ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 235 รูบิคของความรัก



ตอนที่ 235 รูบิคของความรัก

“คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่ามันมีเรื่องบังเอิญ ถึงแม้ว่าฉัน จะพูดแบบนั้น คุณควรถามฉันก่อน ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แล้วทำไมคุณถึงตะคอกใส่ฉัน!”

ผลินดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา คราวนี้ปยุตไม่ปล่อย เธอ หยุดเธอไว้ “คุณจะไปที่ไหนอีก”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“กลับบ้านกับผม

“ไม่กลับ”

“กลับไปกับผมเถอะ”

“ฉันจะไม่กลับ”

“ไม่กลับแน่นะ” ปยุตเลิกคิ้ว “ถ้าคุณพูดอีกครั้งเดียว ว่าจะไม่กลับไป ผมก็จะไปแล้วนะ คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คน อารมณ์ดีอะไร”

ผลินยิ่งหงุดหงิดเมื่อได้ยินถ้อยคำวางอำนาจของเขา กระทืบเท้าหนัก “คุณไปเลย สามีที่ไม่เชื่อฉันฉันไม่อยาก ได้!”

ปยุตยิ้มอย่างเจ็บปวดพลางพยักหน้า “ได้ ภรรยาที่ เอาแต่หนีออกจากบ้านผมก็ไม่ต้องการ!”
ทั้งสองหันหลังให้แก่กันและกัน ก้าวเดินไปในทิศทาง ตรงกันข้าม ปยุตเดินไม่กี่ก้าวแล้วหันหลังกลับ กอดเธอ ไว้จากด้านหลัง “ไม่นะ คิดแล้วว่าไม่มีคุณไม่ได้ ชีวิตไม่มี ความหมายถ้าไม่มีคุณ…..

ประสาท วินาทีที่แล้วบอกว่าไม่ต้องการภรรยาที่หนี ออกจากบ้าน วินาทีต่อมากอดเธออีกครั้งและบอกว่าชีวิต ไม่มีความหมายถ้าไม่มีเธอ ผลินดิ้นอย่างหนัก “ความคิด ของฉันไม่ได้พัฒนาตามที่คุณคิด เพราะฉะนั้นอย่าพูด อะไรที่มันขัดแย้งกัน”

“ที่รัก ขอโทษนะ คุณตามผมกลับบ้านได้ไหม หลังจาก กลับบ้านแล้วเราค่อยคุยกัน จะให้คุกเข่าลงหรือหมอบ ในมุมก็แล้วแต่คุณตัดสินใจ”

“ถ้าอยากให้ฉันกลับไป คุณไปเปลี่ยนชื่อนามสกุลก่อน และปีนขึ้นไปทั่วโลกแล้วพูดอีกครั้ง”

ปยุตกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คำพูดพวกนี้ผมเก็บเอามัน กลับมาไว้แล้วนะ”

“อะไรที่อยากพูดคุณก็พูด อยากเก็บไว้คุณก็เก็บเหรอ คุณไม่รู้เหรอว่าคำพูดก็เหมือนน้ำเมื่อพูดแล้วก็ไหลออก ไป เก็บเอามันกลับมาได้เหรอ”

เขาหัวเราะเสียงดัง ไม่ได้พูดจริงจัง “ผมเคยได้ยินแต่ ลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนเทน้ำออกไปไม่สามารถ เก็บมันกลับได้ ดังนั้นรีบกลับบ้านกับสามีของคุณเถอะ…

ผลินยังไม่ยอมกลับไป ทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าโรงหนังและพูดคุยกัน ดึงดูดผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาโดยรอบ

ปยุตอายที่ต้องถูกจับตามอง เขาจึงกระซิบว่า “ถ้าคุณ ยังไม่ไปอีก ผมจะไม่จับมือคุณแก่เฒ่าไปด้วยกันนะ”

“แล้วคุณต้องการอะไร บอกว่าลาก่อนจากคนแปลก หน้างี้เหรอ”

“ผมจะ… เธอไป” ” เขาจับมือเธอ “จะจับมือของเธอ และลาก

ผลินถูกเขาลากไปที่ด้านข้างของรถ เขาล้อมกรอบเธอ ไว้ที่กลางตัวรถ แล้วถอนหายใจยาว “ในที่สุดก็ไม่เหมือน ดาราใหญ่ในสวนสัตว์ ถูกเฝ้าดูโดยฝูงชนที่น่ารังเกียจ”

“ถ้าคุณป่าเถื่อนกับฉัน ฉันจะเกลียดคุณไปตลอดชีวิต!

“ไม่เป็นไร คุณเกลียดผมตลอดชีวิต ผมรักคุณตลอด ไป”

เขาโอบกอดเธอ มือข้างหนึ่งย้ายไปที่ท้องของเธอ “พวกเราหยุดทะเลาะกันดีไหม ลูกจะหัวเราะเอานะ”

เมื่อพูดถึงลูก หัวใจของผลินก็ผ่อนลง ปยุตจึงถือโอกาส นั้นต่อ “ที่รัก ถ้าคุณไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ งั้นไปดูหนัง กันไหม พวกเราไม่เคยดูหนังด้วยกันเลยนี่”

“คุณไม่ได้บอกว่าคนที่ดูหนังเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเลย หรอกเหรอ คุณเป็นคนที่ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ฉันไม่สามารถ ปีนขึ้นไปได้หรอก”
“ดูคุณพูดเข้า นั่นไม่ใช่เพราะครั้งก่อนคุณไปดูเรื่อง the Hawthorn Tree กับนภนต์เพื่อยั่วผมหรอกเหรอ ผม กำลังพูดถึงสายลม คุณไม่ได้ยินเหรอ”

“ฉันเข้าใจแค่คำพูดเท่านั้น”

ปยุตนวดที่หน้าอก “โอเค ผมจะเก็บคำพวกนั้นกลับมา พร้อมกับเปลี่ยนชื่อ หลังจากนั้นผมจะดูหนังกับคุณบ่อย ๆ ให้ความรักคุณเหมือนกับคนรักทั่วไป”

“ดูหนังแล้วพาฉันไปกินบาร์บีคิวที่ตลาดกลางคืนด้วย

ได้ไหม”

“ได้สิ ไม่มีปัญหา!”

แล้วผลินก็อารมณ์ดีขึ้น คนสองคนเข้าไปในโรงหนัง อย่างมีความสุข

มันเป็นหนังรักเรื่อง Reading a lot but no annoying ซึ่งมีฉากจูบมากมายในหนัง มองไปรอบ ๆ เป็นคู่รักเสีย ส่วนใหญ่ที่ดูหนังเรื่องนี้

ที่นั่งอยู่ในด้านหน้าของพวกเขาเป็นคู่รักหนุ่มสาว เป็น วัยแห่งความหุนหันพลันแล่นและหลงใหล เมื่อเห็นภาพ จูบในหนัง พวกเขาก็จูบกันจริง ๆ

ผลินค่อนข้างอึดอัด รู้สึกเหมือนว่าได้เห็นภาพยนตร์ ระดับสาม

เธอมองผู้ชายข้าง ๆ เธอ เขาค่อนข้างสงบ เธอเอนตัวไปและเอ่ยถาม “คุณเคยทำแบบนี้มาก่อนใช่ไหม คุณถึงไม่ อายที่ได้เห็นภาพที่คลุมเครือแบบนี้น่ะ”

ปยุตเหลือบมองเธอน้อย ๆ พูดแผ่วเบา “เปล่า ครั้ง สุดท้ายที่ผมมาโรงหนังคือตอนอายุเจ็ดขวบ เพราะฉะนั้น คุณวางใจได้”

ผลินจ้องมองอย่างเหลือเชื่อ ผู้ชายคนนี้เป็นคนบ้าใช่ ไหม ไม่เคยมาดูหนังเลย ต้องเป็นมนุษย์ดาวอังคารที่มา จากดาวอังคารแน่ ๆ

คู่รักหนุ่มสาวด้านหน้ายังคงใกล้ชิดกัน บางครั้งก็ได้ยิน เสียงครางมึนเมา ผลินต้องการเตือนพวกเขาว่ามันเป็น สถานที่สาธารณะ แต่กลัวว่าปยุตจะหาว่าเธอสอดรู้สอด เห็น จึงต้องอดทนกับความไม่พอใจ

มันอึดอัดไปจนกระทั่งถึงในตอนท้ายของภาพยนตร์ เธอถอนหายใจยาวโล่งอก สาบานว่าจะไม่ไปดูหนังอีก

ปยุตขับรถพาเธอไปทานบาร์บีคิว ในเมืองตอนกลาง คืน มีสถานที่ที่มีชีวิตชีวามากกว่าตอนกลางวัน ในตลาด กลางคืนมีเสียงดัง มีคนทุกประเภท ปยุตหยุดรถ เดินนำ ผลินไปหาร้านเพื่อทานบาร์บีคิว

เขาสั่งเบียร์สองขวด ผลินสั่งบางอย่างและนั่งลงข้าง ๆ เขา “จำครั้งแรกที่คุณพาฉันมาที่นี่ได้ไหมว่าเมื่อไหร่”

ปยุตครุ่นคิด “เมื่อสองปีก่อน ไม่ใช่สิ สามปีก่อน ยังไม่ ถูก ดูเหมือนจะนานกว่านั้น”
“เมื่อตอนนั้นพวกเราทานอะไรกัน”

“ใครจะไปจำได้นานขนาดนี้”

“แล้วโต๊ะไหนที่เรานั่งทานด้วยกัน”

ผลินมองไปรอบ ๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่บาร์บีคิว ยังมีอาหาร เสียวเฉ่าอีกมากมาย สายตาของเธอจดจ้องในตำแหน่ง ไม่ไกลจากด้านหลังของปยุต เกิดความประหลาดใจบน ใบหน้า

“มีอะไรเหรอ”

ปยุตรู้สึกถึงความผิดปกติของเธอ

“คุณลองหันกลับไปมอง คนนั้นน่ะ…จันทรใช่ไหม”

ปยุตหันกลับไป เมื่อหันไปสีหน้าก็กลายเป็นสีเขียวทันที ดูเหมือนว่าคนคนนั้นคือจันทรไม่ผิด โลกช่างกลมเสียจริง

“คุณอยากเข้าไปทักทายเธอไหม”

ผลินจ้องมองไปในระยะร้อยเมตรยังผู้หญิงที่กำลังดื่ม เพื่อบรรเทาความเศร้าโศก

“ทักทายอะไร อย่าไปสนใจเธอ”

“แต่ดูเหมือนเธอจะเห็นพวกเราแล้ว…

ปยุตร่างกายแข็งเกร็ง
“เธอกำลังมาแล้ว…”

“พวกเราไปเถอะ”

ปยุตลุกขึ้นเสียงดัง จับมือผลินและกำลังจะเดินไป แต่ มันสายไปแล้ว จันทรมาหยุดตรงหน้าพวกเขา

“พี่ยุต ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ทำไมเห็นฉันก็จะไปล่ะ ฉันไม่ใช่โรคระบาดนะ”

ปยุตไม่พูด ไม่อยากแม้แต่จะมอง ผู้หญิงคนนี้กับรักครั้ง แรกที่แสนวิเศษนั้นเขาลืมไปแล้ว มีเพียงความเกลียดชัง เธออยู่ข้างในอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

จันทรเห็นปยุตไม่สนใจ เธอจึงมองไปที่ผลิน เห็นท้องที่ นูนขึ้นของเธอ จู่ ๆ ก็หัวเราะกับตัวเอง “พวกคุณยังมาอยู่ ด้วยกัน และแม้แต่มีลูกแล้วอีก”

“ไป”

ปยุตจับมือผลินและจากไป เถ้าแก่มาพร้อมกับบาร์บีคิว “คุณครับ มันถูกย่างเสร็จแล้วนะ”

“ใส่ถุงให้ผม”

เขาดึงธนบัตรสองร้อยเหรียญออกมาจากกระเป๋าเงิน แล้ววางมันลงบนโต๊ะ หยิบบาร์บีคิวที่บรรจุแล้วด้วยมือ ข้างหนึ่ง มืออีกข้างจับมือผลินแล้วเดินออกไปจากการ มองเห็นของจันทร
เช้าวันรุ่งขึ้น ชนัยมาที่ออฟฟิศของปยุตด้วยใบหน้าที่ เศร้าโศก ถามอย่างคลางแคลงใจ “คุณเล่าเรื่องของผม ให้ท่านนภันต์ฟังใช่ไหมครับ เมื่อคืนนี้เขามาหาผม”

ปยุตชะงักไป เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวังว่าท่านนภันต์ จะเคลื่อนไหวรวดเร็วแบบนี้ กลัวว่าถ้าพูดความจริงไป อาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชนัยกับน้องสาว เขา จึงเอามาเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง “อืม”

“ทำไมถึงทำแบบนั้น พวกเราตกลงกันแล้วนะ”

“ขอโทษนะชนัย ถึงแม้ว่าฉันจะเข้าใจจุดยืนของนาย แต่ฉันหวังว่านายจะลองเรียนรู้พยายามทำความเข้าใจใน ตัวเขา”

ชนัยเงียบอยู่นาน ในที่สุดก็ไม่พูดอะไร หันหลังแล้วเดิน ออกไป

ปยุตรู้ว่าเขากำลังรู้สึกไม่สบายใจ เพียงแต่แค่ไม่แสดง อาการต่อหน้าเขา เขาจึงโทรหาน้องสาว “ชนัยไม่ค่อยดี แกไปหาเขาหน่อย”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”

ปาณีรีบถาม

“แกพูดอะไร นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับแกเหรอ ฉัน ยอมรับว่าจดหมายนิรนามเป็นฉันที่ส่งไป แกอย่าหลุด ปากออกไปล่ะ”
ปาณีวางสายโทรศัพท์แล้วรีบออกจากบ้านไป โทรหา ชนัย เขาบอกว่าอยู่บ้าน เธอจึงรีบไป

เธอมาที่อพาร์ตเมนต์ของชนัย ประตูเปิดอยู่ เธอเข้าไป และกระซิบเรียก “ชนัย…”

ไม่มีใครตอบ มีเสียงกุกกักในห้องนอน เธอเดินเข้าไปดู ชนัยกำลังเก็บของ “คุณกำลังจะไปไหน” เธอตกใจมาก

“ผมจะไปพักผ่อน”

ชนัยที่สีหน้าหม่นหมอง ตอบกลับนิ่ง ๆ

“ไปพักผ่อนเหรอ ฉันไปกับคุณนะ”

“ไม่ต้อง ผมอยากอยู่คนเดียว”

“คุณกำลังพยายามหลีกเลี่ยงท่านนภันต์เหรอ” ชนัยตัวแข็งท่อ เงยหน้าขึ้นและเอ่ยถาม “คุณรู้ได้ยังไง”

“เป็นฉันที่ทำ ฉันเป็นคนที่ส่งจดหมายนิรนามไปให้ท่าน นภันต์ และบอกเขาว่าคุณเป็นลูกชายของเขา”

“อะไรนะ” ชนัยระงับความโกรธของเขา สายตา สะท้อนให้เห็นถึงแสงเย็นชา ใช่ เขาไม่สามารถยอมรับ การกระทำของตัวเธอได้

“คืนนั้นคุณเมา คุณบอกความลับทั้งหมดในใจของตัว เองออกมาโดยไม่รู้ตัว คุณบอกว่าคุณเกลียดเขา แต่คุณต้องการความรัก ในเมื่อคุณขัดแย้งกันมาก ฉันจึงต้อง ช่วยให้คุณเลือกได้

“ใครขอให้คุณเลือกให้ผม คุณได้รับความยินยอมจาก ผมแล้วเหรอ”

“ฉันแค่อยากให้คุณสามารถกำจัดตัวตนของการเป็น เด็กกําพร้า

ชนัยยิ้มเยาะ “คุณบอกว่าคุณไม่รังเกียจ แล้วทำไมมาบ อกให้ผมกำจัดมัน พูดไปสุดท้ายคุณก็ยังรังเกียจอยู่ดี!”

“ไม่ใช่ ฉันหวังว่าคุณจะได้รับการดูแลจากครอบครัวที่ คุณไม่เคยได้รับมาก่อน”

“คุณปาณี คุณให้ความสำคัญกับตัวเองเกินไป ตอนนี้ คุณไม่ใช่คุณนายของชนัย อย่าทำอะไรที่คุณคิดว่าคุณ ควรทํา ขอให้คุณเคารพความรู้สึกของผมด้วยได้ไหม”

เขาพูดแล้วก็ไป ปาณีกอดเขาไว้จากทางด้านหลัง “ชนัย อย่าไปเลย ถ้าฉันทำให้คุณโกรธฉันขอโทษ ขอโทษนะ คุณอย่าไป…

“ปล่อย”

เสียงของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือ สามารถ แช่แข็งคนทั้งเป็น

“ฉันไม่ปล่อย ฉันจะไม่ปล่อยคุณไป จนกว่าคุณจะพา ฉันไปด้วย”
ชนัยใช้มือที่แข็งแรง ดึงวงแขนของเธอออกจากช่วงเอว แล้วก้าวยาวออกไป

เท้าของปาณีไม่มั่นคง ถูกเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นด้วย มือของเขา เธอร้องไห้ออกมา “ที่จริงฉันมีจุดประสงค์อื่น ฉันแค่ไม่ต้องการให้ใครว่าคุณว่าเป็นเด็กกำพร้าเหมือน กับที่ปทิตว่า ใครว่าฉันฉันไม่สนใจ แต่ใครว่าคุณฉันทน ไม่ได้…

มือที่จับบนลูกบิดประตูของชนัยหยุดไม่กี่วินาที แต่ สุดท้ายก็ยังตัดสินใจที่จะเปิดประตูออกไป จากไปไม่หัน หลังกลับ

เขาอยู่ในอารมณ์ที่สับสนมากและรู้สึกไม่ดี เข้าไปนั่ง ในรถด้วยความหมดอาลัยตายอยาก เปลี่ยนความเร็วให้ สูงสุดเพื่อขับรถไปสนามบิน และซื้อเที่ยวบินที่เร็วที่สุด ไปฝรั่งเศส แต่วินาทีก่อนขึ้นเครื่อง เขาเกิดความลังเล

เขานึกถึงวันนั้น ในตอนที่ปทิตทําให้เขาอับอาย ปาณี โมโหยิ่งกว่าเขา สาดกาแฟใส่หน้าปทิตโดยไม่ลังเล ผู้ หญิงคนนั้นมักจะปกป้องเขาเสมอ ไม่เคยสนใจว่าเขาเป็น เด็กกำพร้า เขาไม่ควรทิ้งเธอไว้แบบนี้ คิดถึงตรงนี้ เขาจึง ก้าวถอยหลังออกจากสนามบิน

กลับไปด้วยความเร็วสูงสุด เมื่อเขาจอดรถหน้าประตู อพาร์ตเมนต์ ค่อย ๆ เดินเข้าไป อย่างที่คาดไว้ เด็กหญิง ตัวเล็กที่ดื้อรั้นยังคงนั่งอยู่บนพื้น

ปาณีเห็นคู่ของรองเท้าหนังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เธอเงย หน้าขึ้นพร่ามัวไปด้วยน้ำตา ทันทีที่เห็นชนัย ประกายในดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้น

หัวใจของชนัยถูกครอบงำโดยเธอที่ใบหน้าเต็มไปด้วย หยาดน้ำตาอย่างน่าสงสารรู้สึกทั้งรักทั้งเกลียด เขาย่อ ตัวลง ค่อย ๆ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน ถอนหายใจหนัก “ชีวิตนี้ของผมถูกกำหนดโดยคุณจริง ๆ”ชนัย ฉันรู้ว่า คุณจะต้องกลับมา ฉันรู้ว่าคุณจะไม่ทิ้งฉันไป…”

ปาณีพิงไหล่ของเขาและร้องไห้ จิตใจของชนัยอ่องลง “เอาล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้วครับ ผมไม่ได้โกรธอีกแล้ว ผม จะลองติดต่อกับคน ๆ นั้นดู”

จู่ ๆ เธอก็เงยหน้าขึ้น พูดเสียงขึ้นจมูก “ฉันไม่ได้ หมายความอย่างนั้น ฉันไม่ได้ร้องไห้เพื่อบังคับให้คุณ รู้จักคุณพ่อของคุณ ฉันแค่รู้สึกมีความสุข ว่าผู้ชายที่ฉัน รักเขาก็รักฉันเหมือนกัน เพราะรักฉัน เขาจึงไม่ทิ้งฉันไป

“ใช่ เพราะรักคุณ ไม่เพียงแต่ผมจะไม่ทิ้งคุณ และ ตัดสินใจแล้วเพราะคุณ ทิ้งอคติในใจของผม ตราบใดที่ คุณมีความสุขก็พอ”

ชนัยได้ตัดสินใจแล้ว เพื่อเห็นแก่ปาณี จะพยายาม ทำความรู้จักกับพ่อที่ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ระหว่างทางกลับ มาเขาเอาแต่คิดเรื่องหนึ่ง ว่าความรักคืออะไร ความรักไม่ ควรเป็นเพียงความสุขของคนใดคนหนึ่ง ความรักควรจะ ทำเพื่อคนที่คุณชอบ เต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง…

เขาคุ้นเคยกับการเป็นเด็กกำพร้า แต่เขาไม่ควรชินกับ มัน หลายปีมานี้ เขากับปาณี เดินไปตามท้องถนน ทันใด นั้นเขาได้ยินคำพูดนั้น ดูสิ คุณนายของชนัยมีฐานะที่ร่ำรวยมากจริง ๆ แต่เธอโง่พอที่จะแต่งงานกับเด็กกำพร้า ที่ไม่มีพ่อแม่


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ