ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่90 หัวใจสามารถกู้คืนได้ ( 3 )



ตอนที่90 หัวใจสามารถกู้คืนได้ ( 3 )

หลังจากพูดจบ ผลินก็ร้องไห้ออกมา น้ำตาที่เหมือน ไข่มุกไหลอาบสองแก้มของเธอและค่อยๆไหลลงปลายคาง เธอ อึ้งจนพูดไม่ออก เธอยืนนิ่งเหมือนกับท่อนไม้ นอกจากร่ำไห้แล้วก็คงทำได้แค่ร้องไห้นั้นแหละ

ผมเล่าเรื่องเหล่านี้ให้คุณฟังก็เพื่อให้คุณรู้ไว้ว่า จันทรไม่มี ทางที่จะกลับมาอีกแล้ว ดังนั้น คุณคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ จะช่วยเหลือเขาได้ ถ้าหากว่าแม้คุณเองยังทอดทิ้งเขาไป แล้ว ชีวิตของท่านประธานก็คงจะพังพินาศไม่มีชิ้นดี

“ฉันรู้แล้ว

ฉันไม่มีทางจะทอดทิ้งเขาไปอย่างแน่นอน

ผลิน ขยับตัวด้วยจังหวะเดินที่สั่นสะท้านมาจนถึงข้างเตียง ของปยุต กุมมือข้างหนึ่งของปยุตยกมาวางบนหน้าอกของเธอ ก็ไหลพรั่งพรูออกมาอีกครั้ง

“ปยุต คุณต้องตื่นขึ้นมา รับปากกับฉัน คุณต้องตื่นขึ้น

มา คุณคงไม่รู้อย่างแน่นอน ภายนอกที่ดูเข้มแข็งอย่างฉัน แท้ที่จริงแล้วอ่อนแอมาก บางครั้งขี้ขลาดแม้กระทั่งความกล้า ที่จะเหยียบมดตายสักตัวไม่มีเลย ตัวของฉันเป็นอย่างนี้ ที่จะต้องวางภาระทั้งหมดไว้เพื่อมีความสัมพันธ์กับคุณ ก็ ต้องการความกล้าหาญมากเช่นกัน ซึ่งก็เหมือนกับคุณที่วาง คนรักเก่าอย่างจันทรลงแล้วก็รับฉันเข้ามาในใจเหมือนกัน

ปยุตไม่มีการตอบสนองใดๆ มือเย็นราวกับน้ำแข็ง ผลิน จึงกุมมือเขาไว้ด้วยความรักอย่างสุดซึ้งวางไว้ข้างริมฝีปาก เป่า ไอร้อนออกจากปากเพื่อให้มือของเขาอุ่นขึ้น ที่น่าเสียดายมือ อุ่น เท้าอุ่น ถึงอย่างไรก็ไม่ทำให้หัวใจอบอุ่นลงได้

เธอยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าของเขา และค่อยๆโน้มตัวลงจูบ ลงริมฝีปากที่แห้งผากของเขา จูบลงบนสันจมูกของเขา จูบลงบนเปลือกตาที่ปกคลุมไปด้วยขนตาที่เรียวยาว จาก นั้นเลื่อนริมฝีปากเรียวบางไปข้างหูของเขา ร่ำไห้และกระซิบ ข้างหูเขาว่า “ความจริงแล้ว หัวใจนั้นสามารถนำกลับมาได้

ที่พูดออกมาทั้งหมด หลังจากสูญเสียถึงจะเรียนรู้การทนุ ถนอม แต่ว่าการสูญเสียหลังจากได้ทนุถนอมนั้นกลับเจ็บ ปวดมากกว่าอะไรเสียอีก

คืนนี้ ผลินดูแลปยุตอยู่ข้างเตียงของเขาทั้งคืน หลัง จากรุ่งเช้า เธอโทรศัพท์ไปที่คฤหาสน์นภา จากนั้นก็นำชาย ฉกรรย์ของคฤหาสน์นภาสี่คนไปที่บ้านของแม่เธอ

ธนิดาถึงกับตกใจในการมาของเธอ เกรงใจว่า “เธอมาที่บ้านฉันทำอะไร”

“ชดาล่ะอยู่ไหน”

“ตามหาลูกชุดาของเราทำอะไร ลูกชุดาของพวกไม่ใช่แมว

ไม่ใช่หมา ร้องเรียกจะมาทันที”

เธอพูดจบ ชุดาผมเผ้ากระเซาะกระเซิงเดินลงมาจากชั้นบน ยืนหาวอย่างเกียจคร้าน พูดเยาะเย้ยว่า

“ไม่อยากจะเหลือบตามองเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้หรือไงว่าคนที่

สอบถามอย่างไม่ บ้านนี้ไม่ต้อนรับมากที่สุดก็คือเธอ

ผลินค่อยเดินไป ยกมือขึ้นไปตบหน้าเธอสองฉาด ซ้ายที ขวาที ไม่ออมมือแม้แต่น้อย

อ่า———เธอกล้าดียังไงมาตบฉัน

เสียงกรีดร้องดังเสียดหู ผีสางนางไม้ถึงกับสะดุ้งตื่น ชุดา ร้องไห้แผดเสียงดังพุ่งตัวไปหาเธอ คิดจะตอบโต้อย่างไม่คิด ชีวิต ผลินยกขาขึ้นถีบเข้าไปอย่างจัง จนเธอกระเด็นไป กระแทกกับโต๊ะรับแขก หัวกระแทกกับโต๊ะรับแขก หัวปูดโน เท่าลูกมะนาวทันที

ธินิดายืนตะลึงในการโจมตีอย่างไม่ทันระวัง พลันเธอตอบ สนองทันทีโดยพุ่งเข้าไปหาผลินเหมือนกับแม่สุนัขปกป้องลูก ของมันพูดว่า “กล้าดียังไง มาตบตีลูกสาวของฉัน

ชายฉกรร สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของผลิน คว้าตัวธินิดา ที่กำลังบ้าคลั่งได้โดยง่ายดายเกือบจะไม่เสียกำลังเลยสักนิด และชายฉกรรจ์ที่เหลืออีกสองคนก็ล๊อคตัวชุดาไว้แน่น ผลิน เดินมาถึงหน้านิดา ยกมือขึ้นตบหน้าเธอด้วยความโกรธไป หนึ่งฉาด และบอกเธอว่า “ ฉาดนี้เป็นการตบแทนแม่ของฉัน” อีกหนึ่งฉาด “ตบครั้งนี้ เป็นการตบให้ ฉันเอง”

ธินิดาอย่างไรก็ไม่เคยถูกข่มเหงได้รับความอัปยศขนาดนี้ ด่าทอออกมาอย่างบ้าคลั่ง เจ้านังหญิงเพศยา กล้าดียังไง มาตบหน้าแม่เลี้ยงของเธอ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปอย่าง แน่นอน” เตือนด้วยเสียงเย็นชาว่า “เธอค่าออกมา ด่าครั้งหนึ่งฉัน ตบครั้งหนึ่ง เธออยากจะให้เหล่าเพื่อนฝูงทุกคนได้รู้กันให้ทั่ว ใบหน้าแดงเทือกเป็นเพราะว่าถูกลูกสาวของผู้หญิงที่สามีของ ตนเองมีอะไรนอกบ้าน ตบหน้าจนเป็นสภาพอย่างนี้ อย่างนั้นก็ ค่าออกมาซะ เธอด่าอย่างมีความสุขฉันก็จะตบหน้าเธออย่างมี ความสุข เพราะว่า ฉันรู้สึกว่าเธอยังติดค้างอะไรฉันอยู่นะจะ ได้ตบให้สะใจ

เปี๊ยะ……..เสียงตบอีกฉาดลงบนแก้มของเธอ

ธินิดาได้ยินคำพูดของผลินโมโหจนร้องไห้เสียงดัง ชุดา กำลังจะปริปากด่า มองเห็นสายตาอันแหลมคมของผลิ เหลือบมองมาที่เธอ เมื่อมาถึงปากก็หุบปากไว้สนิท ร้องไห้ พูดออกมาว่า “เธอรอก่อนเถอะ พ่อของฉันใกล้จะกลับมา แล้ว เขาจะไม่ให้อภัยเธอแน่นอน”

ผลินอุทานด้วยเสียงเย็นชา สั่งชายฉกรรย์ทั้งสี่คนว่า “ทําลายข้าวของให้หมด”

ชายหนุ่มทั้งสี่คนได้รับคำสั่ง ก็หยิบอุปกรณ์ที่วางไว้นอก ประตูเข้ามา ทั้งหมดนั้นเป็นท่อนเหล็กอันโตทั้งหนักทั้งขึ้น สนิม จากนั้นก็ยกขึ้นมาทุบทำลายห้องรับรอง ชุดาและ แม่ของเธอตกใจกลัว ทั้งสองคนโอบกอดด้วยกันซ่อนอยู่ข้าง โซฟาตัวสั่นเทา ได้ยินเสียงแตกหักของเครื่องใช้ไฟและ เครื่องประดับต่างๆเข้าในหู ส่งเสียงกรีดร้องอึกทึก

คนใช้ในครอบครัวแต่ละคนเห็นสถานการณ์อย่างนี้ ทุก คนต่างก็ตกใจกลัวหลบซ่อนตามที่ต่างๆ ไม่มีใครสักคนกล้าที่ จะเข้ามาห้ามปราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาก็ไม่อยาก เข้ามาห้าม เพราะว่าปกติแล้วก็ถูกหญิงสาวทั้งสองว่ากล่าว ด่าทอตลอดเวลาอยู่แล้ว

ประเดี๋ยวเดียวห้องทั้งห้องก็เละเทะไปหมด ผลินเดินมาถึง ข้างโซฟา เสียงอย่างดุดันว่า “พวกเธอไม่ให้ฉันใช้ชีวิตอย่าง มีความสุข ฉันก็จะไม่ให้พวกเธอมีความสุขเช่นกัน ผลิน คนนี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่ยอมให้พวกเธอกดขี่ข่มเหงอีก ต่อไปแล้ว เข้าใจมั้ย

ออกมาจากบ้านของตระกูลเจริญมาศ ผลินกลับมาที่โรง พยาบาลอีกครั้ง ปยุตก็ยังไม่ฟื้น เธอจ้องมองดูเขาเงียบๆสัก พักหนึ่ง ก็ไปโรงเรียนเพื่อลากิจหลายวัน เตรียมพร้อมดูแล เอาใจใส่ปยุตให้เป็นอย่างดี จนกระทั่งเขาฟื้นขึ้นมา

ภายใต้การดูแลอย่างเอาใจใส่ของเธอ วันที่สาม ในที่สุดป ยุตก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อลืมตาดูเว็บแรก เขามองห็นใบหน้าที่หลับ สนิทของผลิน เขาคิดที่จะดึงมือที่ผลินนำมาทำเป็นหมอนนั้น ออก แต่ไม่ทันระวังทำให้เธอสะดุ้งตื่น ผลินสะดุ้งตื่นยืนขึ้น มาพูดว่า “คุณฟื้นแล้วหรือคะ”

ปยุตทำเป็นเมินต่อสีหน้าท่าทางเอาใจใส่ของเธอ ชี้นิ้วไป ทางประตูพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชาว่า “ออกไป เวลานี้ผม ไม่ต้องการเห็นหน้าคุณ

ขณะเดียวกัน นายท่านทั้งสองและลูกสาวเดินมาถึงพอดี เห็นปยุตฟื้นขึ้น พวกเขาก็ดีใจเป็นยิ่งนัก แต่ว่าเห็นสีหน้าที่ โศรกเศร้าของลูกสะใภ้ ก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด ปากถามอย่าง ไม่พอใจว่า “ พี่ เป็นอะไรอีกล่ะ”

“เรียกให้เขาออกไปเดี๋ยวนี้” ปยุตโยนข้าวของไล่เธอ ออกไปจากห้องพักคนไข้

ผลินอดกลั้นที่จะร้องไห้หุนหัน

“พี่ปยุต พี่ปฏิบัติต่อพี่สะใภ้อย่างนี้ได้ยังไง หลายวันมานี้ เธอดูแลเอาใจใส่พี่ไม่หลับไม่นอนอยู่ข้างเตียงพี่ตลอด”

ปาณีไม่พอใจมากในท่าทางของปยุต ถลึงตาตำหนิเขา

“โอเค

พวกเธอออกไปก่อน

ให้ฉันคุยกับเขาซะหน่อย”

นายท่านเวทนชำเลืองมองบุตรชายด้วยสายตาอย่างมีความ นัย นายหญิงใหญ่ก็ดึงตัวบุตรสาวออกไปนอกห้องคนไข้

รอจนในห้องคนไข้เหลือเพียงพ่อและลูกชาย ธามันพูด

ขึ้นมาว่า “เกลียดเขามากขนาดนั้นเลยหรือ เกลียดจนแม้แต่

มองหน้าก็ยังไม่ปราถนาใช่มั้ย

เวลานี้ผมไม่ต้องการพูดถึงเรื่องของเธอ ถ้าสิ่งที่พ่อกำลัง จะพูดคือเรื่องนี้แล้ว อย่างนั้นระหว่างพวกเราก็ไม่มีเรื่องอะไร จะต้องคุยกันอีก”

เคยคิดหรือไม่ว่าคนที่หักหลังลุกหรือว่าหลอกลวงลูกนั้น พวกเธอก็มีเหตุจำเป็นของเธอ ในใจของพวกเธอบางทีไม่ ต้องการที่จะทำร้ายจิตใจลูก อาจเพียงเพราะว่ามีสถานการณ์

ที่ยากลําบากของพวกเธอ”

“พ่อหมายความถึงใคร

จันทรหรือว่าผลิ่นล่ะ”

ปยุตชำเลืองตาเย็นชามองไปที่พ่อของเขาแล้วพูดต่ออีกว่า “สมควรจะหมายถึงจันทร พ่อนั้นแหละที่เข้าใจดีที่สุด” สาเหตุที่เธอหนีไปกลัวว่าจะเป็น

สีหน้าของธามันมีบางอย่างไม่ปกติ “พ่อจะไปเข้าใจได้ อย่างไร พ่อกับลูกก็ไม่รู้อะไรเหมือนกัน”

“ไม่รู้อะไรเลยจริงๆอย่างนั้นเหรอ ฟอสามารถจะอธิบายได้ มั้ยว่า หนึ่งเดือนก่อนหน้าที่จันทรจะหนีไป ทำไมพ่อถึงนัด เธอออกมาคุยกันหลายต่อหลายครั้ง พ่อคุยกับเธอเรื่องอะไร กันแน่”

สีหน้าธามันผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด แม้กระทั่งแววตาก็ วูบวาบ หรือลูกคิดว่าพ่อบีบบังคับให้เธอไปอย่างนั้นเหรอ พ่อไม่รู้ว่าลูกไปฟังข่าวเท็จอย่างนี้มาจากใครที่ไหน แต่พ่อ สามารถยืนยันว่า พ่อไม่ใช่เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ให้ความ สําคัญแค่ฐานะของครอบครัวทั้งสองต้องเท่าเทียมกัน บีบ บังคับให้เธอไปอย่างไร้เหตุผล”

การหนีไปของจันทรนั้นจะมีหรือไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อ “ นั้น ใจของพ่อเองรู้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว สักวันหนึ่งความจริงจะ ต้องปรากฏ ก็เหมือนกับผลินที่หลอกใช้ผมเป็นเครื่องมือ ปกปิดไม่ได้ตลอดไป”

เดิมที นายท่านเวทน ต้องที่จะแก้ปัญหาทางใจให้กับบุตร ชายของเขา แต่คิดไม่ถึงปัญหาทางใจยังแก้มาเสร็จ กลับถูก ลูกชายย้อนถามจนเสียหลัก เขาเดินออกจากห้องคนไข้ด้วย

อารมณ์หงุดหงิด พูดกับภรรยาว่า “ไป พวกเรากลับ”

มองเห็นสามีมีสีหน้าขมึงตึง

นายหญิงใหญ่ถามด้วยความ กังวลว่า

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ”

“ไม่มีอะไรหรอก”

ทั้งสองคนค่อยๆเดินลับหายไป ผลินเห็นนางพยาบาลคน หนึ่งถือยาเดินเข้ามา ทีท่าช่วยเหลือพูดว่า “ส่งมาให้ฉันเถอะ ฉันเอาเข้าไปเองคะ”

นางพยาบาลส่งยาให้กับเธอ ผลินกลับเข้าไปในห้อง

คนไข้อีกครั้ง ท่าทางของปยุตก็ยังคงอารมณ์เสียเหมือนเดิม

“ถึงเวลากินยาแล้วคะ

ปยุตปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เอากลับไป

“ทำอะไร” เพื่อที่จะไม่ต้องเห็นหน้าฉัน แม้ชีวิตของตนเองก็ ยังไม่ต้องการเลยเหรอ”

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็สมควรให้นางพยาบาลเป็นคนถือมาให้ ดีกว่าถึงจะฉลาดไม่ใช่หรือ

“ฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉันถือยาเข้ามาให้คุณ มันผิดตรง

ไหนคะ”

“ไม่มีอะไรผิดหรอก เพียงแค่ไม่อยากกินยาที่เธอถือเข้ามา

เท่านั้นแหละ”

ความดื้อรั้นของปยุตยังคงแรงอยู่

เขากดปุ่มสัญญาน

เตือนที่อยู่ข้างเตียง พูดด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า

“เวลานี้ผม ต้องการจะพักผ่อน แต่มีคนรบกวนผมตลอดเวลา พวกคุณ โปรดให้เขาออกไปได้หรือไม่

ผลินนำน้ำดื่มที่ถืออยู่ในมือวางบนโต๊ะเสียงดังตึก ใช้คำ พูดที่เขาเคยพูดกระแทกกระทั้นใส่เธอว่า “อย่างนี้ก็พังกัน พอดี ฉันทำไมถึงได้เลือกผู้ชายอย่างคุณเพื่อแก้แค้นด้วยนะ หากรู้เสียแต่เนิ่นๆว่าคุณอ่อนแออย่างนี้ ฉันสมควรเลือกคนที่ โดดเด่นกว่าเสียแต่ทีแรกถึงจะถูกต้อง”

“ไปให้พ้น”

สีหน้าของปยุตโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผลินหันหลังกลับ อย่างมีทิฐิ เดินกระทืบเท้า เมื่อเดินถึงข้างประตู กลับ ได้ยินเสียงเขาพูดว่า “เป็นคุณใช่มั้ย ขณะที่ผมสลบอยู่นั้น เป็นคุณที่มากระซิบข้างหูผม พูดว่า หัวใจนั้นสามารถที่จะนำ กลับมาได้ใช่มั้ย”

เธอหยุดเดิน ค่อยๆเบนตาไปมองเขา ไม่ได้ปฏิเสธพูดว่า

ใช่คะ”

เหอะ ปยุตยิ้มอย่างเย็นชา “ใช่เหรอ คุณคิดว่า หัวใจ นั้นสามารถนำกลับมาได้อย่างนั้นเหรอ อย่างนั้นคุณช่วยสอน ผมหน่อนได้มั้ย ทำอย่างไรถึงจะสามารถนำกลับมาได้

ผลินยืนนิ่งไร้คำตอบ หลังจากนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง เธอ พูดขึ้นมาว่า “นานมาแล้วทีคนเคนบอกฉันว่า หัวใจนั้น สามารถนำกลับมาได้ แต่ว่าวิธีการนั้นฉันไม่ค่อยแน่ใจ เพราะว่า หัวใจของฉันนั้นไม่เคยคิดที่จะเอากลับมา” “เธอยังมีหัวใจอีกเหรอ เหมือนคุณตอนนี้ ผู้หญิงที่สิบปี ขายตัวเองหนึ่งครั้ง ยังมีหัวใจอีกเหรอ น่าขันสิ้นดี”

“ไม่สนใจว่าคุณเชื่อหรือไม่เชื่อ คุณคือผู้ชายคนแรกและคน เดียวที่ฉันผูกพันด้วย ขณะที่คุณสลบหลายวันมานี้ สิ่งที่ฉัน หวาดกลัวที่สุด คุณมองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้ ในจุดๆ คุณรู้มั้ยฉันมีความหวาดกลัวมากแค่ไหน ในชีวิตของฉันมีคน ที่มีความสำคัญที่สุดมีอยู่สองคน เรียงตามลำดับความ สำคัญนอนอยู่ที่นี่คนหนึ่ง และคนแรกที่สำคัญที่สุดคนนั้นได้ ตายจากฉันไปแล้ว คนที่สองที่ฉันหวาดกลัวมากที่สุดว่าจะ จากฉันไปอีกคน……..ดังนั้นฉันขอร้องคุณล่ะ จะโกรธจะ เกลียดฉันมากแค่ไหนก็ได้ อย่าทำร้ายทรมานตนเอง อย่า ดื่มสุรามากจนเลือดออกในกระเพาะอาหารอีก…….

“เลือดออกในกระเพาะอาหารแล้วเป็นไง จุดที่เจ็บปวด เพียงแค่อยู่ที่นี่เท่านั้น”

ผลินได้ยินคําพูดใจเหมือนถูกมีดเฉือดเฉียน เธอจ้องมอง เขาด้วยน้ำตาคลอเบ้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่า “คุณ สามารถสามารถตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับชเยศ เหตุใดคุณถึงไม่ตรวจสอบถึงอดีตเมื่อสิบปีที่ผ่านมาของฉัน ผลินใช้ชีวิตผ่านมาได้อย่างไร บางทีหลังจากที่คุณได้รู้อดีต ของฉันแล้ว คุณอาจจะเข้าใจและยกโทษในสิ่งที่ฉันทำไปใน วันนี้”

หลังจากพูดประโยคนี้จบ เธอก็เดินออกจากห้องคนไข้ ไปอย่างเงียบๆ หลงเหลือไว้เพียงภาพเงาของเธอที่อ้างว้าง เดียวดายและมีทิฐิไว้ให้กับปยุต หรือว่าเป็นเพราะภาพเงาของเธอแบบนั้น สองวันต่อมา ท่าทีบึ้งตึงของปยุตที่มีต่อผลินค่อยๆผ่อนคลายลง ถึงแม้ว่ายัง มีทีท่าไม่สนใจใยดี แต่อย่างน้อยก็ไม่ไล่ตะเพิดเธออย่าง โหดเหี้ยมไร้เยื่อใยอีกเลย

คืนก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาลหนึ่งวัน ผลินเลิกงานมา ถึงโรงพยาบาล ได้ยินนางพยาบาลพูดว่า กระเพาะอาหาร ของปยุตไม่สู้ดีเท่าไหร่ มื้อกลางวันไม่ยอมทานอะไร เธอ จึงโทรศัพท์ไปหาแม่สามี สอบถามเขาครู่หนึ่ง ก็เดินเข้าไป ในห้องคนไข้

มื้อเที่ยงคุณไม่ยอมกินข้างเหรอคะ”

ปยุตหลับตาแสร้งทำเป็นหลับสนิทไม่สนใจคำพูดของเธอ

“อยากกินมันเทศหวานใช่มั้ยคะ ฉันจะไปซื้อให้คุณทาน

ขนตาปยุตขยับไปขยับมา แต่ก็ยังทำเป็นเมินเฉย

“คุณไม่พูดอะไร ฉันถือว่าคุณหมายความว่าอยากกินน้ ผลินคลุมผ้าห่มให้กับเขาแล้วพูดว่า “ดูไปแล้วคุณอยากกิน มากจริงๆ ไม่ประหลาดใจบ้างหรือคะ ฉันรู้ได้อย่างไรว่าคุณ โปรดปรานของสิ่งนี้”

เธอค่อยๆเริ่มเคยชินกับท่าทางเมินเฉยของเขา เห็นเขา ไม่มีเสียงตอบ ก็ถามเองตอบเองว่า “แม่ของคุณบอกกับฉัน แม่คุณบอกว่า มีอยู่คนหนึ่งเมื่อตอนยังเล็ก ทุกครั้งที่อยาก กินมันเทศหวานเผาก็จะดื้อดึงไม่กินอาหาร โอ้โห มีคน ประเภทนี้ด้วยเหรอ” เธอหัวเราะกระแทกไปทางเขา ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดว่า “ฉันจะรีบกลับมานะคะ ไม่ต้องขอบใจฉันนะ”

ผลิยออกไปซื้อของได้ราวสองชั่วโมงยังไม่กลับมา ปยุตอด ไม่ได้ที่จะแปลกใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาเธอ แต่ โทรศัพท์ปิดเครื่อง เขาลังเลอยู่พักหนึ่ง ก็โทรศัพท์ไปหา น้องสาวของเขา “ปาณี เธอมาหาพี่ที่โรงพยาบาลสักหน่อย ได้มั้ย”

ปาณีไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รีบวิ่งไปโรงพยาบาลในทันที สอบถามพี่ชายอย่างหืดหอบว่า “พี่ เรียกฉันมาอย่างทันที ทันใด พี่มีเรื่องอะไรเหรอดคะ”

“พี่สะใภ้ของเธอออกไปข้างนอกกว่าสองชั่วโมงแล้ว ยังไม กลับมาเลย เธอออกไปตามหาเขาได้มั้ย

“เรื่องแค่นี้เอง ”

ปาณีเหลือกตาใส่แล้วพูดว่า “เขานอนจะเป็นจะตายอยู่บน เตียงพี่ไม่สนใจใยดีแม้แต่นิดเดียว เวลานี้เขาออกไปข้าง นอกแค่สองชั่วโมง พี่กลับกระวนกระวายใจ ไม่เข้าใจจริงๆพี่ เป็นพี่ชายของฉันได้ยังไงเนี่ย คนที่สดใสร่าเริงอย่างฉันเนี่ย เหตุใดถึงมีพี่ชาย เพื่อไม่ยอมเสียหน้า ทำในสิ่งที่ตนเองไม่อยาก ทํา โอ้โห

“เรียกให้เธอไปเธอก็ไปซะ

พูดไร้สาระมากมายเพื่ออะไร ”

ปยุตหยิบหมอนหนุนที่วางอยู่ข้างเอวโยนใส่ปาณี ส่งเสียง ด้วยความโมโหว่า “ไปเดี๋ยวนี้ ยังทำอะไรอยู่ที่นี่” หลังจากรอน้องสาวออกไป ปยุตตกอยู่ในสภาวะครุ่นคิด เวลาผ่านไปพักใหญ่

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปหาชนัยพูดว่า

“ไปตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับผลิน รีบไปหามาให้ ผมอย่างเร็วที่สุด ให้ละเอียดนะ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ