ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่128 ยุคบูมของมือที่สาม(3)



ตอนที่128 ยุคบูมของมือที่สาม(3)

“อย่าไป”

จันทรเห็นเขากำลังจากไป กลิ้งตกลงจากเตียงทันที แล้วไออย่างหนัก ปยุตหยุดก้าว รีบกลับมาดึงเธอขึ้นมา พยุงเธอขึ้นมา รินน้ำตรงตู้ที่หัวเตียงให้เธอดื่ม ดื่มหน่อยสิ”

เธอดื่มน้ำแล้วแต่ยังไม่หยุดไอ เห็นเธอไอไม่หยุด ปยุต ตะโกนเรียกหมอที่อยู่เวรมาดู

หมอตรวจดูรอบนึง ถามอย่างโกรธว่า“คุณสูบบุหรี่ใน ห้องผู้ป่วยใช่ไหม”

เขาผงกศีรษะยอมรับ ใช่ครับ”

“เหลวไหลจริงๆ ไม่รู้หรือว่าห้องผู้ป่วยสูบบุหรี่ไม่ได้ ผู้ป่วย เดิมทีก็หลอดลมติดเชื้อ ตอนนี้ยังสูดดมควันบุหรี่ เข้าไปอีก ติดเชื้อถึงปอดแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นเนื้องอก”

ปยุตละอายใจมาก“ขอโทษ เป็นความผิดของผม

จันทรถูกนำส่งเข้าห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ปยุตนวดผมตัว เอง ยิ่งอึดอัดรำคาญใจเข้าไปอีก ในเวลานี้ ผลินโทรมาอีก ครั้ง

“ฉันตอนนี้มีไข้ขึ้น คุณกลับมาได้ไหม”

ยุคบูมของมือที่สาม(3)
ปยุตถอนหายใจอย่างแรง ผลินอย่าสร้างปัญหาได้ไหม ต้องแกล้งอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ใช่ไหม”

ผลินตะลึง แล้วถามว่า “คุณว่าฉันสร้างปัญหาไร้เหตุผล”

“ไม่ใช่หรือ ผมแค่ดูแลคนป่วยในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง คุณ โทรมาไม่หยุด ตอนที่ผมออกมา คุณยังสบายดีอยู่ ตอน นี้ บอกว่าตัวเองมีไข้ คุณหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วใช่ ไหม”

“คุณคิดว่าฉันกำลังหาเหตุผลใช่ไหม คุณคิดว่าฉันผลิน เป็นคนน่าเบื่อแบบนั้นหรือ

ใจของผลินเจ็บปวดมาก ความจริงแล้วเธอไม่ได้โกหก นั่งตากลมเย็นที่บนระเบียงหลายชั่วโมงครึ่งค่อนคืน ตอน นั้นไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ครึ่งคืนที่เหลือเธอรู้สึกไม่สบาย เดิมที อยากรอถึงฟ้าสว่าง หากว่าไม่ใช่ตอนนี้ปวดหัวจนทนไม่ไหว เธอจะไม่โทรหาป ตอีก

“จันทรบอกว่าเธอไข้ขึ้น ดังนั้นผมมาแล้ว ตอนนี้คุณก็ อยากจะแข่งกับเธอ อยากดูว่าในที่สุดคุณกับเธอใครสำคัญ ที่สุดในใจผมใช่ไหม”

“ได้ค่ะ คุณพูดแบบนี้ ถ้างั้นก็คือแบบนี้”

ผลินไม่อยากพูดอะไร วางสายโทรศัพท์อย่างหมดแรง โยนมือถือลงบนพื้น
กำลังเจ็บปวดและโมโหอยู่ ในที่สุดก็ทนจนฟ้าสว่าง เธอ ออกแรงสวมเสื้อผ้า คิดไปคิดมา โทรหาน้องสามี

“ปาณี ตื่นแล้วยังคะ”

“ยังไม่ตื่น พี่สะใภ้โทรมาแต่เช้ามีอะไรหรือ

“ฉันไม่สบาย ขับรถไม่ได้ อยากรบกวนคุณขับรถไปส่งฉัน ที่โรงพยาบาล”

พอได้ยินเธอไม่สบาย ปาณีถามอย่างกังวลว่า “ไม่สบาย ตรงไหน พี่ชายล่ะ”

ไม่เอ่ยถึงพี่ชายเธอผลินยังพอทนได้ พอเอ่ยถึงปยุต ผลินเจ็บอกขึ้นมาทันที

“เขามีธุระไม่อยู่บ้าน

“ตกลง เดี๋ยวฉันไปหาตอนนี้เลย”

“อืม อย่าบอกคุณแม่ ไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง

“ทราบแล้วค่ะ”

วางหูเสร็จ ปาณีขับรถออกจากบ้านอย่างร้อนใจ ไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง มาถึงตรงหน้าผลินแล้ว

“พี่สะใภ้ พี่ไม่ได้นอนทั้งคืนเลยใช่ไหม ขอบตาดำคล้ำมากแบบนี้”

อาเล็กมองหน้าพี่สะใภ้อย่างละเอียดด้วยความเป็นห่วง

“อืม ตอนกลางคืนเป็นไข้ต่ำ เลยนอนไม่หลับ

เธอเก็บของแป๊ปไปเถอะ ตอนบ่ายฉันมีสอน”

ปาณีขับรถมาถึงโรงพยาบาล เดินเข้าไปห้องตรวจเป็น เพื่อนพี่สะใภ้ เดิมทีผลินอยากกินยาหรือฉีดยา แต่หมอจะ ให้น้ำเกลือเธอ

ผลินนอนที่ห้องให้น้ำเกลือ เธอเจ็บคอจนพูดไม่ออก วิง เวียนศีรษะมากแยกทิศไม่ถูก นางพยาบาลมาให้น้ำเกลือ และถามว่า“ทานข้าวเช้าแล้วยังคะ”

“ไม่ได้ทานค่ะ”

เธอตอบอย่างสับสน

“ญาติไปซื้อของกินให้ผู้ป่วยหน่อย ท้องว่างให้น้ำเกลือจะ ทรมานมาก”

ปาณีรีบรับปาก”ได้ ฉันไปเดี๋ยวนี้”

เธอรีบร้อนออกจากห้องให้น้ำเกลือ เพิ่งถึงหัวเลี้ยว มอง เห็นเงาที่คุ้นเคย มองอย่างแปลกใจ ไม่ใช่ตัวเองตาฝาด แน่นอน ตะโกนเสียงดังเรียก“พี่”
ปยุตกำลังพยุงจันทรที่อ่อนแอเตรียมออกจากโรง พยาบาล มองเห็นน้องสาว หยุดก้าวถามอย่างแปลกใจว่า “น้องทำไมมาอยู่ที่นี่

“ประโยคนี้ฉันควรถามพี่ ทำไมพี่อยู่ที่นี่”

สายตาเธอมองจันทรอย่างเย็นชา ในใจลุกเป็นไฟ

“ปาณี ไม่ได้เจอกันตั้งนาน

จันทรยิ้มนิดๆให้เธอ เมื่อก่อนเด็กผู้หญิงคนนี้เกือบจะมา เป็นน้องสามีของเธอ แต่วันนี้ มีเจตนาเป็นศัตรูกับเธอ

“ใช่ ไม่เจอกันตั้งนาน น่าแปลกใจจัง คุณไม่ใช่หนีตามพี่ธร รศไปแล้วหรือ ทำไมยังมีหน้ากลับมาอีก

สีหน้าของจันทรนิ่งลง

“ปาณี ห้ามพูดเสียมารยาทแบบนี้”

“กับผู้หญิงแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีมารยาท”

สีหน้าจันทรยิ่งดูไม่ได้

“น้องหุบปากซะ”

ปยุตโกรธจนสั่งสอนน้องสาว ปาณีโกรธจนทนไม่ได้พูด ว่า”พี่ยังปกป้องเธอ เมียพี่ป่วยเข้าโรงพยาบาลแล้ว พี่ยัง อยู่ที่นี่ปกป้องผู้หญิงที่ทรยศพ พี่ยังมีคุณธรรมอยู่ไหม

“น้องพูดอะไร”

ปยุตหัวใจเต้นขึ้นมาทันที คิ้วขมวดเข้าด้วยกัน

“น้องบอกเมียพี่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ยังให้น้องต้องพูดอีก รอบไหม”

“ผลินอยู่ที่ไหน”

ปยุตปล่อยแขนของจันทร พูดเสียงเข้มรีบพาพี่ไป

“ฉันดูแล้วช่างเถอะ ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ต้องการมาก พี่ ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอเถอะ พี่สะใภ้ของฉันมีฉันดูแล

“รีบพาพี่ไป”

ปยุตพูดเสียงดัง ทำให้จันทรและปาณีตกใจ

“อย่างนั้นจะทำยังไงกับเธอ

ปาณีชี้ไปที่จันทรอย่างโกรธ

“พี่สะใภ้อยู่ที่ห้องไหน

“ห้องหมายเลข13
ปยุตมองจันทรให้ปาณีส่งคุณกลับ”ต่อมาเดินไปที่ห้อง ผู้ป่วยแผนกให้น้ำเกลือ

“เว้ย ทําไมต้องให้ฉันส่ง ฉันไม่อยากส่งเธอกลับบ้าน

ปาณีโกรธพี่ชายมากจนหน้าถอดสี ทนดูผู้หญิงที่อ่อนแอ เรียกความสงสารต่อไปไม่ไหว ออกแรงลากเดิน“ยังไม่ ไปอีก เหม่ออยู่ตรงนี้เพื่ออะไร

จันทรขึ้นรถของปาณี เธอถามอย่างไม่เกรงใจว่า บอกที่ อยู่อีกรอบ”

“เลขที่ 123 ถนนมีสุข

จันทรพูดอย่างไม่มีแรง พอคิดถึงปยุตทอดทิ้งเธออย่าง เด็ดขาด เธอเจ็บปวดใจ

ปาณีต้องการให้จันทรออกไปจากสายตาเธอให้เร็วที่สุด เหยียบไมล์เต็มที่ ปกติใช้เวลาครึ่งชั่วโมง แต่เธอแค่สิบสี่ นาทีสามสิบสามวินาทีก็ถึงแล้ว

“ถึงแล้ว ลงรถไปได้

จันทรปวดมวนท้อง เพราะปาณีขับรถเร็วเกินกำหนด อย่างบ้าคลั่ง พอผลักประตูเปิดออกก็อาเจียนไม่หยุด

ปาณีเดิมทีอยากรีบสตาร์ทรถออกไป แต่คิดดู ยังมีอะไร ที่ยังไม่พูด เธอลงจากรถ ตบบ่าของจันทร“คุณยังไม่ได้บอกฉันเลย คุณกลับมาทำไม”

จันทรลุกขึ้น ตอบว่า ฉันกลับมาก็ต้องมีสาเหตุให้กลับมา อยู่แล้ว ไม่จําเป็นต้องรายงานเธอปาณี”

“คุณเข้าใจผิดว่าฉันอยากรู้เหตุผลที่คุณกลับมาหรือ ฉัน หากไม่เห็นแก่พี่สะใภ้ ฉันคงขี้เกียจจะถามคุณกลับมา ทำไม ฉันขอเตือนเธอ ไม่ว่าเธอจะกลับมาด้วยเหตุผลอะไร เลิก คิดทำลายความสัมพันธ์ของพี่ชายกับพี่สะใภ้ พี่ ชายเป็นไป ไม่ได้ที่จะทอดทิ้งพี่สะใภ้เพื่อผู้หญิงแบบคุณ แต่พี่สะใภ้ไม่ เพียงแต่เป็นผู้หญิงที่เก่งกว่าคุณร้อยเท่า”

จันทรกัดริมฝีปาก สายตาจ้องมองปาณี”ปาณี เริ่มจาก ตอนไหน เธอเกลียดฉันขนาดนี้ แต่ก่อนเธอไม่ใช่ชอบฉัน มากหรือ”

“คุณเองก็รู้คือเมื่อก่อน เมื่อก่อนที่ชอบคุณเพราะยังไม่รู้ว่า คุณเป็นคนเช่นไร ตอนนี้รู้แล้ว ฉันจะยังชอบคุณได้ อย่างไร ตั้งแต่วันนั้นที่คุณทรยศพี่ชาย คุณก็กลายเป็นศัตรูที่อยู่ร่วม ฟ้าเดียวกันกับฉันปาณีไม่ได้ ดังนั้น ต่อไปเมื่อ มองเห็นฉัน อย่าทักทายกับฉันเด็ดขาด หนีไปยิ่งไกลยิ่งดี หากคุณไม่ไป ฉันจะไปเอง”

จันทรยิ้มอย่างเจ็บปวด”ดูแล้วคุณไม่รู้อะไรเลย”

“ฉันจำเป็นต้องรู้อะไร ฉันแค่รู้ว่าคุณเป็นผู้หญิงเลว คุณ ทรยศพี่ชายก็พอแล้ว เรื่องอื่นฉันไม่จำเป็นต้องรู้ จำคำพูด ของฉัน กล้าคิดทำลายความฝันครึ่งหนึ่งของฉัน คอยดู”
รถของปาณีขับมองไม่เห็นจันทรแล้ว จันทรไม่เข้าใจ ความฝันครึ่งหนึ่งของเธอคืออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง อีก

กลิ่นฉนนํายาฆ่าเชื้อในห้องผู้ป่วย ผลินปิดปากแน่นไม่ พูดอะไร แต่เดิมเธอก็เกลียดสถานที่ โรงพยาบาล ยังมีคน ที่ทำให้เธอเกลียดยืนอยู่ที่นี่ในเวลานี้อีก

“ผลิน ขอโทษด้วย ผมไม่รู้ว่าคุณป่วยจริงๆ ขอโทษนะ

ปยุตยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของเธออย่างเป็นห่วงและ ละอาย ขอโทษเธอไม่หยุด เมื่อคืนตอนที่เธอโทรหาเขา เขา คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญขนาดนี้ จันทรป่วย เธอก็ป่วยด้วย

“คุณรีบหายไวๆ หายแล้วผมยอมให้คุณด่าคุณตียังไงก็ได้ คุณให้ผมทำเรื่องอะไร ผมจะไม่พูดคำว่าไม่

“ออกไป ฉันตอนนี้ไม่อยากเห็นหน้าคณ

ผลินขับไล่แขกที่ไม่ต้อนรับอย่างเย็นชา ตอนที่เธอ ต้องการเขาเมื่อคืนเขาไม่มา ตอนนี้ตอนที่เธอไม่ต้องการ เขา เขามา เธอก็ไม่ต้องการอีก

“คุณเป็นแบบนี้แล้ว ผมจะหมดห่วงไปได้ยังไง”

“เฮ้อ เมื่อคืนยังไม่ห่วง ตอนนี้ทำไมห่วงแล้ว”

เมื่อคืนผมไม่ใช่บอกคุณแล้ว ผมเข้าใจผิดจริงๆว่าคุณหาข้ออ้างเพื่อบังคับฉันกลับไป ตอนนั้นจันทรก็เข้าห้อง ฉุกเฉินอีก คุณว่าผมจะทิ้งเธอโดยไม่สนใจได้อย่างไร

“คุณทิ้งเธอไม่ได้ ดังนั้นคุณก็ทิ้งฉันได้ เมื่อคืนหากว่าฉัน ตายแล้วล่ะ”

“พูดเหลวไหลอะไร

ปยุตโกรธเอามือปิดปากเธอ ห้ามพูดเหลวไหล

ผลินโกรธเอามืออีกข้างผลักมือของเขาที่ปิดปากเธออยู่ ออก อย่ามาทําเป็นแกล้งตีหน้าเศร้า ฉันจะตายคุณก็ไม่เคย ใส่ใจอยู่แล้ว”

“คุณจะให้ฉันทำยังไงถึงจะเชื่อผมจริงใจกับเธอ ต้องให้ ผมควักหัวใจออกมาให้คุณดูไหม”

เธอมองเขา เดี๋ยวค่อยพูด บางทีคุณจริงใจ แต่ฉันรับรู้ไม่ ได้เท่านั้น”

ปยุตหลับตาอย่างปวดหัว นวดที่ระหว่างคิ้ว”ได้ ตอนนี้ พวกเราไม่ถกเถียงปัญหาความจริงใจ คุณทานข้าวเช้า แล้ว ยัง”

“ไม่ใช่เรื่องของคณ

คำพูดของเธอที่ออกมา นางพยาบาลหยิบขวดน้ำเกลือ เดินเข้ามา “โอ้ คุณยังไม่ทานอะไรใช่ไหม แบบนี้ กระเพาะจะรับไม่ไหวนะ”

ปยุตไม่พูดอะไรเดินออกจากห้องผู้ป่วย ผ่านไปไม่ นาน ถือถุงอาหารเช้ากลับมา เขาเอาอาหารเช้าวางบนโต๊ะ แล้วยื่นมืออยากจะพยุงผลินลุกขึ้นมานั่ง

“อย่ามาแตะฉัน”

ผลินสะบัดแขนของเขาออกอย่างรังเกียจ คิดถึงมือคู่นี้ ของเขาอาจจะเคยจับมือจันทร เธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียน

“คุณไม่พอใจกลับบ้านค่อยหาเรื่องได้ไหม ตอนนี้กินให้ ท้องอิ่มก่อน”

“ฉันเห็นคุณก็อิ่มแล้ว เชิญคุณออกไป

ปยุตถอนหายใจ แม้ว่าตอนนี้คุณเกลียดผมเข้ากระดูก ก็ไม่จําเป็นต้องทรมานร่างกายตัวเอง คุณไม่สงสารแต่ผม สงสาร”

เขาใช้กำลังจะอุ้มเธอขึ้นมา เธอขัดขืน”ฉันสะอิดสะเอียน มาก คุณอย่ามาทำให้ฉันสะอิดสะเอียนอีก”

“ได้ ในเมื่อไม่อยากเห็นผม ผมไปก็ได้ แต่คุณต้องกินอัน

เขาหยิบแซนวิชที่ร้อนอยู่ออกมาจากในถุงอาหารเช้า
ผลินเพื่อให้เขารีบออกไปให้เร็วที่สุด รับแซนวิชแล้วพูด ว่า“ฉันกิน คณไปเถอะ”

ปยุตถอนหายใจอย่างไม่รู้จะทำยังไงอีกครั้ง ลากขาทั้ง สองที่เหนื่อล้าก้าวทีละก้าวไปนอกประตูห้องผู้ป่วยทีละนิด ทีละนิด ผลินมองไม่เห็นเขา ได้ยินแต่เพียงเสียงฝีเท้าที่อยู่ ไกลๆ น้ำตาไหลด้วยความความน้อยใจ เสียงร้องไห้ สะอึก สะอื้น

เธอกำลังกัดแซนวิชและสั่งน้ำมูก ให้เขาไป เขาก็ไป จริงๆ แต่ให้เขากลับมา เขายังไงก็ไม่กลับมาได้

ปยุตจริงๆแล้วไม่ได้ไป เขาจะทิ้งผลินไว้ที่โรงพยาบาล คนเดียวได้ยังไง เพียงแต่ยืนที่ระเบียง อยากจะคอยให้เธอ กินแซนวิชแล้วค่อยเข้าไป ดูแล้วเธออาจจะกินไปบ้างแล้ว เขายืนที่ข้างประตูแอบมองดูอย่างเงียบๆ แต่กลับมอง เห็น ผลินน้ำตาไหลอีก

เขาเจ็บปวดใจ เดินเข้าไปอีก นั่งที่ข้างเตียงของเธอ อย่างโกรธถามว่า“กินแซนวิชกับน้ำตา รสชาติอร่อยไหม


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ