ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 104 ไม่มีกำแพงใดกันลมได้ (1)



ตอนที่ 104 ไม่มีกำแพงใดกันลมได้ (1)

เมื่อวางมือบนไหล่ของผู้ชายคนนั้น รู้สึกได้ถึงความ แข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์อย่างชัดเจน ชายคนนั้นหัน มองกลับมาอย่างช้า ๆ โดยไม่แปลกใจ และนี่คือ นักร้องนำ วงดนตรีที่ผลินพบในประเทศฝรั่งเศส ชนุตร์ แซ่ลี้

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

ชายคนนั้นใช้คำพูดเดียวกันตอบกลับมาอย่างมีความ

หมาย

เสียงหอบของผลินลดลงมาก ชี้ไปยังประตูห้างสรรพ สินค้า “ไปดื่มกาแฟกันสักแก้วไหม”

ชายหนุ่มพยักหน้า ดังนั้นจึงเดินเคียงข้างกันไปยังร้าน กาแฟตรงข้ามห้างสรรพสินค้า

เป็นที่ที่เธอชอบมาดื่มกาแฟกับชื่นใจ ทว่าชื่นใจไปแล้ว ผลินเลือกที่นั่งตรงมุมร้าน

นั่งจ้องกันไปมา หลังจากจ้องมองกันไปมาสักครู่ เธอก็ พูดขึ้นว่า “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ไม่นานก่อนหน้านี้

“ไม่อยากรู้เหรอ ว่าฉันรู้ชื่อจริงของคุณได้ยังไง”
ธรรศคนแก้วกาแฟ “ผมก็เคยสงสัย ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิด ว่าสักวันคุณจะรู้”

“ฉันเห็นรูปถ่ายของคุณสามคนในลิ้นชักของลูกพี่ลูกน้อง คุณ ตอนนั้นฉันไม่ได้แปลกใจน้อยไปกว่าที่คุณได้ยินฉัน เรียกชื่อของคุณเลย

“คุณรู้เรื่องระหว่างพวกเราไหม

“ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของเขา เรื่องของเขา ฉันจะไม่รู้ได้ ยังไง”

ผลินยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม “คืนนั้นในฝรั่งเศส เพราะว่าคุณ เห็นเขา จึงจากไปโดยไม่ลาใช่ไหม”

ธรรคไม่ตอบ แล้วเธอล่ะ กลับมาด้วยหรือเปล่า”

“อืม”

ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อต้องมาได้ยินคำตอบ ที่แน่นอน หัวใจของผลินก็เจ็บปวดแปลบเหมือนถูกเข็มทิ่ม แทง ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม เพราะเธอรู้ดีกว่าใคร ผู้ หญิงคนนั้นมีอิทธิพลต่อสามีของเธอ

“ทําไมพวกคุณถึงกลับมา ในเมื่อจากไปแล้วจะกลับมาอีก ทําไม”

ผลินไม่ปิดบังความไม่พอใจของเธอ “อีกอย่าง ทําไมถึงทรยศหักหลังลูกพี่ลูกน้องของคุณเอง”

ธรรศเงียบอีกครั้ง ปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเธอ

“บอกฉันได้ไหมว่าพวกคุณกลับมาเพื่อจุดประสงค์อะไร คุณก็รู้ มันสำคัญกับฉันมาก”

ธรรสเผชิญหน้ากับเธอที่กำลังร้อนรน ถอนหายใจเล็ก น้อย “ยึดมั่นความสุขที่ตัวเองมีเอาไว้ อย่าใส่ใจให้เหมือน กับว่าไม่มีใครกลับมาเถอะครับ

“ฉันจะไม่เก็บมาใส่ใจได้ยังไง ผู้หญิงที่สามีของฉันรัก กลับมา คุณจะบอกให้ฉันอย่าใส่ใจได้ยังไง”

“ลูกพี่ลูกน้องของผมไม่ใช่คนที่ขาดความรับผิดชอบ ใน เมื่อแต่งงานกันแล้ว ก็จะไม่ทิ้งคุณโดยง่ายแน่”

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง คุณรู้ไหมว่าชีวิตของเขาเป็น อย่างไรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จะบอกให้ ฉันเป็นภรรยาคนที่ เจ็ดของเขา ซึ่งก็แค่โชคดีกว่าผู้หญิงคนอื่น ที่เป็นครั้งที่เจ็ด และอาจสามารถเป็นครั้งสุดท้าย”

ธรรศคิดว่าเธอพูดจบแล้ว แต่เธอก็พูดต่ออีกว่า “ถ้าพวก คุณไม่กลับมา ฉันก็อาจมีความมั่นใจมากกว่านี้

“ถึงแม้ว่าพวกเราจะกลับมามันก็ไม่ควรเป็นภาระให้กับ หัวใจของคุณ ถ้าคุณมีศรัทธาในตัวเอง สิบจันทรกลับมา แล้วยังไงล่ะ เหมือนที่คุณไล่ตามขโมยในฝรั่งเศส แม้ว่าคุณจะไม่สนใจว่ามีเงินมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับสิ่งที่คุณ รัก ก็จะต่อสู้ไล่ตามสุดชีวิต กับความรักก็เช่นกัน ตราบใดที่มี ความกล้าหาญและจิตวิญญาณแบบนี้ก็จะไม่เป็นอะไร

“เขารู้ไหมว่าพวกคุณกลับมา”

ผลินหมายถึงปยุต และใจของธรรศก็รู้ดี

“ไม่รู้”

“คุณอาของคุณรู้ไหม

“ยกเว้นคุณในตอนนี้ ไม่ควรมีใครรู้

“ให้ข้อมูลการติดต่อของคุณกับฉันหน่อย หากมีอะไรเกิด ขึ้นฉันจะได้ติดต่อคุณได้

“ผมให้คุณก็ได้ แต่คุณต้องสัญญากับผม ว่าจะไม่บอกใคร ว่าคุณเห็นผม”

ผลินจ้องเขาอย่างรวดเร็ว “คุณเชื่อใจได้ยังไงว่าถ้าฉัน ให้สัญญาแล้วคุณจะไม่เสียใจภายหลัง”

“คุณไม่ใช่คนแบบนั้น ผมรู้ตั้งแต่แรกเห็น

ธรรศทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้เธอ ลุกขึ้นและจ่ายบิล จาก นั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
ผลินนั่งอยู่คนเดียวในคาเฟ่เป็นระยะเวลานาน มองออก ไปนอกหน้าต่างที่มีฝูงชนเดินไปมา อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกสับสน ไม่รู้ ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

เธอนั่งอยู่จนค่ำมืด ถ้าปยุตไม่ได้โทรศัพท์มาหา ก็อาจจะ นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างไม่มีสติต่อไป หลังจากออกจากร้านกาแฟ เธอก็กลับมาบ้านด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

ในช่วงทานอาหารเย็น ปยุตเห็นเธอเหม่อลอย จึงคืบ ซี่โครงหมูให้เธอ “ทำไมคุณถึงทานแต่ข้าวไม่ทานกับข้าว เลย แถมยังไม่คุยกับใครอีก อย่าบอกนะว่าเริ่มถือศีลกินเจ เหมือนใครบางคนแล้วน่ะ”

คุณนายท่านมองไปที่ลูกชาย “อย่ามาตีวัวกระทบคราด ฉันถือศีลกินเจแล้วมันหนักหัวแกหรือไง”

“ไม่ได้หนักหัวผม ก็แค่กลัวว่าถ้าคุณแม่จะไม่ทานเนื้อ ตลอดทั้งปีแล้วเดี๋ยวสุขภาพจะแย่ลงต่างหากล่ะครับ”

ตั้งแต่ปีครึ่งที่ผ่านมา คุณแม่ทำเหมือนจะสร้างวัดพุธ ที่บ้าน ทุก ๆ วันต้องไปสวดมนต์ครึ่งชั่วโมง และทานแต่ อาหารที่เป็นมังสวิรัติ มีเพียงวันหยุดหรือวันพิเศษเท่านั้นที่ จะทานเนื้อในบางครั้ง ทุกคนในครอบครัวคิดว่าเธออธิษฐาน ขอให้ลูกชายของเธอดีขึ้นในไม่ช้า แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก จนถึงตอนนี้ เหตุผลที่แท้จริงสำหรับการกระทำของคุณนาย ท่านก็ไม่มีใครรู้ มันเป็นความลับในหัวใจของเธอ

“มีอายุมาจนถึงวัยนี้แล้ว ความเป็นความตายเป็นสรณะทานหรือไม่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”

คุณท่านเวทนอดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ “คือว่านะ ทุกคน มีวิถีชีวิตของตัวเอง แกก็บอกภรรยาของแกไป แล้วมายุ่ง อะไรกับแม่ของแกด้วยล่ะ ให้ตายสิ

“คุณพ่อคะ คุณพ่อไม่รู้หรอก ตอนนี้น่ะที่บ้านนี้นอกจาก ภรรยาของเขา พวกเราในบ้านไม่อยู่ในสายตาของเขา หรอก”

ปาณีส่งเสียงเหน็บออกมาอย่างเสียดสี

ปยุตทำให้คนอื่นไม่พอใจโดยไม่รู้ตัว ผลินจึงรีบช่วยสามี ของเธอ “คุณพ่อคุณแม่พวกคุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ เขาก็ แค่ล้อเล่นน่ะค่ะ”

“โอ้ว้าว ภูเขาน้ำแข็งก็ล้อเล่นเป็นเหมือนกันนะคะ ดู เหมือนว่าคืนนี้เราต้องจุดประทัดฉลองซะแล้ว”

น้องสามีพูดประชดประชันออกมาอีกครั้ง น้องสามี ต้องการแก้แค้น เพราะไม่สามารถลืมคำพูดที่พี่ชายบอกเธอ ว่าไม่มีวันได้แต่งงานได้

มื้อเย็นจบลงท่ามกลางการลับฝีปากระหว่างกัน หลังมื้อ เย็นผลินก็เดินขึ้นไปข้างบน ภายในใจยังคงคิดหนัก เธอยืน มองดาวที่หน้าต่างฝรั่งเศส ปยุตเดินเข้ามา

“เป็นอะไร อารมณ์ไม่ดีเหรอ”
เขาโอบกอดเอวบอบบางของเธอจากด้านหลัง ภายใน ห้องนั้นอบอุ่น เธอจึงแต่งตัวด้วยเสื้อผ้างบาง ลมเย็นจาก ภายนอกพัดผ่านเข้ามาทางกระจกหน้าต่าง

“เปล่าค่ะ อาจจะเพราะใกล้จบเทอมแล้ว จึงเหนื่อยนิด หน่อย”

“วันหยุดฤดูหนาวใกล้เข้ามาแล้วเหรอ”

“อืม”

“อยากไปเที่ยวไหม

ผลินตกใจมาก ถามเขาทางสายตาเล็กน้อย “ไปที่ไหน คะ กับช่วงเวลาอากาศหนาวอย่างนี้

“มีสองที่ให้คุณเลือก ที่แรกไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่ ที่สองไปดูหิมะที่ฮอกไกโด”

เธอครุ่นคิด “จริงเหรอ คุณมีเวลาเหรอ”

“อืม มันเป็นช่วงสิ้นปี ที่บริษัทไม่มีอะไรหรอก ชนัยจัดการ ได้ โดยที่ไม่ต้องมีเจ้านายคอยนั่งสั่งการ

“งั้นไปดูหิมะที่ฮอกไกโด”

“ทำไมไม่ไปเล่นสกีในสวิตเซอร์แลนด์ล่ะ”
ผลินพูดช้า ๆ “ฉันเล่นไม่เป็น”

ปยุตดวงตาเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ ลูบหน้าผาก และถอนหายใจ “ภรรยาของผม คุณมาจากดาวดวงไหนกัน แน่ คุณไม่ได้เป็นมนุษย์โลกใช่ไหม”

“ฉันมาจากดวงจันทร์ ดังนั้นคุณจะต้องมีจรวด เพื่อส่งฉัน กลับไปที่นั่น”

ปยุตส่ายหน้าอีกครั้งและถอนหายใจ “เอาเถอะ ถึงแม้ว่า มันจะค่อนข้างจัดการยากเล็กน้อย แต่ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็น คนของผม เดี๋ยวจะส่งคุณกลับไป ถึงผมจะไม่เต็มใจก็ตาม”

ผลินยิ้มอย่างขมขื่น ทันใดนั้นก็หันมาเอื้อมมือไปโอบ กอดเขา “สามี พวกเรามีลูกกันไหม”

“ลูก?”

ปยุตแปลกใจ “ทำไมคุณถึงคิดอยากจะมีลูกแล้วล่ะ”

“ไม่ใช่ว่าเพิ่งคิด แต่ว่าวางแผนอนาคตมาสักพักแล้ว เรา แต่งงานกันมาครึ่งปี ไม่ควรมีลูกเป็นของพวกเราเองหรอก เหรอ”

“แต่ผมยังไม่รู้สึกพอกับโลกที่มีเพียงสองเราเลย

ปยุตพูดคําสองแง่สองงามติดชิดริมใบหูของเธอ
ผลินหน้าแดงเล็กน้อย “อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวสิ คุณพ่อ กับคุณแม่เฝ้ารอหลานชายจนผมกลายเป็นสีขาวแล้วนะ”

ปยุตครุ่นคิด “งั้นก็ดี คืนนี้เราจะมีโครงการวางแผนสร้าง มนุษย์กัน”

“ไม่ใช่คืนนี้ ประจำเดือนของฉันมา”

ปยุตกลอกตา “ประจำเดือนของคุณมักจะมาในช่วงเวลา ที่ดีเสมอเลยนะ”

“ยังไงก็ตามมันถึงเวลาแล้ว ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากทริ ปนี้เลยล่ะคะ”

ผลินเสนอออกมาอย่างเต็มไปด้วยความหวัง

“เอาสิ”

ปยุตตอบตกลง

เมื่อได้ยินที่เขาตอบตกลง เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมา มากมายนัก แต่รู้สึกอนาถตัวเองมากกว่า รู้สึกอนาถความคิด ของตัวเอง เธอต้องการใช้ลูกมาเป็นสายใยเพื่อรักษาความ สัมพันธ์ระหว่างปยุตเอาไว้ ช่างเป็นความคิดที่น่าเศร้า

วันหยุดฤดูหนาวได้เดินทางมาถึง อากาศนั้นเย็นลงมาก ปยุตกําหนดวันเดินทางเป็นในวันเสาร์ เมื่อออกไปข้างนอก ในตอนเช้า เขาก็พูดกับผลินว่า “ภรรยาของผม คุณไปที่สนามบินก่อน ผมต้องไปจัดการบางเรื่องที่บริษัท เดียวผมจะ รีบไปหาคุณ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ