พิชิตใจนายปีศาจ

ตอน301 อุบัติเหตุของสุมิตร



ตอน301 อุบัติเหตุของสุมิตร

ตอนที่301 อุบัติเหตุของสุมิตร

ต่อมา จนวิภาถือว่าสุมิตรเป็นเพื่อนสนิท ไม่สนใจว่าเขา ทำอะไรลงไป จะใช่หรือไม่ใช่สมาคมดำมืดก็ตาม เรื่องของ บุญคุณ จันวิภาจะไม่มีวันลืม

ดังนั้นเมื่อได้ยินคำแนะนำจากสุพจน์ จันวิภาก็ส่ายหน้า อย่างเด็ดเดี่ยว ปฏิเสธออกมาว่า “ไม่ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ คุณ ก็รู้ ฉันไม่ชอบวิธีการของสมาคมด่ามืด มันโหดร้าย ฉันไม่ ชอบ”

“ก็ได้” เมื่อเห็นว่าการโน้มน้าวไม่ได้ผลอีกครั้งสุพจน์จึง ละทิ้งความตั้งใจที่จะได้แก้แค้นให้ในวิภากับเขาไป และพูด อย่างหมดหนทางว่า “ในเมื่อคุณไม่ชอบ ผมก็จะไม่บังคับคุณ ทานอาหารเช้ากันก่อนเถอะ

“อืม” จันวิภาพยักหน้า

สุพจน์มองดูจันวิภา ในขณะที่กำลังทานอาหาร ในใจรู้สึก สูญเสียและเสียใจขึ้นมาฉับพลัน เขารู้ว่าฉันวิภาเป็นคนใจอ่อน แต่สามารถเมตตาต่อคนที่ฆ่าพ่อตัวเองได้ เขาไม่รู้ว่ามันดีหรือ ไม่ แต่ก็คงดีกว่าที่จะแค้นเคือง

ในความเป็นจริงสุพจน์คิดว่ามันไม่สำคัญว่าฉันวิภาจะสามารถตอบได้หรือไม่ ถ้าตอบตกลง ให้ฉัน ภาเป็นหนี้เขา มากกว่าหนึ่งครั้ง มันจะดีกว่าที่จะขอบคุณเขา เช่นนี้แล้วก็ เท่ากับว่าจันวิภาไม่มีทางคิดที่จะทิ้งตนไป

ในตอนนี้ทั้งจันวิภาและสุพจน์ต่างไม่รู้ว่าที่มุมบันได นิเวศน์กำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้านิ่งสงบ การแสดงออก บนใบหน้าของเขาอยากที่จะคาดเดา มันไม่ชัดเจนว่าเขากำลัง คิดอะไรอยู่

ตกใจ สิ้นหวัง เจ็บปวด และที่ยิ่งกว่านั้นคือ เย็นชา

นิเวศน์ไม่เคยคิดฝันเลยว่าพ่อบุญธรรมจะอยากฆ่าพ่อแท้ๆ ของตน! จากที่ได้ฟัง พ่อบุญธรรมคงจะเกลียดคุณพ่อมาก แต่ ว่ามันเพราะอะไรกัน

เพราะเชื่อใจสุพจน์ นิเวศน์จึงไม่เคยสืบประวัติของเขาเลย จึงไม่รู้อดีตของเขา ไม่รู้ที่มาที่ไปในเรื่องที่เกลียดคุณพ่อของ ตนมากขนาดนี้ ถึงขนาดอยากฆ่าคุณพ่อ

นิเวศน์รู้สึกตกใจกับเรื่องราวที่ไม่คาดคิดนี้ เขายืนอยู่ตรง นั้นเป็นเวลานาน ไม่สามารถจะฉุดสติกลับมาได้ นิเวศน์กลับ ไปที่ห้องด้วยความค่อนข้างสับสนมึนงง เขาล้มลงบนเตียง เขา มองขึ้นไปบนเพดาน คำพูดของสุพจน์เมื่อครู่นี้สะท้อนในจิตใจ

ที่จริงแล้วด้วยอายุก็ยังคงเป็นเด็ก เขาไม่เคยต้องประสบ กับความโหดร้ายของมนุษย์ ลมกรรโชกพายุโหมกระหน่ำ คุณผิดต่อฉันฉันหักหลังคุณ การต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ ไม่เคยเห็น ความสุดแสนอัปลักษณ์ของมนุษย์

ถึงแม้ว่านิเวศน์จะรู้มาก แต่แท้ที่จริงแล้วเขาก็อายุเพียง ห้าขวบ เวลาห้าปี เกือบจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองดูแลของฉัน วิภาและสุพจน์ทั้งหมด ยากที่จะมีโอกาสได้เห็นด้านมืดในโลก มากมายขนาดนี้ และความสนใจของเขาคือคอมพิวเตอร์ อย่า พูดถึงการออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเลย

จะว่าไป ที่สุพจน์ที่เขาอย่างหนักในครั้งนี้ ไม่ต้องพูดเลย ว่าสุพจน์ยังเป็นคนที่เขาเคารพมากที่สุด ถ้าไม่มีสุมิตร บางที เขาก็อาจให้สุพจน์มาเป็นพ่อของเขาก็ได้

ทำไมกัน เพราะอะไร…

คำคำนวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา ชั่วขณะนั้น นิเวศน์ ยังมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ไม่สามารถยอมรับได้

มันเป็นสิบนาทีหรือกว่านั้นที่อยู่ในอาการตระหนก แล้ว นิเวศน์ก็ค่อยๆ สงบลงมา เขาลุกขึ้นจากเตียง วิ่งไปเปิด คอมพิวเตอร์ มือเล็กกดหาอะไรบางอย่าง มองหาคำตอบที่เขา ต้องการ

แสงสีขาวบนหน้าจอส่องใบหน้าเล็กของเขา ดูเหมือนสงบ เยือกเย็นเป็นพิเศษ มีร่องรอยของความเย็นชา

คนฉลาดเช่นนิเวศน์ในที่สุดก็เข้าใจ ดีกว่าหนีเป็นคนขี้ ขลาดและเฝ้าแต่ถามตัวเองแบบนั้นมันไร้ประโยชน์ ยังดีเสียกว่าที่จะค้นหาคําตอบนั้นด้วยตัวเอง แก้ปริศนาทั้งหมดด้วย พลังของตัวเอง นั่นถึงจะเป็นคนฉลาดที่แท้จริง

จนวิภากับสุพจน์ยังคงทานอาหารในห้องอาหารที่ชั้นล่าง ซึ่งแน่นอนว่า เป็นสุพจน์ที่นั่งมองจันวิภาทาน รอจนจนวิภา ทานเสร็จสุพจน์ก็ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นิเวศน์ล่ะ ทำไมไม่เห็นเขาลงมาพร้อมกับคุณเลย

“นิเวศน์เหรอ ฉันเห็นเขาหลับสนิทนะ เมื่อคืนตอนฉันกลับ ดันไปทำให้เขาตื่นขึ้นมา เมื่อครู่จึงยังไม่อยากปลุกเขา อยาก ให้เขานอนต่ออีกสักหน่อย” จันวิภาพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“อ๋อแบบนี้นี่เอง” สุพจน์พยักหน้า แล้วจากนั้นก็ลุกขึ้น หยิบเสื้อขึ้นแล้วพูดกับฉันวิภา “เดี๋ยวผมออกไปทำธุระหน่อย ไปก่อนนะ คุณมีอะไรก็โทรหาผม

“ได้” จันวิภาพยักหน้า แล้วลุกขึ้นออกจากโต๊ะไป

สุพจน์เดินออกประตูไป จนวิภาก็หันตัวเดินขึ้นบันไดไป ไปถึงประตูห้อง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ไม่แปลกใจที่เห็นนิเวศน์ ลุกขึ้นมาแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้คาดไว้ คือเห็นนิเวศน์นั่งหัน หลังให้เธอกำลังเล่นคอมพิวเตอร์

จันวิภาเดินเข้าไปแล้วใช้หลังมือปิดประตู จากนั้นก็พูด ด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า “นิเวศน์ ลุกแล้วทำไมไม่ลงไปทาน อาหารเช้า ตื่นขึ้นมาก็เล่นคอมฯ เลย นี่ไม่ใช่นิสัยที่ดีเลยนะ
เมื่อได้ยินเสียงของจันวิสา นิเวศน์จึงหันไปมองจันวิภา

จนวิภาเปิดไฟในห้อง เมื่อเธอได้เห็นสีหน้าหนักของ นิเวศน์แถมยังมีดวงตาที่เป็นสีแดงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจมาก

“นิเวศน์ ลูกเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ลูกร้องไห้เหรอ” จัน วิภาเดินเข้ามา รู้สึกเจ็บปวดเมื่อยมองลูกรักของตน

“มามี” นิเวศน์เปิดปาก แล้วจันวิภาก็ได้ยินเสียงเขา สะอื้นออกมา ดูเหมือนว่ามันถูกกักเก็บเอาไว้มาเป็นระยะเวลา นานแล้ว

จนวิภามองดวงตาของเขาที่เป็นสีแดง น้ำตาไหลลงมา

ไม่หยุด

สิ่งที่ทำให้ในวิภาหวาดกลัว ตั้งแต่เด็กยันโต จันวิภายัง ไม่เคยเห็นลูกรักของตนร้องไห้ แม้แต่ตอนที่เพิ่งเกิดก็ไม่ค่อย ร้อง

จันวิภารีบเข้าไปกอดเขาเอาไว้ในอ้อมแขนตน ถามขึ้น แผ่วเบา “นิเวศน์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลูกมีอะไรบอกมามาได้ เลย!”

นิเวศน์ยกมือเล็กเช็ดน้ำตาออกจากหางตา เขากลั้นน้ำตา พยายามที่จะสงบนิ่ง แต่เสียงอันสั่นเทาก็แสดงให้เห็นถึงความ รู้สึกของเขาในตอนนี้ได้ดี

นิเวศน์เงยหน้ามองจันวิภา เสียงสะอื้นเอ่ยพูดกับฉันวิภา ว่า “มามี มามไปเยี่ยมคุณพ่อที่โรงพยาบาลเถอะครับ คุณพ่อ…กําลังจะตาย

“ลูกพูดอะไรนะ!” ค่านิเวศน์พูดออกมา จันวิภายังคิดว่า ตัวเองได้ยินผิด เมื่อครูตอนที่ทานอาหารเช้ายังได้ยินสุพจน์ บอกอยู่เลยว่า มิตรพ้นขีดอันตรายแล้ว แล้วมาตอนนี้คือกำลัง จะตายงั้นเหรอ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นถึงชีวิตอีกครั้ง

จนวิภาวางมือบนไหล่นิเวศน์พลางถามอย่างใจจดใจจ่อ “ลูกเพิ่งบอกว่าคุณพ่อกำลังจะตายเหรอ นี่มันเรื่องอะไรกัน ลูก พูดมาเร็ว!”

นิเวศน์ถูกจับไหล่แน่นจนปวดหนึบ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจมันมากนัก มองจันวิภาที่ กระวนกระวายแล้วพูดว่า “ผมเพิ่งเปิดคอมฯ ขึ้นมาเพื่อตรวจ สอบ พบว่าการผ่าตัดของพ่อไม่ประสบความสำเร็จ เขาหมด สติไปตั้งแต่เขาออกมาจากห้องผ่าตัด คุณหมอบอกว่า มันดี กว่าที่จะแจ้งให้ครอบครัวมาพบเขาเป็นครั้งสุดท้าย…..มามี มา มีรีบไปดูคุณพ่อที่โรงพยาบาลเถอะครับ ไม่อย่างนั้นมาจะไม่ ได้เห็นเขาไปตลอดชีวิตนะ!”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ