ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

บทที่ 108 การต่อสู้กับจันทร



บทที่ 108 การต่อสู้กับจันทร

ลูกตาของผลินเกือบตกลงมาด้วยความตกใจ ส่วนดวงตา ของปยุตก็เปลี่ยนเป็นโกรธจัด ปยุตใบหน้าซีดเผือดด้วย ความตกตะลึง แล้วถามแม่อย่างบ้าคลั่ง”คุณแม่! คุณแม่ อยากให้ผมหย่าอีกครั้งหรือยังไง!!”

เขาดึงผลินขึ้นไป เรารีบไปกันเถอะ คุณแม่เธออาจจะ ไม่ค่อยปกติแล้ว

ผลินสะบัดมือจากเขา แล้วพูดรอดไรฟันว่า “ฉันจะจัดการ กับคุณทีหลัง”แล้วจึงทำการปลอบแม่สามีต่อ

ผลินปลอบใจแม่สามีอีกสักพัก เมื่อแม่สามีรู้สึกดีขึ้น เธอ จึงออกจากห้องไปยังห้องของตัวเอง

ปยุตนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนอน อดทนรอจนกว่าเธอจะ กลับมาและอธิบายให้เธอฟัง

“ภรรยาของผม คุณต้องไม่จริงจังกับคำพูดของแม่ผมนะ เธอเพิ่งถูกกระตุ้นทางจิตใจ ถึงได้พูดอะไรไร้สาระออกมา”

ผลินชำเลืองมองเขา“ใช่เหรอ เธอพูดเรื่องไร้สาระ หรือ ว่าใครบางคนกำลังรู้สึกผิดอีกครั้งกันแน่”

“ผมจะต้องรู้สึกผิดทำไม ผมเป็นสุภาพบุรุษและตรงไปตรง มากับคุณ”
“ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าคุณไม่ได้บริสุทธิ์ แต่ก็รับไม่ได้ไปมีอะไร กับผู้หญิงขี้เมาตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้น คุณก็พิจารณาตัว เองให้ดีเถอะ!”

ผลินเรียนรู้ที่จะกล้าหาญเหมือนกับแม่สามี เอาหมอนเข วี้ยงใส่เขา หลังจากเขวี้ยงหมอนก็ผลักเขาออกไป”ไป เลย นะ พิจารณาตัวเองได้เมื่อไหร่เมื่อนั้นก็ค่อยกลับมา”

“ทำไมคุณถึงได้เรียนรู้แต่สิ่งไม่ดีมาเนี่ย คุณบอกให้ผมไป พิจารณาตัวเองในวันที่อากาศหนาวแบบนี้เนี่ยนะ

“คุณพ่อไปพิจารณาตัวเองที่ไหนคุณก็ไปที่นั่นนั่นแหละ”

เกิดเสียงดังปัง! ผลินปิดประตูใส่ ถึงแม้ปยุตจะร้อง เรียกจนคอแทบแตกก็ไม่เปิดประตูให้เขาเลย

ปยุตถือหมอนเดินไปที่ห้องพักแขก ธามันยืนสูบบุหรี่อยู่ ที่หน้าต่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้า จึงหันมองย้อน กลับ ไป ถามอย่างสงสัยว่า”อ้าว แกมาทำอะไร”

“เพราะสิ่งที่คุณพ่อทำแหละ ผมถึงได้ถูกไล่ออกมาด้วย เนี่ย”

สีหน้าของธามันบึ้งตึง สูบบุหรี่ต่อโดยที่ไม่ถามอะไรอีก

หลังจากนั้นไม่นาน ลูกชายก็เริ่มถาม “คุณพ่อครับ บอก มาตามตรงนะ คุณพ่อมีชู้จริงใช่ไหม”
“เจ้าเด็กบ้า พูดอะไร อายุเท่านี้แล้วผมเนียนะจะไปมีชูกับ ใคร!”

ธามันจ้องลูกชายอย่างหงุดหงิด

“ผมรู้หรอกน่าอย่าปฏิเสธเลย ปกติคุณแม่ไม่ทะเลาะกับ คุณพ่อง่าย ๆ หรอก ถ้าไม่มีปัญหาอะไรน่ะใช่ไหมล่ะ ครับ”

“คืนนี้เธออาจโดนลมแรงเกินไป อย่าไปสนใจเธอเลย”

“ผมก็คิดว่ามันเป็นเพราะลมนั่นแหละ เล่าเรื่องทุกอย่าง ของผมกับผู้หญิงขี้เมาตอนมหาวิทยาลัยให้ลินฟังด้วย ฟัง หมดเลย”

ปยุตถอนหายใจ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ และไม่อยากคิด อะไรต่ออีก

ในตอนเช้าตรู่ ช่วงเวลามื้อเช้า ปาณีรู้สึกว่ามีบางอย่าง ผิดปกติ อย่างแรกคือแม่ของเธอไม่สนใจพ่อของเธอเลย ต่อไปก็เป็นพี่สะใภ้ของเธอที่คาดคั้นกับพี่ชายของเธอ เธอ ต้องการที่จะถามเหตุผลถึงเรื่องที่เคยก่อเอาไว้ เธอก็รีบ ทานข้าวแล้วชิ่งหนีไป

ก่อนที่ปยุตจะออกไปทำงานก็ขึ้นไปที่ห้องนอนอีกครั้ง เผชิญหน้าคุยกับผลิน ภรรยาของผม หลังจากคืนแห่ง การ พิจารณาตัวเอง ผมได้ตระหนักอย่างดีว่าตัวเองผิดไปแล้ว นี่ เป็นหนังสือทบทวนที่ผมเขียน คุณได้โปรดยอมรับ มันด้วย เถอะนะ” ผลินอึ้ง ปยุตนำจดหมายสำนักผิดไปใส่ในมือของเธอ แล้วจูบที่แก้มของเธอ ออกไปทำงานพร้อมกับรอย

เธอเปิดจดหมายสำนักผิดในมือ หลังจากที่ได้เห็นก็ หัวเราะออกมา มันเหมือนกับที่เธอเขียนให้เขาเมื่อครั้งที่ แล้ว คิดว่าเขาโยนมันทิ้งลงในถังขยะและไม่ได้สนใจมัน เสียอีก

ติ้งติ้ง มีเสียงเตือนข้อความเข้าของโทรศัพท์มือถือ ดัง ขึ้น”ภรรยาของผม กำลังหัวเราะอยู่เหรอ ถ้าหัวเราะก็ แสดง ว่าคณให้อภัยผมแล้ว งั้นเย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะ”

เธอตอบพร้อมกับรอยยิ้ม แล้วแต่อารมณ์”

ปยุตเห็นข้อความตอบกลับมา ก็รู้สึกดีขึ้น เขารู้ดีผลิน แล้ว ถ้าไม่ยกโทษให้เขา ก็คงจะไม่ตอบแน่

ย่งตลอดทั้งเช้า เมื่อถึงตอนเที่ยง จู่ ๆ ชนัยก็มาเคาะ ประตู

“ท่านประทานครับ มีคนส่งจดหมายลับมาให้คุณ มันจ่า หน้าถึงคุณครับ”

ปยุตรับไปอย่างอารมณ์ไม่ดี”จดหมายลับอะไร นายทํา อย่างกับว่ารบกับพวกกองโจร”

เปิดซองออก มันเป็นกระดาษสีฟ้า สีหน้าของเขาชะงัก นิ้วมือสั่นเล็กน้อย จ้องมองกระดาษที่พับเป็นรูปนัก กระเรียนเอ่ยถามอย่างเย็นชา”ใครส่งมา

“เห็นบอกว่าเป็นผู้หญิงครับ ฝากไว้ที่แผนกต้อนรับ

ปยุตใจกระตุกเล็กน้อย”ออกไป”

เห็นชนัยออกไปแล้ว เขาจึงแกะกระดาษรูปนกกระเรียน ออกมาดูท่ามกลางอารมณ์ที่ซับซ้อน มันคือตัวอักษร สวยงามที่เขาคุ้นเคย”พี่ยุตคะ ฉันจันทรนะ ฉันกลับมาแล้ว ตอนหกโมงเย็นถ้าคุณสะดวก พวกเราเจอกันที่สถาน ที่เก่า นะคะ”

เพียงไม่กี่คำ แต่เหมือนดั่งพายุโหมกระหน่ำ หัวใจของป ยุตที่เคยสงบพลันมีคลื่นลมแรง

เขาติดอยู่ในความทรงจำที่ยาวนาน ติดอยู่ในความทรง จำที่มีผู้หญิงคนนั้น ทั้งงดงาม ทั้งเจ็บปวด ซึ่งไม่สามารถ ลืม ซึ่งยังคงตราตรึง…

ตลอดช่วงบ่าย หัวใจของเขาก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม้แต่ ในระหว่างการประชุมที่ควรเอาใจใส่ มีคนมารายงาน แต่เขา ก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น

ห้าโมงสิบห้านาที พนักงานของบริษัทเลิกงานกันหมด แล้ว และเขานั่งอยู่คนเดียวในบริษัท นึกถึงประโยคของ ผลิน’คุณแต่งงานกับฉันแล้ว แล้วการตอบเหตุผลที่เธอ ทรยศหักหลังคุณมันสำคัญด้วยเหรอ’รู้ว่าการไปตามนัด จะ ทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวด แต่ในใจก็ไม่สามารถระงับแรงกระตุ้นความปรารถนาที่จะได้เจอกับจันทรได้

หลังจากการต่อสู้ความเจ็บปวดกับตนเอง คำพูดนั้นของ ผลินไม่สามารถเอาชนะแรงกระตุ้นความอยากเจอจันทร ของเขาได้ เขาหยิบกุญแจรถ ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวไปยัง สถานที่เก่าที่พวกเขาได้ตกลงกันไว้

ระหว่างทาง เขาคิดถึงคำพูดหลายพันคำที่อยากจะพูด หลังจากได้พบกัน เขายังคิดว่าก่อนจะพูด อยากจะตบหน้า เธออย่างแรง เพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวเองในช่วงสามปีที่ผ่าน มา กับความทุกข์และความอัปยศอดสู

รถหยุดที่ร้านบะหมี่พริกเผ็ด เขาไม่ได้ลงมาในทันที มอง ดูเด็กนักเรียนที่กำลังเข้ามาและผ่านประตูออกไปจาก ระยะ ไกล มันเหมือนกับว่าหัวใจหล่นลงไปในขวดเครื่องปรุงรส ไม่เคยคิดเลย ว่าจะได้เจอกับจันทรอีกครั้ง และมัน ยังเป็น สถานที่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีของพวกเขา

เขานั่งอยู่เฉย ๆ เป็นเวลานาน จากนั้นก็ผลักประตูเปิด แล้วเดินเข้าไปในร้านบะหมี่ที่เงียบสงบ

เกือบจะพร้อมกันที่พวกเขาเห็นกันและกัน ในขณะที่ สายตาปะทะกันนั้น จังหวะการเต้นของหัวใจก็สั่นไหวอย่าง ไม่สามารถอธิบายได้ แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่มันก็ยังมีความคิดถึงปนอยู่ในความรู้สึกนั้น ปยุตจ้อง มองจันทรไม่ลดละ ผู้หญิงที่เขาเคยรักมากที่สุดยังสวยและ บริสุทธิ์ แม้ว่ามันจะเป็นแค่แววตา ก็สามารถดึงหัวใจ ของ เขาได้
คำพูดที่โหดร้าย ไม่สามารถพูดมันออกมาได้

ที่อยากตบ ก็ทิ้งมันไปเช่นกัน

“พี่ยุตคะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ

จันทรยื่นมือเรียวออกไป หวังว่าจะได้จับมือเขา

ปยุต มือสลับคลาย จนสุดท้ายก็ยื่นออกไป หลังจาก สามปี ได้สัมผัสกันอีกครั้งด้วยมือที่เคยจับกันมาแล้วนับ ครั้ง ไม่ถ้วน หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าอย่างไม่มีที่ สิ้นสุด

“เถ้าแก่คะ เราขอก๋วยเตี๋ยวเผ็ดสองชามค่ะ ของเขาเผ็ด น้อย ส่วนฉันขอเผ็ดมากค่ะ”

จันทรตะโกนสังกับเจ้าของร้าน เธอยังคงเหมือนเดิมดัง เช่นเมื่อหลายปีก่อน มีคู่ดวงตาที่สดใส มีลักยิ้มที่น่ารัก มี ผม ยาวสลวยเหมือนนําตก มีสัมผัสของความอ่อนโยนในแววตา ที่กระตุ้นให้เขาสงสาร

ปยุตหัวใจกระตุก การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของ จันทรหาให้เขาผิดหวัง ความผิดหวังไม่ใช่การทรยศหักหลัง ของเธอ แต่หลังจากผ่านมานาน เธอก็ยังคงสามารถมีน้ำ หนักภายในจิตใจของเขาจนไม่สามารถแบกเอาไว้ได้ อยู่ดี

เถ้าแก่นำบะหมี่เผ็ดมาเสิร์ฟ จันทรนำชามที่มีพริกเล็ก น้อยมาวางตรงหน้าเขา แล้วเอาชามที่มีพริกเยอะไป แก้ไขมันด้วยตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

“พี่ยุตคะ คุณมีอะไรจะถามฉันหรือเปล่า”

พวกเขานั่งเงียบกันมาเป็นระยะเวลานาน แต่ก็ไม่มี ใครพูดอะไรต่อกัน จันทรหลุบเปลือกตาลง แพขนตาสวย เหมือนแสงวาบของฟ้าผ่า

แต่ในทันที มันก็หายวับไป

“แล้วเธอมีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าล่ะ

แน่นอนว่ามีบางอย่างที่อยากจะถามเธอ แต่ตอนนี้เขา อยากรู้มากกว่า ว่าผู้หญิงคนนี้อยากจะพูดอะไรกับเขา

“ฉันได้ยินว่าคุณแต่งงานแล้ว”

จันทรเงยหน้าขึ้นมองเขา สัมผัสของความอ่อนโยนใน ดวงตานั้น ทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอีกครั้ง

“อืม”

“คุณมีความสุขไหมคะ”

“มีความสุขมาก แน่นอนว่าสามปีที่แล้ว ถ้าเธอไม่ไปผม ก็คงจะมีความสุขมากกว่านี้”

“ขอโทษนะคะ”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดแบบนี้ บอกมา กลับมาอีก ทําไม”

“เพราะมีเหตุผลที่ต้องกลับมาน่ะค่ะ”

“เหตุผลนี้ผมไม่สามารถรู้ได้เหรอ”

“คุณรู้ได้ค่ะ แต่มันยังไม่ถึงเวลา”

จันทรจับผมยาวสยายเข้าทัดใบหู ยิ้มและดึงคู่ตะเกียบ ออกมา“เอาล่ะ ทานบะหมี่ก่อนเถอะค่ะ บะหมี่จะเย็นหมด แล้ว”

เธอคีบลูกชิ้นเข้าไปเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงพัดไปที่ ปาก“ว้าว เผ็ดจัง รสชาติดีมากเลยค่ะ”

ปยุตเหมือนรูปปั้นที่ไม่ขยับ แค่ดูเธอทาน มันเหมือนกับ เมื่อก่อน ทุกครั้งที่พวกเขามาที่ร้านบะหมี่พริกเผ็ด เขาจะ เฝ้ามองเธออย่างเงียบ ๆ ก่อน แล้วเขาก็ค่อยทาน เทียบกับ ตอนนั้นเอง ดวงตาเหมือนจมลงสู่ห้วงอดีตไม่มีแล้ว

“ไม่เอาดีกว่า ไม่เอาแล้ว ไม่ได้ทานมาตั้งนานแล้ว ฉันไม่ สามารถทานเผ็ดแบบนี้ได้อีกแล้วค่ะ”

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จันทรน้ำตาไหลลงอาบแก้ม น้ำตาที่ ไหลลงมาเปล่งประกายระยิบระยับทำให้หัวใจของปยุตอ่อน ยวบ
เขาดึงกระดาษทิชชู่ออกมาสามสามแผ่นส่งให้เธอ แล้ว พูดว่า “ทานชามของฉันสิ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคิดว่าฉันต้องฝึกใหม่ มันจะไม่ได้ ประโยชน์เพราะคุณอุตส่าห์ตั้งชื่อให้ฉันว่าน้องพริก”

เธอยังคงทานบะหมี่เผ็ดต่อไป น้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุด

ปยุตส่งทิชชู่ให้เธออย่างไร้ความรู้สึก หนึ่งชิ้น สองชิ้น จนถึงที่สุดทั้งเธอและเขาก็ไม่รู้ว่ามันคือน้ำตาที่เกิดจาก ความเผ็ดหรือน้ำตาที่ไหลออกมาจากหัวใจ

ผลินรอจนถึงหกโมง แต่ปยุตก็ยังไม่กลับมา ไม่มี โทรศัพท์จากเขา แต่เขาก็พูดอย่างชัดเจนเมื่อเช้านี้ ว่าทาน ข้าว เย็นด้วยกัน

เธอคิดว่าเขายุ่งกับงานจนอาจจะลืม จึงโทรศัพท์ไปหา เพื่อเตือนเขา มันกลับกลายเป็นว่ารออยู่นานก็ไม่มีใครรับ สาย

เธอโทรออกอีกครั้งไปหาชนัย คิดว่าชนัยคงจะรู้ว่าเขา อยู่ที่ไหน หลังจากที่ชนัยรับสายก็ถามอย่างงุนงง ตอนที่ ผมเลิกงาน ท่านประธานยังอยู่ที่บริษัทครับ ทำไมครับ ยังไม่ กลับไปที่บ้านอีกเหรอ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ