้องขอให้ปะมาช่วย
สุมิตรได้แต่ยืนมองแม่และลูกชายเล่นกันอยู่ข้างๆ รู้สึก เพลิดเพลินและมีความสุข แต่นั่นกลับทำให้ฉันวิภายิ่งรู้สึก
หดหูเข้าไปอีก
สุมิตรเป็นคนขับรถ ทั้งสามคนต่างก็หยอกล้อกันไปมาใน ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปถึงจุดหมาย
สถานที่นัดหมายไม่ได้อยู่ในร้านอาหารตะวันตกที่หรูหรา แต่เป็นที่ร้านอาหารจีนธรรมดาๆ
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความเห็นของนิเวศน์ เพราะว่าเขาหลงใหลในรสชาติของอาหารจีน ว่าบรรยากาศในร้านอาหารจีนมันดูคึกคักกว่า
แต่ไม่ใช่
แต่เป็นเพราะ
เพราะยังไงนี่ก็เป็นการนัดเจอกันของเพื่อนๆ แต่ว่าถ้า เป็นการเตทคงจะไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่นัก
หลังจากทั้งสามคนมาถึงร้านอาหารก็พบว่ายนภาคกับพืช มาถึงก่อนแล้ว
วันนี้พัชรีสวมชุดเดรส เวลาที่เธอคุยกับธนภาคเธอดูอ่อน
โยนและนุ่มนวล นี่ทำให้ฉันวิภาถึงกับต้องขยี้ตากันเลยทีเดียว พอเห็นสุมิตรกับอีกสองคนเดินเข้ามา พัชรีที่กำลังหัวเราะ คึกคักกับธนภาคก็หยุดทันที แล้วก็ฝืนยิ้มแบบกระอักกระอ่วน
แต่ว่าทุกคนรู้ว่ารอยยิ้มนี้เธอไม่ได้ยิ้มให้สุมิตร แต่เธอแค่ ไม่รู้จะทำหน้ายังไงกับผู้ชายเลวๆคนนี้ที่เคยด่าเธอมานับครั้ง ไม่ถ้วน
จนวิภาไม่ได้สนใจเหตุการณ์ตรงหน้า เธอพูดเสียงดัง “เฮ้ พัชรี ฉันไม่ได้มองผิดใช่ไหมเนี่ย เธอสวมกระโปรง แถมยังชุด เดรสอีก นี่มันเกินความคาดหมายไปมากจริงๆ
ในที่สุดสุมิตรก็มีปฏิกิริยากับคำพูดของเธอ ครอบครัว สามคนมองไปที่พัชรีพร้อมกัน รู้สึกว่ามุมมองที่พวกเขาเคยมี ต่อโลกใบนี้ แต่รับการโจมตี
พัชรีรู้ว่าจันวิภาต้องตกใจ แต่ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้ก็จะ แปลกใจไปกับเขาด้วย
ในเวลานี้ ปากของฉันวิภาอ้ากว้างเหมือนยัดไข่ลงไปได้
ทั้งใบ
เธอหันไปมองหน้านิเวศน์ พัชรีสางผมพร้อมกับพูดว่า
“พวกเธออย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม ไม่งั้นครั้งหน้าฉันไม่กล้าแต่ง
ตัวแบบนี้แล้วนะ”
ธนภาคที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ช่วยพูด “ถูกต้อง จันวิภา พัชรีของ ฉันก็แค่ใส่ชุดเดรสเอง ต้องตกใจขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าต่อไป ฉันได้เห็นแต่พัชรีใส่ชุดแข่งรถล่ะก็ คนแรกที่ฉันจะไปจัดการ คือเธอ”
จนวิภาหัวเราะออกมา แล้วก็หันกลับไปมองสุมิตรและ นิเวศน์ที่กำลังพยายามกลั้นอยู่เหมือนกัน เกือบจะกลั้นไว้ ไม่อยู่แล้ว
โดยเฉพาะนิเวศน์ ปากเล็กๆกลั้นขำจนกลายเป็นสีแดงไป หมด ดูราวกับลูกโป่งที่กำลังจะระเบิด
ต้องบอกว่า ครอบครัวนี้ช่างน่าหนักใจซะจริงๆเลย
พัชรีเห็นจันวิภาไม่ยอมหยุดหัวเราะซักที แถมด้านหลังพ่อ ลูกยังพยายามกลั้นขำ แล้วทั้งสองคนพ่อลูกยังแต่งตัวเหมือน กันอีก อย่างกับตุ๊กตารัสเซียยังไงยังงั้น ภาพที่เห็นทำให้พัชรี โกรธไม่ลงจริงๆ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ