ตอนที่ 39 ลักพาตัว ความไร้ไมตรีของสุมิตร
เช้าตรู่วันที่สอง จันวิภาลุกขึ้นมาจากเตียง หลังจากที่ จัดการกับตนเองอยู่นิดหน่อยแล้ว จึงได้เดินออกไปตามนัดที่ ให้ไว้กับพัชรี ในขณะเดียวกันก็ได้ส่งข้อความหาพัชรี บอกกับ เธอว่าตนเองได้ออกจากบ้านมาแล้ว
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จันวิภาพึ่งจะออกจากบ้านได้เพียงไม่ นาน ทันใดนั้นก็มีรถตู้จอดอยู่ข้างๆเธอ
มีคนเดินลงมาจากรถตู้อยู่สองสามคน ทั้งหมดล้วนแล้ว แต่สวมชุดดำ รูปร่างกำย่า พวกเขาไม่พูดพร่ำทำเพลง จับจัน
วิภาเอาไว้ จากนั้นจึงใช้กำลังบีบบังคับลากเธอขึ้นรถตู้ไป
จันวิภาร้องให้คนช่วย ออกแรงดิ้นรนอย่างสุดกำลัง หนึ่ง ในคนชุดดำนั้นโกรธจัดและเหนื่อยหน่าย จึงใช้ฝ่ามือตบจัน วิภาจนสลบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ตอนที่จันวิภาตื่นขึ้นมาก็ พับว่าตนเองไม่ได้อยู่ในรถตู้เสียแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมา มองดู สภาพแวดล้อมที่อยู่รอบตัว จึงพบว่าที่นี่คือ โรงงานเก่าที่ทรุด โทรมแห่งหนึ่ง แต่โชคยังดี ที่มือและขาของเธอไม่ได้ถูกมัดเอา ไว้
กำลังครุ่นคิดอยู่ ก็ได้มีเงาหนึ่งที่ถูกปกคลุมลงมา ด้าน หน้าของเธอปรากฏคนที่รูปร่างอ้วนหัวโตออกมาให้เห็น ใบหน้าอ้วนที่ชั่วร้าย และชายคนนี้ คือชายในไม่กี่คนที่ได้บุก เข้ามาในบ้านของตนเอง หนึ่งในคนพวกนั้นที่ส่งเสียงเอะอะต้องการให้สุมิตรโผล่หัวออกมา
จันวิภาขมวดคิ้วขึ้น ชายคนรูปร่างอ้วนน่าเกลียดคนนั้น
หัวเราะ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “ภรรยาคุณสุมิตร คิดไม่ถึงเลยว่า จะได้พบกันเร็วขนาดนี้ นี่มันช่างเป็นพรหมลิขิดจริงๆ ท่านก็รู้ว่า พวกเราเชิญท่านมาในครั้งนี้เพราะมีจุดประสงค์อะไร?”
พูดจบ เขาก็บัดมือ ทำให้ลูกน้องเดินออกไป ตนเองได้เดิน ไปหาเก้าที่คนเดียวแล้วมานั่งอยู่ทางด้านหน้าของจันวิภา
จันวิภากัดฟัน เอ่ยปากพูด “พูดมา ว่าครั้งน่าพวกนาย
ต้องการที่จะทำอะไรอีก?”
พูดจบ เธอก็หาเก้าอี้มานั่งด้วยเช่นกัน จากนั้นจึงปัดฝุ่นที่ ตกลงมาเบาๆ จึงจะนั่งลงไป
“คุณนายนี่เป็นคนที่ผ่านโลกมาแล้วจริงๆ ตกอยู่ใน สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังนิ่งสงบไม่วอกแวก ผมนี่นับถือจริงๆ” ชายอ้วนหัวเราะ แต่ทว่า วินาทีต่อมาเขาก็ได้หันหน้ามาแล้วพูด ขึ้นว่า “ดังนั้นเรื่องที่ผมมาหาคุณนั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องของ บริษัทของผม ถ้าสุมิตรยังไม่คืนบริษัทให้พวกเราอีกล่ะก็ ผมก็ จะทำลายครอบครัวของเขาจนพังพินาศ! ”
ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น และ พูดเสียงดังขึ้นอีก
จันวิภาฟังจบ ก็ค่อนข้างที่จะรู้สึกหมดหนทางอยู่เล็กน้อย ครั้งที่แล้วเธอก็พูดออกไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้กลับมาอีก
ชายอ้วนคนนั้นพูดกับจันวิภา “พวกเราจับคุณชายสุมิตร ไม่ได้ ดังนั้นก็เลยจับภรรยาเอาไว้ชั่วคราวและคุณจะโดนฆ่า ก่อน ผมไม่รู้ว่าถ้าภรรยาไม่อยู่แล้ว คุณชายสุมิตรจะมีท่าทาง อย่างไร”
“นายปลงเถอะ สุมิตรไม่สนหรอกว่าฉันจะถูกใครฆ่า ที เขาคงจะภาวนาให้ฉันตายเร็วๆเลยด้วยซ้ำ”
จันวิภาเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน รอยยิ้มอันแปลก ประหลาดที่อยู่บนใบหน้าของชายอ้วนยังไม่ทันที่จะจางหายไป ก็ถูกคำพูดของจันวิภาทำให้เขวอยู่เล็กน้อยและไม่รู้จะทำ อย่างไรดี
“หึ! ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าคุณชายสุมิตรจะไม่สนใจผู้หญิง ของเขา นี่ไม่ใช่สไตล์ของสุมิตรเลย”
ชายอ้วนครุ่นคิด กำหมัดจนแน่น แล้วเอ่ยปากพูดกับจัน วิภาอย่างเยือกเย็น “ผมไม่สนหรอกว่ามันจะมีหรือไม่มี ประโยชน์ คุณต้องโทรศัพท์ไปหาเขา พูดว่าคุณอยู่ที่นี่ ให้เขา คืนบริษัทมาให้ผม ถ้าให้ดีก็ขอโทษผมด้วย แล้วเรื่องนี้จะผ่าน ไป ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ชีวิตน้อยๆของคุณก็คงจะต้องจบลงที่นี่”
จันวิภารู้สึกน่าหัวเราะ เธอจึงเตือนสติเขาอีกครั้งหนึ่ง พูด ไปว่า “ถ้านายคิดจะลักพาตัวก็ควรจะทำความเข้าใจกับราคา ของมันก่อนจะดีกว่าไหม? ผู้หญิงของสุมิตรมีอยู่เยอะแยะ ขาด ฉันไปคนหนึ่งมันจะเป็นอะไรขึ้นมา? แล้วนายก็ไม่รู้ด้วยว่าฉันเป็นแค่ภรรยาในนามของสุมิตรเท่านั้นแหละ ระหว่างพวกเรา ไม่มีความรู้สึกต่อกัน ดังนั้นสำหรับสุมิตรแล้ว ฉันก็เป็นแค่คนที่ มีก็ได้ไม่มีก็ไม่เป็นไร นายข่มขู่อย่างนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไร เลย
“ผมไม่เชื่อ คุณต้องหลอกผมแน่ๆ! แม้ว่าสุมิตรจะไม่มี
ความรู้สึกกับคุณ แต่ก็คงจะไม่ได้ไม่สนใจเมียที่ที่อยู่ในสภาพ เช่นนี้หรอก! และผมก็ไม่สนด้วยว่าจะเป็นอย่างไง ผมให้คุณ โทรคุณก็ต้องโทร อย่ามาพูดถ่วงเวลา!
พูดจบ พูดจบชายอ้วนคนนั้นก็ได้สะบัดมือถือที่อยู่ในมือ ให้แก่จันวิภา แล้วเร่งจันวิภาให้เร็วขึ้นอีก
จันวิภาขมวดคิ้ว และยังไม่โทรออกไป ความโกรธในใจ ของเขาเพิ่มมากขึ้นเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตามจุดประสงค์หลัก ของเขาก็คือแก้แค้นสุมิตร ดังนั้นตอนนี้จึงต้องระงับความโกรธ ที่อยู่ในใจเอาไว้ และกดโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของตนเอง โทร ออกไปหาสุมิตร
ในขณะเดียวกัน สุมิตรกำลังพูดคุยกับธนภาคอยู่ที่บริษัท หารือเกี่ยวกับปัญหาทางธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาสแรก
ณ ตอนนี้ โทรศัพท์ของสุมิตรก็ได้ดังขึ้นมา
หยิบขึ้นมาดู เป็นสายของจันวิภา สุมิตรขมวดคิ้วขึ้น รับ โทรศัพท์ แต่ทว่าปลายสายนั้นกลับเป็นเสียงของผู้ชาย
โทรศัพท์ของจันวิภาถูกชายคนนั้นคว้าเอาไป ไฟที่อยู่ในใจของสุมิตรพรั่งพรูออกมาทันที คิ้วขมวดจนแทบจะกลม เกลียวกัน
จากนั้น เขายังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงคนที่ อยู่ปลายสายนั่นพูดขึ้น “สุมิตร เมียแกตอนนี้อยู่ในมือของฉัน แล้ว เรามาคุยเกี่ยวกับเงื่อนไขกันหน่อยดีกว่า!
พูดจบ เขาก็หยุดนิ่งไป รอสุมิตรตอบกลับ แต่กลับคาดไม่ ถึงเลยว่า สุมิตรจะไม่พูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว เขาเปิด แฮนด์ฟรีขึ้นมา และยังคงยุ่งกับงานต่อไป
ชายที่อยู่ปลายสายคิดว่าสุมิตรยินยอมเป็นนัย ดังนั้นจึง พูดอย่างโอหังมากขึ้นไปอีก “จริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แค่นายปล่อยบริษัทเรา ลงนามในสัญญา แล้วขอโทษฉันดีๆสัก ครั้ง ฉันก็จะปล่อยเมียนายกลับไป ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่าเธอ ทันที การค้าขายนี้เป็นอย่างไงบ้างล่ะ?”
“อ๋อ ถ้านายอยากฆ่าเธอล่ะก็ ตามใจสิ” สุมิตรเอ่ยปากพูด ขึ้นอย่างไม่ลังเล
จันวิภาที่อยู่ปลายสายเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ จึงไม่ได้รู้สึก แปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ชายอ้วนคนนั้นหดหูใจ ขึ้นมา เขาจึงรีบตระโกนด่าสุมิตรขึ้นมาทันที “สุมิตร ที่แท้แกก็ อยากเห็นจันวิภาตายสินะ? แกอย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าลงมือนะ ฉัน…
เขาพึ่งจะพูดไปได้เพียงแค่ครึ่งเดียว ยังไม่ทันที่จะได้พูด จบ สุมิตรที่อยู่ฝั่งนั้นก็ได้ตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว
เนื่องจากเปิดแฮนด์ฟรี ธนภาคจึงได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุย กันทั้งหมด ในใจจึงรู้สึกเศร้าโศกอย่างแปลกประหลาด “มิตร นายจะไม่ไปช่วยจันวิภาจริงๆหรอ? จะบอกอย่างไงดีเธอเป็น ภรรยาของนายนะ? แม้ว่านายจะไม่รู้สึกอะไร ถ้าข่าวสะบัดออก ไปมันจะดูไม่ดีนะ?”
ธนภาคพูดจบ จ้องมองสุมิตรที่ยังคงเฉยชา จึงพูดเสริมขึ้น อีกว่า “ถ้านายไม่ไป ไม่แน่ว่าเธออาจจะถูกฆ่าก็ได้นะ..”
สุมิตรยิ้มขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยาม เอ่ยปากพูดขึ้น “ถึง อย่างนั้นมันก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับฉัน เรื่องของจันวิภาก็ปล่อย ให้ตัวเธอเองจัดการไป นายอย่ามายุ่งเรื่องของชาวบ้านให้
มากนักเลย! ” พูดจบ เขาก็ไม่สนใจอีก
ทางด้านของธนภาค เมื่อเห็นสุมิตรยังคงไร้ซึ่งอารมณ์และ ความรู้สึกใดๆ จึงทำได้เพียงแต่สายหัว และใม่พูดขึ้นอีก
แต่ทว่าอีกทางด้านหนึ่ง ชายอ้วนคนนั้นกลับดูร้อนรน เดิน
ไปมาอยู่หน้าจันวิภา
เป็นเวลานาน เขาจึงถลึงตามองจันวิภาอย่างโหดเหี้ยม แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “ผมไม่เชื่อว่าเขาจะไม่มาช่วยคุณจริงๆ!
“ที่โทรศัพท์ไปเมื่อครู่นี้นายก็ได้ยินแล้วนี่ ทำใจเถอะ เขา
ไม่มาหรอก! ” จันวิภาพูดอย่างแผ่วเบา
“เธอ! ”
“ชายอ้วนคนนั้นโกรธจนพูดไม่ออก จ้องมองดูจันวิภาที่ดูเหมือนว่าจะไม่แยแสอะไร ภายในใจก็เกิดความโกรธขึ้นมา ดังนั้นจึงเดินไปข้างหน้าเธอ จับผมของจันวิภาเอาไว้แล้วพูดขึ้น อย่างเยือกเย็น “ผมไม่ฆ่าคุณหรอก แต่ถ้าสุมิตรไม่มาช่วยคุณ ผมก็จะถอดเสื้อผ้าของคุณออก คุณรู้สึกอย่างไงบ้างล่ะ? หนึ่ง ชั่วโมงหนึ่งชิ้น ผมจะดูว่าวันนี้คุณจะผ่านไปได้กี่ชั่วโมงกัน ! “
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ