ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 183 ปล่อยความรักให้เป็นอิสระ



ตอนที่ 183 ปล่อยความรักให้เป็นอิสระ

ไม่เคยคิดเลยว่า คําพูดไร้สาระที่พูดออกไปอย่างนั้นจะ ถูกจับมาเป็นประเด็น ถึงแม้ว่าจะลําบากใจ แต่คําพูดที่ออก ไปแล้วก็เหมือนน้ำที่เทออกไป มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเอามัน กลับมา

นอกจากนั้นภนต์เป็นผู้นําที่ดีหรือไม่ อย่างไรเสียมันก็ไม่ดี กับตัวเองถ้าจะขัดใจเขา เธอลังเลชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มและพยัก หน้า “ค่ะ ได้…

ผู้สัมภาษณ์อีกสามคนมองหน้ากัน หลังจากนภนต์พยัก หน้าให้จึงทยอยกันออกจากห้องประชุมไป

“อีกสองชั่วโมงกว่าจะมื้อเที่ยง คุณก็นั่งรอผมที่นี่แล้วกัน”

หลังจากที่นานต์พูดจบแล้วก็เดินออกไป ไม่ถามเลยว่า ผลินจะอยู่รอหรือไม่

ผลินขยี้ผมจนยุ่งเหยิง คิดว่าตั้งแต่ตัวเองมาที่เมือง F นั้น ทุกอย่างไปได้ด้วยดีตลอด เพราะไม่คิดว่าครั้งแรกของการ สัมภาษณ์งานจะมีขนมปังจากท้องฟ้าหล่นลงมาตกใส่ แต่ก็ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเองนี้มันดี หรือไม่ดีกันแน่

สองชั่วโมงนั้นยาวนาน เธอหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา จากกระเป๋า แต่ฟุ้งซ่านเสียจนอ่านไม่รู้เรื่อง ทำไมต้องพูด มากด้วย เมื่อเช้ากินมาไม่เพียงพอหรือไง ทำไมจึงต้องเริ่มคุยกับคนแปลกหน้า หากไม่เริ่มคุย ตอนนี้ก็ไม่ต้องมานั่งรอ ที่นี่เพื่อทำตามสัญญาเหมือนคนโง่

ตอนสิบเอ็ดโมง นภนต์มาที่ห้องประชุม เปิดประตูและพูด กับเธอ “ไปได้แล้ว”

ผลินรีบเอาหนังสือใส่กระเป๋า แล้วตามไป เมื่ออยู่ในลิฟต์ เธอกลัวที่จะพูดอีกครั้ง แต่นภนต์เปิดปากขึ้นมาก่อนเอง “ไป ทานอะไรดีครับ

“ตายสบายค่ะ”

เธอตอบสั้น ๆ

หึ นภนต์หัวเราะออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ชัดเจนว่าคุณ ชวนผมไปทานอาหาร คุณตอบอะไรราวกับว่าผมเป็นคน เชิญคุณอย่างนั้นแหละ”

ผลินชะงักไป อธิบายอย่างกระอักกระอ่วน “ฉันไม่ได้ หมายความอย่างนั้น ฉันหมายถึงว่าฉันเพิ่งมาที่เมือง F ไม่นาน จึงไม่คุ้นเคยกับที่นี่ คุณสามารถไปที่ใดก็ได้ที่คุณ ต้องการ ฉันจะจ่ายเอง”

“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค”

นภนต์พยักหน้ารับความหมาย ออกจากบริษัทผลินจงใจ รักษาระยะห่างจากเขา นภนต์เดินไปที่รถของเขา ผลินยัง คงอ้อยอิ่งอยู่หน้าประตูบริษัท เขารอครู่หนึ่ง หลังจากที่เธอเดินมา เขาก็ถามติดตลก “คุณไม่ได้อยากชวนผมไปทาน ข้าวใช่ไหม”

“เปล่าค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นความกระตือรือร้นของคุณมันไม่น้อยไป หน่อยเหรอครับ”

ผลินยิ้มแข็ง “ฉันเป็นแบบนี้ปกติค่ะ”

“ข็นรถเถอะครับ”

นภนต์เปิดประตูรถ ผลินเข้าไปนั่ง เขาขับรถไปที่ร้าน อาหารญี่ปุ่น เอ่ยถามเธอ “คุณทานอาหารญี่ปุ่นไหมครับ”

“ฉันเป็นคนเลี้ยง คุณเลือกอะไรก็ได้ที่ต้องการค่ะ”

ผลินแสร้งทำท่าทางเชื้อเชิญทำเป็นใจกว้าง พวกเขาเดินเคียงข้างกันมาถึงห้องอาหารหรูหรา ผลินพูด กับนภนต์ “คุณสั่งเลยค่ะ”

นภนต์ไม่เกรงใจ สั่งอาหารจานพิเศษหลายอย่างมาอย่าง คุ้นเคย ผลินมองเขาพลางคิด ตอนที่อยู่ในลิฟต์วางท่า ถือตัว แต่กลับมาทานมื้อเที่ยงกับผู้สมัครงานง่าย ๆ แบบนี้ เลยงั้นเหรอ ยังไงก็ตามสำหรับเธอมันไม่ใช่รักแรกพบ…

“คุณบอกว่าคุณเพิ่งมาที่เมือง F

คุณไม่ได้เป็นคนเมืองF หรอกเหรอครับ”

นภนต์เงยหน้าขึ้นถามเธอ

“อืม ไม่ใช่ค่ะ”

“แล้วคุณเป็นคนที่ไหนเหรอครับ”

ผลินไม่อยากบอกความจริง จึงแค่เลือกบอกออกไปสักที่ “เมือง A ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณมาที่เมือง F เพื่อหางานเหรอครับ”

“พ่อแม่ของฉันเสีย เลยมาอยู่ที่นี่กับลุงของฉันน่ะค่ะ”

นภนต์ชะงักไป อาจจะไม่คิดว่าเธอจะเป็นเด็กกำพร้า พูด ด้วยความเสียใจเล็กน้อย “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ รื้อฟื้นความเจ็บปวดของคุณ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ ผลินทานและมองไปที่ดวงตา ของฝ่ายตรงข้าม ในที่สุดก็ทนไม่ได้ เอ่ยถามว่า “ฉันมี คำถามจะถามคุณได้ไหมคะ”

“ครับ ได้สิ”

“ทำไมฉันได้รับการคัดเลือกเหรอคะ”
นภนต์วางส้อมลงให้คำตอบที่น่าสนใจ “เพราะชื่อของ คุณ”

“ชื่อของฉัน?” ผลินสับสนมาก “หมายความว่ายังไงที่ว่า ชื่อของฉัน”

“ชื่อของคุณไม่ได้มีตัวอักษรที่คล้ายผมเหรอครับ ผมชื่อ

นภนต์ คุณชื่อเวทิดา ถ้างั้นคุณก็ไม่ได้รับเลือกหรอก”

“ที่เลือกเพราะฉันมีชื่อสอดคล้องกับคุณงั้นเหรอคะ”

“ใช่ครับ”

ผลินเงียบไป

หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน คนสองคนออกจาก ห้องอาหาร ผลินเดินไปเช็กบิล แต่เขาบอกว่าบิลถูกจ่ายแล้ว เธอออกไปด้วยความประหลาดใจและเอ่ยถาม “คุณจ่ายบิล แล้วเหรอคะ”

“ครับ”

“ทำไมล่ะคะ ไม่ได้บอกว่าให้ฉันเลี้ยงเหรอ” นภนต์ยิ้มเหยียด โบกมือโดยไม่หันกลับมา “ติดหนี้ไปก่อน แล้วกัน”

เมื่อผลินกลับมาถึงบ้านมันก็เป็นเวลาบ่ายโมงแล้ว ทันทีที่ป้าเห็นเธอก็ถามอย่างกังวล “ทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ การ สัมภาษณ์ประสบความสำเร็จไหมจ๊ะ

เธอท่าเป็นเศร้าก่อน จากนั้นก็ยิ้ม และยกกําปั้นขึ้นสองมือ “สำเร็จแล้วค่ะ”

“เยี่ยมมากเลยจ้ะ”

ที่ปินากอดเธออย่างมีความสุข “ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้อง ประสบความสําเร็จเพราะความเฉลียวฉลาดที่มี”

ถึงแม้ว่าจะมีการปล่อยไก่ไปบ้างแต่ผลินก็มีความสุข หลัง จากคุยกับป้า เธอก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง หลังจากนอน หลับไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เธอฝันถึง การแต่งงานระหว่างปยุตกับจันทร ท้องของจันทรนูนใหญ่ ขึ้น ใบหน้าของทั้งสองเป็นรอยยิ้มที่มีความสุข รอยยิ้มของ จันทรเสียดสีเยาะเย้ยเธอถึงที่สุด ดังนั้นเมื่อตื่นขึ้นมา เธอ

จึงเอามือกุมหน้าอก เพราะจู่ ๆ มันก็รู้สึกเจ็บปวด

เปิดแล็ปท็อปขึ้นมา เธอเข้าสู่ระบบ QQ และเพียงไม่นาน ก็เห็นช่องการสนทนาของชื่นใจกะพริบอย่างบ้าคลั่ง คลิกดู ก็พบว่ามีอย่างน้อยหลายสิบข้อความ

“ลิน เธออยู่ที่ไหน ทำไมโทรศัพท์มือถือถึงติดต่อไม่ได้ เลย เธอเปลี่ยนเบอร์เหรอ ฉันไปหาเธอที่บ้านเมื่อวานนี้แม่ สามีของเธอบอกว่าเธอไปแล้ว ฉันเสียใจจริง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่า มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเธอบ้าง ทำไมเธอถึงไม่บอกฉัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนเธอแล้วเหรอถ้าเธอเห็นข้อความเมื่อไหร่รีบตอบฉันด้วยนะ ฉันเป็นห่วง เธอจริง ๆ”’ฉันทิ้งข้อความไว้ให้เธอสองวันแล้วนะ ทำไมเธอ ไม่ตอบฉันเลย เธอไม่ต้องการเพื่อนอย่างฉันอีกต่อไปแล้ว เหรอ ฉันรู้ว่าเธอเกลียดคุณปยุต แต่ถ้าเธอเกลียดเขาฉัน จะไม่ติดต่อไป เธอบอกฉันสิว่าเธออยู่ที่ไหน ฉันจะไม่บอก คุณปยุตแน่นอน วันนี้เขาโทรหาฉันด้วย ถามฉันว่ารู้ไหมว่า เธออยู่ที่ไหน ฉันบอกไปว่าไม่รู้ เพราะฉันไม่รู้จริง ๆ และถึง แม้ว่าฉันจะรู้ ฉันก็จะไม่บอกเขาเด็ดขาด ตอบฉันมาเร็ว ๆ นะ คิดถึงเธอมากนะเพื่อน!!

“ลิน เธอยังไม่ตอบฉันเลยนะ เธอคิดจะขาดการติดต่อกับ ฉันแล้วเหรอ ช่วงนี้ฉันหงุดหงิดมาก จันทรได้เข้าไปอยู่ใน บ้านตระกูลทรัพยสานแล้ว ยังไม่มีข่าวจากเธอเลย ไวภพ ก็ยังคงคิดถึงเธอ ยังไงก็ตาม กับปัญหาทุกอย่าง ฉันเองก็ อยากหนีออกจากบ้านแล้วเหมือนกัน…

ผลินมองดูที่ข้อความ เมื่อเห็นว่าจันทรได้ย้ายเข้าไปอยู่ที่ บ้านของตระกูลทรัพยสานแล้ว น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา โดยไม่รู้ตัว ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็ยังชนะอยู่ดี มันเป็นการ แดกดันที่ตลกที่สุดของเธอ

เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากตา ความหวังสุดท้ายที่เคย เป็นแสงริบหรี่ในหัวใจพังทลายลงแล้ว แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมรับให้ได้เท่านั้น ว่าระหว่างเธอกับปยุต ใน ความเป็นจริง ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก

“ชื่นใจ ตอนนี้ฉันมีชีวิตที่ดี เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันนะ ที่ฉันไม่ได้ติดต่อเธอไม่ใช่ว่าไม่เห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เพราะฉันต้องการกำจัดอดีต กำจัดอดีตที่น่ากลัวของฉัน วันหนึ่ง ที่ฉันสามารถเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดในอดีตได้แล้ว วัน นั้นฉันจะกลับไปหาเธอ ตอนนี้เธอจะต้องปกป้องความสุข ของตัวเองเอาไว้นะ ถ้าเธออดทนเธอก็จะได้รับมัน ถึงแม้ว่า ฉันจะยืนยันไม่ได้ว่ามันสำเร็จ แต่ฉันไม่เคยเสียใจที่ได้ยิน หยัดในช่วงเวลานั้น อย่าทิ้งข้อความไว้ให้ฉันอีก ไม่ต้อง บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องของเขาทุกเรื่อง ตอนนี้ฉันแค่อยากใช้ ชีวิตอย่างสงบ ฉันขอให้เธอมีความสุข เพื่อนที่รักของฉัน…

กดคลิกส่งไป จากนั้นเธอก็ปิดคอมพิวเตอร์

อดีต ลาแล้วจริง ๆ

วันรุ่งขึ้น ผลินเตรียมตัวไปรายงานตัวที่บริษัท ในจณะที่นั่ง บนรถบัส เธออดคิดเกี่ยวกับนภนต์ไม่ได้ ภาวนาในใจเงียบ ๆ ว่าขออย่าถูกมอบหมายให้ไปอยู่ฝ่ายการตลาดเลย

ถึงแม้ว่าจะเป็นความหวัง แต่มันมักจะไม่เป็นดังหวัง

มาถึงแผนกบุคคล เพื่อนร่วมงานอีกสองคนต่างค่อย ๆ ทยอยกันมาถึง หลังจากปฏิบัติตามขั้นตอนต่าง ๆ แล้ว หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลก็หยิบเอกสารการบันทึกออกมา และกล่าวว่า “ตอนนี้ฉันจะอ่านเกี่ยวกับแผนกของพวกคุณ ผู้ ช่วยแผนกจะมานำพาพวกคุณไป”

“คุณชวารี แผนกธุรกิจ”

“คุณนลินี แผนกวิจัยและพัฒนา”
“คุณเวทิดา แผนกการตลาด”

ทันทีที่หัวหน้าฝ่ายบุคคลพูดจบ ผลินก็พูดออกมา “ทำไม ฉันถึงอยู่ในแผนกการตลาดล่ะคะ”

สองสาวสวยจ้องมองเธอเขม็ง คิดว่าเธอจงใจยั่วพวกเธอ มีใครไม่รู้บ้างว่าแผนกการตลาดเป็นแผนกที่ดีที่สุดในบริษัท นี้ คนปกติไม่สามารถเข้าไปได้ เธอยังมามีสีหน้าเศร้าทำ เหมือนได้ของทั่วไปราคาถูก

“คุณเวทิดา คุณมีปัญหาอะไรกับแผนกการตลาดเหรอ”

ผลินเพิ่งตระหนักว่าได้เสียการควบคุมตัวเองไป จึงส่าย หน้าอย่างเขินอาย “ไม่มีค่ะ”

“ไม่มีก็ดีแล้ว พวกคุณเตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปรายงาน ตัวกับหัวหน้าแผนกของพวกคุณ”

ชวารีและนลินีถูกนำตัวไป และตามด้วยผลินที่ถูกนำออก ไป ผู้ช่วยฝ่ายการตลาดเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผลินตามเธอ ไปและแกล้งทำเป็นถามว่า “ใครเป็นผู้รับผิดชอบในการ จัดสรรพนักงานใหม่เหรอคะ”

“ผู้อำนวยการนภนต์ค่ะ”

ผู้ช่วยให้คำตอบที่ชัดถ้อยชัดคำ

ผลินทอดถอนใจ เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าเธอถูกจับตามองโดยผู้ชายคนนี้

หลังจากเดินไปครู่หนึ่งจึงมาถึงยังแผนกการตลาดของ บริษัท ทันทีที่เข้าไปในห้องกว้างก็ได้เห็นบรรยากาศการ ทํางานที่เข้มงวด ผู้ช่วยพาเธอไปที่ห้องของผู้อำนวย การ และพูดด้วยความเคารพ “ท่านผอ.คะ นี่คือคุณเวทิดา พนักงานใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้มาอยู่แผนกของเราค่ะ”

นภนต์เงยหน้าขึ้น “ครับ เข้าใจแล้ว คุณออกไปจัดโต๊ะให้ เธอด้วยนะ”

ผลินมองเขาด้วยความประหลาดใจ วันนี้เขาแตกต่างจาก เมื่อวาน ไม่ใส่ชุดลำลองอีก แต่ใส่ชุดสูทแบบทางการ ผม ถูกจัดแต่งให้เป็นทรง จนดูหล่อสมบูรณ์แบบ

ถ้าเมื่อวานเขาแต่งตัวแบบนี้ เธอจะไม่เข้าใจผิดว่าเขาเป็น คนมาสมัครงานเลย เมื่อคิดขึ้นมาก็อดจะตำหนิตัวเองไม่ ได้…

“ช่างเป็นโชคชะตาเสียจริง คุณเวทิดา พวกเราเจอกันอีก แล้วนะครับ”

นภนต์ยื่นมือออกไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ