ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 228 ช่วยคนอื่นตามหาลูกชาย



ตอนที่ 228 ช่วยคนอื่นตามหาลูกชาย

เมื่อสักครู่ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจ หลังจากได้ยินชนัย ตอบไปแบบนั้น ก็ยิ้มหน้าบานออกมาทันที ทั้งสอง สบตากันอย่างลึกซึ้ง ทำเอาผลินที่นั่งอยู่ข้างๆรู้สึก สะอิดสะเอียนจนขนลุก

ผลินทนไม่ได้ไม่อยากจะคิด เธอกับปยุตจนถึงวันนี้ยัง ไม่เห็นโรแมนติกขนาดนี้บ้างเลย

“ปาณี เธอตกลงหรือไม่?” หญิงชราส่งสายตามองไป ทางลูกสาว

“แม่คะ แม่เป็นบาทหลวงหรือคะ? ถึงได้ถามแบบ ปาเขินอายวิ่งหนีขึ้นชั้นบนไป อย่ามองว่า เป็นเรื่องเล่นๆ การตกลงเรื่องขอแต่งงาน ก็เหมือนกับ ลูกสาวคนเล็กของบ้าน ขี้อายไม่มีที่สิ้นสุด

“คุณท่านครับ ผมขอขึ้นไปพบคุณชายปยุตก่อนนะ ครับ พวกเรามีธุระกันนิดหน่อยครับ”

“ตามสบายเลย ไปเถอะจ้ะ”

หญิงชราพยักหน้า สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม ดู เหมือนว่าจะค่อนข้างพอใจกับลูกเขยคนนี้

“แม่คะ หายากจริงๆเลยนะคะ แม่ยังไม่ได้สืบดูประวัติครอบครัวของชนัยให้ดีๆเลยว่าเหมาะสมกับปาณีหรือ ไม่ก็จะยกลูกสาวให้เขาง่ายๆซะแล้ว”

“โธ่เอ้ย ฉันกลัวจะเป็นเหมือนเธอกับลูกชายของฉัน อีกน่ะสิ หลังจากผ่านบทเรียนอันขมขื่นในครั้งนั้น ฉัน เข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่าไม่มีอะไรสำคัญยิ่งไปกว่าความ รักที่แท้จริงของคนสองคน พวกเขาก็มีความสุขในแบบ ของเขา ถ้าเราเข้าไปแทรกแซงมากเกินไปอาจจะทำให้ ชีวิตคู่ของเขาทั้งสองพังพินาศได้”

“แม่คะ ถ้าคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้วค่ะ” ผลินถอนหายใจ อย่างยอมรับความจริง

หลังจากที่ชนัยเข้าห้องทำงานของปยุตไปแล้ว เขา ใช้เวลาอยู่ในนั้นราวสองชั่วโมง จนกระทั่งพูดคุยธุระจน เสร็จเรียบร้อยจึงได้ออกมา ยังไม่ทันเดินมาถึงที่ทางลง บันได ทันใดนั้นเงาผอมบางร่างหนึ่งโผล่ออกมา รวบตัว เขาไว้จากทางด้านหลัง เขาหันหลังกลับไปด้วยความ แปลกใจ ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็ถูกปาณีคว้าตัวเข้าไปใน ห้องส่วนตัว

หลังจากปิดประตูลง ปาณีอดใจรอไม่ไหวปลดเข็มขัด ของเขาออก ชนัยตกใจรีบหยุดเธอไว้”ปาณีคุณจะกล้า เกินไปหน่อยแล้วมั้งครับ นี่มันในบ้านคุณเองนะครับ”

“อยู่นิ่งๆ ฉันขอดูอะไรหน่อยเท่านั้นแหละ
ปาณีไม่พูดพร่ำทำเพลงค่อยๆปลดเข็มขัดเขาออก ถอดกางเกงลงไปกองที่พื้น พินิจพิจารณาดูที่ขาของ เขาทั้งสองข้าง ดูแล้วดูอีก ชนัยถอนหายใจอย่างเย็น ชา พูดด้วยความอดทน“ปาณี อย่าทำแบบนี้เลยครับ เรา ไปที่อพาร์ทเมนต์ผมกันดีกว่า”

ปาณีเข้าใจความหมายของชนัยดี มีเขาอย่างเขินๆ หน้าแดงพูดว่า”คิดอะไรอยู่ต๊ะ? ทะลึ่ง

อีกไม่นานความปรารถนาของชนัยก็จะถูกปลุกขึ้นมา แล้ว เขาก็เป็นผู้ชายที่กระหายเลือดคนหนึ่งเหมือนกัน ไหนเลยจะยอมอยู่นิ่งๆในสภาพเกือบเปลือย โก้งโค้ง ประคองปาณีที่นั่งยองๆลงกับพื้นให้ลุกขึ้นมา ดันเธอ เข้าไปติดกำแพง มือทั้งสองประคองใบหน้าของเธอขึ้น มา ก้มหน้าจูบลงที่ริมฝีปากเธอทันที

เธออ่อนไหวลงในทันใด หลังจากที่เขาประทับจูบเธอ อย่างดูดดื่ม

แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะผ่านความสุขมาหลายหน แต่เมื่อเธอเจอหน้าเขาทีไร หัวใจเธอกลับเต้นไม่เป็น จังหวะทุกที

ยิ่งกว่านั้นในวันนี้ เขาเปลี่ยนท่าทีอย่างอ่อนโยน ใน อดีตพฤติกรรมของเขาช่างป่าเถื่อนจึงให้ความรู้สึกที่ แตกต่างกับเธอ ครั้งนี้เธอจึงเริ่มตอบสนองเขาอย่าง กระตือรือร้น
เขาแสดงความรักต่อเธอด้วยการจูบเธอที่จมูก “ต้อง โทษคุณที่อยากเล่นกับไฟดีนัก ไฟเลยเผาตัวเองซะนี่ พอเข้าห้องได้ก็รีบถอดกางเกงผมเลย

“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าที่ขาของคุณมีไผ่สีแดงหรือเปล่า เท่านั้นเอง” เธอมองเขาอย่างสับสน

“แล้วคุณเห็นบ้างไหมละครับ? เอาหัวมุดลงไปที่ต้นขา ผมซะขนาดนั้น หยั่งกับฉากหนึ่งในหนัง ผู้หญิงทำให้ ผู้ชายแบบนั้น ผมจะทนแรงกระตุ้นนั้นไหวได้อย่างไร กัน”

หว่างคิ้วของเขาเต็มไปด้วยความรักซึ่งขณะนี้ก้มลง จูบเธอที่ริมฝีปาก

เมื่อช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านพ้นไป ชนัยโอบกอด เธอไว้ในอ้อมแขน ถามด้วยเสียงอันอ่อนโยน”ทำไมคุณ ต้องอยากรู้ด้วยว่าที่ต้นขาผมมีไผ่สีแดงหรือไม่ครับ?”

“ก็พี่สะใภ้บอกว่ามีคนที่ชื่อท่านนภันต์อะไรเนี่ย แหละกำลังตามหาลูกชายของเขาที่สาบสูญไป ตาม สัญชาตญาณการคาดเดาของเธอ เธอคิดว่าเป็นคุณ

ต๊ะ

ชนัยอดขำไม่ได้”พี่สะใภ้คุณกลายเป็นเชอร์ล็อคโฮมไปแล้วหรือนี่ มิน่าเมื่อตอนบ่ายคุยกับผมครึ่งๆกลางๆ

“แต่ว่าที่ขาของคุณทำไมถึงไม่มีไฝแดงนั้นล่ะ?”

“แล้วทำไมที่ขาของผมต้องมีไฝแดงนั่นด้วยล่ะครับ?

ชนัยย้อนถามบ้าง

ปาณีขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าคุณมีละก็ คุณก็จะไม่ใช่เด็ก กำพร้าน่ะสิคะ………..

“เป็นเด็กกำพร้ามันไม่ดีตรงไหนหรือครับ ผมชินแล้ว หรือว่าปาณีคุณแคร์มากเลยหรือครับ?”

“เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้นคะ ฉันไม่ได้หมายความ ว่าอย่างนั้น!

ปาณีกลัวว่าชนัยจะคิดมาก ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคุณจะเป็น ยืนยันจุดยืนของตัวเองอย่างหนักแน่น เด็กกำพร้าหรือไม่ สำหรับฉันแล้วไม่มีความหมายอะไร เลยคะ เพราะว่าตั้งแต่แรกฉันชอบคุณที่เป็นคุณ ไม่ใช่ที่ ครอบครัวเบื้องหลังของคุณ

ชนัยแสดงความรักต่อเธอด้วยการจูบลงที่หน้าผากอีก ครั้ง ขอบคุณนะครับ

เขาลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัวไป ปาณีทนไม่ได้ที่เขากำลังจะออกไป ยื้อแขนเขาไว้อย่าง อ้อนวอน อย่าเพิ่งไปสิคะ คืนนี้คุณค้างที่นี่เถอะนะคะ”

“ไม่ได้ครับ ถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะอยู่ในฐานะคนรัก แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ค้างคืนที่นี่ดูไม่ค่อยเหมาะสม เท่าไหร่ พรุ่งนี้เช้าคนในครอบครัวคุณเห็นผมเข้าจะรู้สึก นําบากใจนะครับ”

“ไม่ค้างทีนี่จริงๆหรือคะ?”

“คุณสบายใจได้ รอให้ผมเคลียร์เรื่องต่างๆให้ เรียบร้อยก่อน ผมจะมาขอคุณอย่างเป็นทางการเลย ครับ ถึงตอนนั้นพวกเรามีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน เลยล่ะ”

เขาจูบลงที่ริมฝีปากสีแดงระเรื่ออันอ่อนนุ่มของเธอ อีกครั้ง ชนัยออกจากห้องเธอไป เขาย่องเบาลงไปที่ชั้น ล่าง เตรียมหายตัวออกไปอย่างไร้ร่องรอย แต่โชคไม่ เข้าข้างเขาถูกคนคนหนึ่งจับได้คาหนังคาเขา

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ชนัยต้องหยุดชะงัก หันหลังกลับไปมองพลางแสร้งยิ้ม“ท่านประธานปยุต”

“ทําไมคุณยังไม่กลับอีก?”
ปยุตมองเขาอย่างสงสัย เขาเก้ๆกังๆอธิบายออกไป ว่า“ผมติดธุระนิดหน่อยครับ

เห็นว่าเขาน่าจะออกมาจากห้องของน้องสาว ปยุตรู้ อยู่แก่ใจ ตั้งใจแกล้งแซวเขา“โอ้โห ธุระนานจังเลยนะ ติดพันธุ์ยาวมาจนถึงที่บ้านนี้เลยเนี่ย”

“พวกเรารักกันจริงๆ ครับ…….. ชนัยรีบแก้ตัวทันควัน

“รักกันด้วยความจริงใจ? เฮ้อ ทีแรกผมยื่นข้อเสนอให้ คุณสารพัด ทั้งคฤหาสน์หรู ถือหุ้น10%ในบริษัท ใบหุ้น เอย เงินดอลล่าห์เอย สารพัดอย่างเพื่อชักจูงคุณ ให้มา ชอบกับปาณี คุณก็ปฏิเสธผม ตอนนี้กลับมาพูดกับผมว่า รักกันด้วยความจริงใจ คุณเอาอะไรมาพูดว่ารักกันด้วย ความจริงใจมิทราบ?”

ชนัยถอนหายใจยาว ตอบกลับอย่างจริงจัง ท่าน ประธานครับ เรื่องของความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้หรอก ครับ ทีแรกผู้หญิงที่คุณไม่ชอบคนนั้น สุดท้ายคุณก็ ตกหลุมรักจนกลายมาเป็นภรรยาคุณจนได้ ตอนนั้นผม ยังไม่ได้ชอบปาณีเลย แต่ก็ไม่ได้เกลียดเธอ เมื่อเทียบ กับคุณแล้ว ทําไมผมจะรักกันด้วยความจริงใจไม่ได้ ครับ?”

ปยุตเห็นเขาพูดจาฉะฉานมีเหตุมีผล ต้อนเขาซะจนมุม พูดไม่ออก จึงแกล้งทำเป็นอารมณ์ไม่ดีกลบเกลื่อนยัง ไม่รีบไปอีก จะค้างคืนที่นี่หรือยังไงต๊ะ?”
เขาลงมาหยิบผลไม้สดในตู้เย็นแล้วกลับขึ้นชั้นบน ไป ปยุตพึมพำกับผลินว่า“อีตาชนัยนี่นับวันยิ่งเหิมเกริม ใหญ่แล้ว ดูสินี่เพิ่งจะออกไปจากห้องน้องสาวผม

ผลินตกใจพลางพูดว่า “เขาสองคนยังข้าวใหม่ปลามัน กันอยู่ เขากลับไปก็ดีแล้วนะ ถ้าเป็นคุณละก็ ฮึฮึ……………….

“ถ้าเป็นผมจะทำไม?”

“ถ้าเป็นคุณ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปน่ะสิ”

ปยุตหัวเราะกลบเกลื่อน“ทีแรกผมคลั่งไคล้คุณขนาด นั้นเลยหรือ? ทำไมผมไม่เห็นรู้ตัวเลย”

ผลินเอานิตยสารที่ถืออยูในมือฟาดเขาไปทีหนึ่ง พูด ด้วยความโมโห“ถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอกนะ ตกลงคุณรักฉันหรือเปล่าเนี่ย ทำไมไม่เคยมีมุมโรแมน ตึกกับเขาบ้างเลย?”

“เผลอแพล่บเดียวทำให้คุณตั้งท้องเด็กตั้งสองคน ยัง มาหาว่าผมไม่รักคุณอีกหรือเนี่ย? คุณไม่เห็นหรือว่าผม รักคุณมากขนาดไหน ถึงยิงปืนนัดเดียวได้นกมาตั้งสอง ตัวแน่ะ?”

“ฉันตั้งท้องเด็กถึงสองคนเป็นเพราะสวรรค์ท่านมี เมตตาเห็นว่าฉันลำบากมามากแล้วต่างหากจึงมอบของ ขวัญ า ามาให้ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับที่คุณรักหรือไม่รักฉันเลยสักหน่อย?”

“ทำไมจะไม่เกี่ยวละครับ ถ้าไม่มีความรักของผม คุณ จะตั้งท้องได้หรือ? คุณคนเดียวตั้งท้องได้ด้วยหรือ?”

“ถ้างั้นผู้หญิงทุกคนที่มีลูก ก็แปลว่าสามีของพวกเธอ รักพวกเธอทั้งหมดเลยงั้นสิ? คุณดูอย่างชนัยกับปาณีสิ ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงออกทางสายตาเพียงเท่านั้น ฉันก็ อิจฉาริษยาจนหมั่นไส้จะตายอยู่แล้ว!”

“ไม่ใช่แค่การแสดงออกทางสายตาหรอก? มันยิ่งกว่า นั้นอีก คุณยืนนิ่งๆนะ!”

มือทั้งสองของปยุตจับลงที่ไหล่ของเธอ ส่งสายตา จ้องมองเธอด้วยความรัก จากนั้นขยิบตาข้างซ้ายให้เธอ เอ่ยถามอย่างพอใจเป็นอย่างไร? คุณรู้สึกบ้างไหม?”

ผลินยิ้มกว้าง“คะ รู้สึก

“รู้สึกอย่างไร?”

“อยากจะอ้วก”

เธอกุมท้องหัวเราะเสียงดังลั่น ถือโอกาสก่อนที่ปยุต จะลงมือ วิ่งหนีออกจากห้องนอนไป

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เธอจึงกลับเข้ามาในห้องพร้อมสีหน้าที่สับสน

“เป็นอะไรไปล่ะ? ออกไปแค่แป๊บเดียวอารมณ์ไม่ดีอีก แล้ว?”

ปยุตอาบน้ำ เรียบร้อยแล้ว กำลังนอนสบายอยู่บน เตียง อ่านนิตยสารที่เมื่อกี้เธอขว้างใส่ที่วางบนหัวเตียง

“ปยุตคะ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้? ปาณีบอกว่าที่ต้นขา ของชนัยไม่มีไฟสีแดงนั้นเลยค่ะ”

ปยุตขมวดคิ้วแน่น เกือบพลั้งมือบีบคอเธอ ผมบอก คุณตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าเข้ามายุ่งเรื่องนี้ อีก ให้ทําใจสบายๆดูแลเด็กในท้องให้ดีทำไมคุณไม่ เชื่อฟังผมเลยล่ะ?”

“ฉันรู้แล้วคะ แต่คุณจะให้ฉันนิ่งนอนใจได้อย่างไร กัน?”

“ผมคิดผิดจริงๆเลยที่เล่าให้คุณฟัง”

“ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือคะ? ถ้างั้นฉันว่าฉันตัดขาด จากโลกภายนอกไปเลยดีไหมคะ ทุกวันหาเพื่อนเข้าวัด สวดมนต์กินเจ ไม่สนใจทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ แบบนี้ คุณถึงจะพอใจ”

“แล้วลูกจะทำอย่างไรล่ะ?”
“เด็กก็เกิดในวัด คนหนึ่งบวชเป็นพระ อีกคนเป็นแม่ ชี แถมแม่ก็บวชชีไปด้วยซะเลย สามคนเป็นเพื่อนกันจะ ได้ไม่เหงา รอจนกระทั่งคุณรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องทำถึง ขนาดนั้นแล้ว ฉันค่อยพาเด็กๆกลับมา

“อืม ความคิดนี้เข้าท่า

“ปยต!”

ผลินโกรธจนมองค้อนเขา”พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปหา ครอบครัวของฉัน”

“กลับไปหาครอบครัว? คุณไม่กลัวชุดาจะกินคุณเอา หรือ ยังกล้าไปอีก”

“ใครว่าฉันจะกลับไปหาตระกูลเจริญมาศล่ะคะ ฉันจะ กลับไปเมือง F ไปบ้านคุณลุงของฉันต่างหาก!”

เขาคิดแล้วคิดอีก”ก็ได้ครับ แทนที่จะปล่อยให้คุณอยู่ บ้านคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ ให้คุณไปพักผ่อนข้างนอกจะดี กว่า น่าจะส่งผลดีต่อเด็กในท้องด้วย”

“นี่คุณพูดเองนะคะ ถึงเวลาคุณอย่าโทรมาเรียกให้ฉัน กลับมาก็แล้วกัน!”

“ผม…”
“คุณทำแบบนี้? ยังคิดจะบอกอีกไหมว่าถ้าคุณขอให้ ฉันกลับมาอีกคุณจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุล จากนั้นจะ วิ่งรอบโลกหนึ่งรอบต๊ะ? ฉันจะบอกคุณเอาไว้เลยนะว่า ครั้งที่แล้วฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะพูดประโยคนี้ออกมา ถ้าไม่อย่างนั้นคุณอย่าคิดว่าฉันจะกลับมาที่นี่ง่ายๆอย่าง นั้นอีกเลยนะ!”

ปยุตตกตะลึง ร้องโอดครวญพลางกอดเธอ”เอาละ ผมผิดเองครับ คำพูดในครั้งนั้นผมขอคืนนะ คุณไปเมือง F ได้ครับ แต่คุณต้องกลับมา อย่างมากคุณไปได้แค่ หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นครับ

“แล้วเรื่องชนัยจะทำอย่างไรดีคะ?”

ปยุตยังไม่เข้าใจ “ชนัย เรื่องอะไรครับ?”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ