ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 100 ช่วงเวลาแห่งความสุข (1)



ตอนที่ 100 ช่วงเวลาแห่งความสุข (1)

ผลินเกือบจะสําลักจูบของปยุต จนกระทั่งเสียงแตรรถดัง เข้ามาในหู เธอผลักเขาออกไปอย่างเขินอาย และพูดด้วย ความไม่พอใจ ขับรถไปเร็ว ๆ เลย การจราจรติดขัดหมด แล้ว”

ปยุตบ่นด้วยความหงุดหงิด “กลับบ้านไปจะจัดการกับ คุณ”

เมื่อถึงบ้าน ผลินขึ้นไปข้างบน ปยุตตามเข้าไป “บอกมา เร็ว ๆ สิ คุณบอกคุณป้าคนนั้นไปว่ายังไง” ผลินยิ้มอย่าง ไร้อารมณ์ “ทนคุณไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันบอกกับเธอว่า ขอบคุณที่คุณช่วยแนะนำแฟนให้ฉัน”

“คุณปฏิเสธเหรอ”

“ฉันบอกว่าฉันแต่งงานแล้ว”

ปยตรู้สึกดีขึ้น และตบศีรษะเธอแปะ ๆ “ไม่เลวเลย ดี มาก”

“แต่เธอชวนฉันไปทานอาหารที่บ้านของเธอในคืนวันหยุด สุดสัปดาห์”

“ทานอาหารอะไร

“ก็อาหารเย็นปกติทั่วไป”
ปยุตที่เพิ่งวางใจกลับถูกกระตุ้นอีกครั้ง “ผมว่าเธอไม่ ปกติ เพิ่งเจอคุณสองครั้งก็เชิญคุณไปทานข้าวที่บ้านของ เธอแล้ว คุณรู้จักเธอดีแล้วเหรอ”

“ผู้คนชอบฉัน”

“ผมคิดว่าเธอไม่ได้คิดดี”

ปยุตคิ้วขมวดหนัก “ไม่ได้ มันเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัย แอบแฝงไปไม่ได้

“ฉันสัญญาไว้แล้ว อยากให้เป็นคนตระบัดสัตย์เหรอ”

“ทำไมคุณถึงสัญญากับเธอ อาหารของเธอดีกว่าบ้านของ

เราหรือไง”

“โอ๊ย นี่มันอะไรกัน คุณไม่ได้บอกเหรอว่าฉันมีเพื่อนน้อย เกินไปน่ะ ควรจะเป็นเพื่อนกับบุคคลสำคัญสิ ฉันใช้ชีวิตตาม ความคิดของคุณนะ”

“แต่จิตใจเธอไม่ดี”

“จิตใจเธอไม่ดี?”

“ก็เธอบอกว่าเธอจะแนะนำแฟนให้คุณ”

“ฉันก็ปฏิเสธเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าพูดถึงมันอีกเลย ไม่ต้องห่วงมากไปหรอก อืม สามี สามีชอบอะไรที่สุดกันนะ”
ผลินอ้อน เล่นเสน่ห์ให้ปยุตโอนอ่อน

“คุณแน่ใจนะว่ามันเป็นแค่อาหารเย็นธรรมดา ไม่ได้เป็น ปาร์ตี้นัดบอด”

“แน่นอนสิ ฉันแน่ใจ

ผลินพยักหน้าหนักแน่น ปยุตโล่งใจขึ้นเพียงเล็กน้อย สองมืออุ้มผลินขึ้นนั่งบนโต๊ะเครื่องแป้ง ยกกระโปรงชุด ราตรีของเธอขึ้นและฝังศีรษะเข้าไปข้างใน

เธอซบลงกับไหล่ของปยุต ไม่มีแม้แต่แรงที่จะหายใจ ถึงแม้ว่าคนที่ทำงานหนักไม่ใช่เธอก็ตามที

พักหายใจชั่วครู่ เธอถึงจะฟื้นพลังขึ้นมาเล็กน้อย เดิน เข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำอย่างอ่อนระโหยโรยแรง หลัง จากอาบน้ำเสร็จแล้ว เธอก็เดินกลับไปที่ห้องนอน ล้มตัวลง บนเตียงและกล่าวอย่างหมดแรงว่า “สามี คุณไปอาบน้ำสิ

ปยุตตอบรับจึมงำ แล้วจึงเดินเข้าห้องน้ำไป เมื่อผลิน ครึ่งหลับครึ่งตื่น ปยุตก็ออกมา เช็ดผมที่เปียกอยู่และเอ่ย ถาม “คุณป้าคนนั้นจะแนะนำคุณให้กับญาติของเธอเหรอ”

“ลูกชายเธอ…”

ผลินตอบทั้งที่ตายังปิด

“ชื่ออะไร”
ปยุตรออยู่นานผลินก็ไม่ตอบ เขาจึงเดินไปที่เตียง “เฮ้?”

เมื่อมองดูใกล้ ๆ ก็พบว่าหลับไปแล้ว

ชั่วพริบตาเดียว วันหยุดสุดสัปดาห์ก็มาถึง ผลินไปที่ วิลล่าเพิ่มสินตามสัญญา เมื่อทัตดาเห็นเธอก็มีความสุข อย่างมาก

“คุณผลิน ฉันคิดว่าคุณจะไม่มา ไม่คาดคิดว่าคุณเป็นคน รักษาคำพูดอย่างน่าเชื่อถือ

ผลินวางผลไม้สดที่ซื้อมาลงบนโต๊ะ ยิ้มและพูดว่า “แค่ การทานอาหาร ไม่มีเหตุผลที่จะไม่มานี่คะ”

“กรุณานั่งลงก่อนค่ะ บ้านเพิ่งถูกตกแต่งเมื่อไม่นานมานี้

เอง มันยังดูไม่ค่อยเรียบร้อย ผลินมองไปรอบ ๆ “ไม่นะคะ ฉันว่ามันดีมากเลยค่ะ”

ทัตดาใส่ผ้ากันเปื้อน “อีกสักครึ่งชั่วโมงก็จะเสร็จแล้ว คุณเชิญดูอะไรตามสบายนะคะ”

“คุณป้าทำอาหารเองเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ อยากจะให้คุณได้ลิ้มรสฝีมือของป้าน่ะ”

“ฮ่า ๆ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ”
ทัตดาเข้าไปในครัว ผลินรู้สึกว่างและเบื่อ จึงเดินเข้าไป และกล่าวว่า “คุณป้าคะ คุณมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว คุณไปรอที่ห้องนั่งเล่น เถอะ”

ผลินมองดูเธอกำลังยุ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย ไม่คิดเลย ว่าผู้หญิงที่มีลักษณะแข็งแกร่งและสง่างาม เมื่ออยู่บ้านจะ ทํางานบ้านได้อย่างคล่องแคล่วเช่นนี้

ออด ๆ ๆ !

เสียงออดดังขึ้น ผลินถอนสายตาทันที หันกลับไปและ วิ่งไปที่ประตู ทันทีที่ประตูเปิดออก ทันใดนั้นเธอก็ชะงัก

“ครูใหญ่ไวภพ?”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เจอกับไวภพที่นี่ ผลินตก ตะลึงอ้าปากค้าง

“ผลิบ?”

ไวภพเองก็ตกใจพอ ๆ กัน เขามองไปที่ห้องนั่งเล่น ถาม อย่างสงสัย “คุณมาที่นี่ได้ยังไง”

“แล้วคุณมาที่นี่ได้ยังไง”

ผลินเกิดความสงสัยมากกว่าเขา
“นีเป็นบ้านของคุณแม่ผม

“ฮะ!?” เมื่อไวภพพูดจบ ผลินก็ยิ่งงง “นี่ เธอ…”

“ใครเหรอ”

ทัตดาออกมาจากห้องครัวพร้อมกับจานหมูสามชั้นตุ๋น ซอสแดง เหลือบมองคนที่ยืนอยู่ข้างนอกประตู แล้วร้อง ออกมาด้วยความประหลาดใจ “ไวภพ แกมาได้ยังไง”

“ผมขับรถมาที่นี่เพื่อมาหาคุณแม่ แต่ว่าคุณแม่รู้จักครูผลิ ได้ยังไงกันครับ”

ไวภพถามแม่ด้วยใบหน้าที่สับสน

“ครูผลิน?”

ทัตดาเลิกคิ้วขึ้น ชำเลืองมองผลิน ถามอย่างไม่แน่ใจ “คุณรู้จักลูกชายของฉันเหรอคะ”

ณ เวลานี้ ผลินยอมรับความจริง เธอพยักหน้าอย่าง ขมขื่น “ใช่ค่ะ เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน

“ไม่นะ บังเอิญจัง”

ทัตดาปิดปากหัวเราะ “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง ไม่ อยากจะเชื่อเลย”
“คุณแม่ครับ คุณยังไม่ได้บอกผมเลยว่าทั้งสองคนรู้จักกัน ได้ยังไง”

ไวภพเดินเข้ามา และดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดี

ทัตดาเล่าเรื่องที่ได้รู้จักกับผลินสั้น ๆ หลังจากที่ได้ยิน ไวภพก็หัวเราะและกล่าวว่า “คุณครูผลินของเราไม่ยึด สิ่งของที่เก็บได้เป็นของตนเอง ดูเหมือนว่าในวันพรุ่งนี้จะ ต้องมีการประชุมครูและนักเรียนในโรงเรียนของเราเพื่อ ยกย่องเสียแล้ว”

ผลินกลอกตา “อย่าทําให้ฉันขายหน้าเลยค่ะ ฉันแค่ไม่รู้ ว่าจะซ่อนมันที่ไหนต่างหากล่ะ”

“ดีแล้ว ๆ พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมงานและพวกเราก็สนิทกัน

มาก อาหารพร้อมแล้ว มาคยไปด้วยทานไปด้วยกันเถอะนะ”

ทัตดาชวนทั้งสองคนไปนั่งที่โต๊ะอาหาร

“คุณผลิน ฉันเรียกคุณว่าหนูลินได้ไหม

“อื้ม ได้สิคะ”

ผลินพยักหน้า

“คุณก็สอนที่โรงเรียนมัธยมปรานต์เหมือนกันเหรอคะ”

ไวภพพูดอย่างหงุดหงิด “คุณแม่ ก็เธอเป็นเพื่อนร่วมงานของผม ไม่ให้เธอสอนที่โรงเรียนมัธยมปรานต์จะให้เธอ ไปสอนที่โรงเรียนมัธยม C เหรอครับ”ฉันไม่ได้ถามแก เจ้า เด็กบ้า”

ทัตดาจ้องไปที่ลูกชาย

“ฉันว่ามันช่างบังเอิญจริง ๆ นะคะ ไม่คิดฝันเลยครูใหญ่จะ เป็นลูกชายของคุณป้า

ผลินพูดตามตรง เธอไม่เคยคิดเลยจริง ๆ

“ฮ่า ๆ ฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้จัก ลูกชายของฉัน วันนั้นฉันยังพูดอยู่เลยว่าจะแนะนำคุณให้ เป็นแฟนกับลูกชายของฉัน”

ทัตดาไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็น่ากระอักกระอ่วนสําหรับผลิน และไวภพ เธอคงจะไม่รู้ว่าลูกชายของเธอหลงรักผลิน นัน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงได้พูดขึ้นมาโดยไม่คิด

“เอาล่ะ รีบทานกันเถอะครับ”

ไวภพกลัวว่าผลินจะอึดอัดจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อการพูดคุย

“ทานขาไก่น่องใหญ่นี่สิ

เขาคีบขาไก่ลงในชามของผลิน ผลินรับส่ายหน้า “ไม่ ต้องค่ะ ฉันคีบเองได้”
“คุณคืบเองอะไร เห็นคุณผอมจนเห็นแต่กระดูกแบบนี ทำให้สงสัยเลยว่าถูกทารุณกรรมในบ้านสามีหรือเปล่า”

“ใช่ที่ไหนกัน”

ผลินกะพริบตาและก้มหน้าลง คีบข้าวเข้าปากและไม่ต่อ ปากต่อคําต่ออีก

ทัตดาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ จากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ มองเห็นความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างคนสองคน เธออาจจะไม่เข้าใจผลิน แต่เธอรู้จักลูกชายของเธอดี ที่ว่า ไม่ได้เป็นผู้ชายที่จะเอาใจใส่ผู้หญิงแบบนี้

หลายครั้งก่อนหน้านี้ เธอช่วยแนะนำคู่ให้เขา แต่ทุกครั้ง เขาจะปฏิเสธ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้ว

“อย่าคุยกันอีกเลย คิดว่านี่เป็นบ้านของตัวเองนะคะ ลูกชาย แกก็ทานไปอีกเยอะ ๆ”

ทัตดาส่งอาหารให้ทั้งผลินและลูกชาย ผลินอดไม่ได้ที่ จะสงสัย ว่านี่มันอะไรกัน วิธีการทำมันเหมือนเป็นครอบครัว นี่มันช่างน่าอึดอัดเกินไปแล้ว

เพื่อที่จะจบมื้อเย็นที่น่ากระอักกระอ่วนนี้โดยเร็วที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ผลินจึงรีบทานอย่างเร็ว หลังจากอาหาร เย็นจบลง เธอก็พบเหตุผลที่สมควรพูด “คุณป้าคะ ขอบคุณ สำหรับการต้อนรับในวันนี้นะคะ ฝีมือของคุณเยี่ยมจริง ๆ ค่ะ แต่ฉันมีบางอย่างที่ต้องทํา ฉันขอตัวกลับก่อนได้ไหมคะ”
“อ้าว ทำไมต้องรีบด้วย นังกับป้าอีกสักพักสิคะ”

ทัตดาจับมือเธอและนั่งลงบนโซฟา พูดอย่างจริงจัง “คุณก็รู้ ว่าป้าชอบคุณจริง ๆ นะคะ เห็นคุณก็เหมือนเห็นฉัน เมื่อครั้งยังเด็ก ไม่ชอบที่จะอยู่กับคนหมู่มากและไม่ชอบการ เสแสร้งแกล้งทำ

“คุณเป็นคนแข็งแกร่ง คุณเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง”

ไวภพที่นั่งอีกด้านเอ่ยขัดประโยค

“แกไม่ต้องพูด รอบนี้ไม่ใช่ตาของแกที่จะพูด

ทัตดาหยิกมือลูกชายและพูดต่อ “เพราะฉะนั้น หลัง จากนี้ฉันหวังว่าคุณจะมาทานข้าวกับฉันอีก ที่จริงแล้วฉัน ต้องการลูกสาว แต่พระเจ้าทำให้ฉันมีลูกชาย มันผ่านมา ยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายจนถึงตอนนี้”

“อ้าว ก็อย่าให้กำเนิดสิครับ ไม่ได้ทำอัลตร้าซาวนด์ก่อน คลอดเหรอ แค่เอาผมออกก็จบ”

ไวภพเอ่ยขัดขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง

“ที่จริงแล้วลูกชายหรือลูกสาวก็เหมือนกันนะคะ ครูใหญ่ เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ฉันแน่ใจว่าคุณคงจะไม่อกตัญญูกับ คุณป้าหรอกใช่ไหม”

“อกตัญญูน่ะไม่หรอกค่ะ แต่บางครั้งก็ไม่เชื่อฟังฉัน จุดนี้นี่แหละ ที่ทำให้ปวดหัว”

“สุดท้ายแล้วคุณก็หาลูกคนที่สองที่เชื่อฟังมากกว่าผมไม่ ได้หรอก ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความสุข

“ฉันได้บอกแกหรือเปล่าว่าถ้าไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าแกโง่ หรอก ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังคุยกับหนูลินน่ะ”

ไวภพยักไหล่อย่างไม่เห็นสำคัญ “เห็นไหมล่ะ แค่พูดผม ยังไม่มีสิทธิ์เลย”

ผลินลุกขึ้นยิ้ม “งั้นฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”

บางทีอาจจะเป็นเพราะอาหารเย็นที่เร่งด่วนเกินไป จึง ทำให้ปวดท้องอย่างไม่มีเหตุผล หลังจากที่เธอไปธุระส่วน ตัว ทัดดาก็ถามคำถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ “แก ชอบเธอเหรอ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ