ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 250 ตอนจบ



ตอนที่ 250 ตอนจบ

“ไวภพแค่เพียงแสดงหลักฐานเพื่อผม”

ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ถูกคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ฟัง ด้วยหูตัวเองชัดๆ ผลินรู้สึกดีใจมาก หลักฐานนี้เธอมอง คนไม่ผิด

“ไวภพแสดงหลักฐานอะไรออกมาคะ ถึงได้ทำให้คุณ หลุดพ้นจากผู้ต้องสงสัยในคดีของแม่เขา

“ก่อนที่ทัตดาจะตายเธอได้ไปพบกับลูกชาย จริงๆ นอกจากโอนเงินจำนวนมหาศาลจากธนาคาร สวิสเซอร์แลนด์ทั้งหมดไปยังบัญชีลูกชายแล้ว เธอยัง โอนหุ้นของบริษัทแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสทั้งหมดให้เขา อีกด้วย ตอนนั้นไวภพงงมากกับสิ่งที่แม่ของเขาทำ แต่ กลับคิดไม่ถึงเลยว่านี่เป็นสิ่งที่แม่เขาเตรียมการเอาไว้ ให้แล้ว นอกเหนือจากนี้เธอยังทิ้งจดหมายฉบับหนึ่งไว้ ให้ลูกชาย ซึ่งไวภพได้รับหลังจากเกิดเรื่องขึ้นแล้ว 1 เดือน จดหมายฉบับนั้นแหละที่เขาส่งให้แผนกสืบสวน สอบสวน…………..”

“ข้อความในนั้นเป็นอย่างไรคะ คุณได้อ่านเนื้อหาข้าง ในไหม?”

“ไม่ได้อ่านเลยครับ เท่าที่พวกเขาบอกมาเนื้อหาเกี่ยว กับความสำนึกผิด ครึ่งแรกพรรณนาถึงเรื่องความผิดที่ ตัวเธอเองตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำ หน้าที่แม่ที่ดีเลย ส่วนครึ่งหลังกล่าวถ้อยคำในด้านลบในนั้นรวมประโยคที่สําคัญมากที่สุดอยู่ประโยคหนึ่ง ลา ก่อนลูกของแม่ แม่ขอใช้การจากไปครั้งนี้ไถ่ถอนหนี้สิน ที่ค้างชำระลูกไว้ทั้งหมด”

ผลินจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ ถ้าในจดหมายเขียนเอาไว้ แบบนี้ละก็ นั่นเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักชัดเจนว่าทัตดา ฆ่าตัวตาย ไม่ใช่เขาเป็นคนฆ่าเธอ อาจเป็นเพราะดีใจ มากเกินไป เธอจึงกระโดดโลดเต้นขึ้นมา : “คนดีพระ ต้องคุ้มครอง คนดีพระต้องคุ้มครอง ฉันรู้อยู่แล้วเชียว ว่าสักวันความจริงต้องถูกเปิดเผย!!

“อัยยะ เจ้าตัวน้อยของย่า คุ้มครองก็คุ้มครองอยู่แล้ว เธออย่ากระโดดได้ไหม…

หญิงขราตกใจรีบวิ่งไปที่ข้างหน้าเธอ สุดท้ายยังพูด ไม่ทันจบ ผลินนั่งลงไปยองๆเอามือกุมท้อง

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

”’เจ็บท้องคะ….

“เจ็บท้อง? ทำไมถึงเจ็บท้องได้ล่ะ?” ปยุตตื่นตระหนก

แม่สามีกวาดตามองไปที่ขาของลูกสะใภ้เห็นน้ำค ไหลออกมาแล้ว ร้องขึ้นมาว่า : “พระเจ้า จะคลอดแล้วนี่ เร็ว รีบไปโรงพยาบาลเร็วเข้า เอารถออกเร็ว!!”

“ลูกสะใภ้อดทนอีกหน่อยนะ ยังไงๆก็อดทนไว้ ก่อน..…..
“ผลินไม่ต้องกลัวนะครับ เราจะไปโรงพยาบาลกัน เดี๋ยวนี้!”

ครู่เดียวในบ้านสับสนวุ่นวายไปหมด ชุลมุนกันใหญ่ เตาเผาที่วางอยู่ข้างประตูถูกปยุตเตะออกไปไกล

หลังจากใช้เวลา 2 ชั่วโมง ผลินได้รับการผ่าตัดคลอด ที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก เธอคลอดทารกแฝดทั้งชาย และหญิงที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ชื่อ ฮีฮีและฮาฮา ตามที่ตั้งใจไว้

หญิงชราดีใจจนยิ้มไม่หุบ ส่วนปยุตนั้นก็ปิติยินดี ไม่แพ้กัน เขาร้องบอกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในโรง พยาบาลว่า : “ผมเป็นพ่อคนแล้ว ผมได้เป็นพ่อคน แล้ว……

ถ้าไม่ใช่คนอื่นเข้าใจว่าบ้านนี้กำลังบ้าเห่อลูกตัวเองละ ก็ พวกเขาคงคิดว่าเขาเป็นบ้า

ผลินหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจากยาสลบแล้ว ก็เห็นปยุต ยืนอยู่ข้างๆเตียงของเธอ สายตาจ้องมองไปที่ทารกทั้ง สองในเตียงพลางเอามือลูบหัวทารกทั้งสองด้วยความ อ่อนโยน

“ที่รักคะ……

เธอกล่าวอย่างอ่อนแรง

“มีอะไรครับ?” ปยุตรีบหันมาทางเธอ
“ขอฉันดูลูกหน่อยสิคะ”

ปยุตอุ้มทารกมาให้เธอในอ้อมกอด “คุณดูสิครับ ลูกสาวหน้าเหมือนผมไหม?”

“ยังเล็กอยู่เลย จะดูออกได้อย่างไรละคะ”

ผลินยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจ “ช่างมันเถอะคะ เด็กทั้ง สองหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบ คุณว่าลูกสาวหน้าเหมือน คุณ แล้วลูกชายละคะหน้าตาไม่เหมือนคุณบ้างหรือ? ถ้างั้นฉันอุ้มท้องมา 10 เดือน ลำบากลำบนมามากมาย เพื่อให้มีวันนี้ ฉันไม่มีอะไรดีเลยหรือไงคะ?”

“จะไม่มีได้อย่างไรกันครับ ทุกวันนี้ผมรักคุณจะตาย ไป คลอดลูกที่น่ารักให้ผมถึง 2 คน”

“ความรักไม่ใช่เอาแต่พูดอย่างเดียว ต้องลงมือปฏิบัติ ด้วยสิคะ”

“รอให้คุณออกจากโรงพยาบาลก่อนนะ ผมจะอุ้มคุณ ไว้บนบ่า ให้คุณขี่หลังผมตลอดไปเลย”

“จริงหรือคะ?”

“สุภาพบุรุษอย่างผม คำไหนคำนั้น! ”

“ดีคะ….”

หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ ผลินเย็บแผลเรียบร้อยเตรียมตัวกลับบ้าน เมื่อรถมาถึงใกล้ประตู คฤหาสน์นภา ก็ปรากฏทั้งเสียงปะทัดและจุดดอกไม้ ไฟดังขึ้น ในบ้านต่างรู้สึกปิติยินดีกันเป็นการใหญ่ คดีของปยุตเพิ่งจะจบลง ฟ้าก็นำพาเด็กทั้งสองมาให้ เสมือนส่งความสุขมาให้เป็นทวีคูณ

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา คนที่มาเยี่ยมถึงบ้านเพื่อ แสดงความยินดีเข้าออกกันไม่ขาดสาย ในช่วงเดือน นี้ผลินเอ่ยปากขอบคุณซะจนริมฝีปากเป็นแผลร้อนใน

ตอนเย็นเธอบ่นกับปยุตเรื่องปากเธอเป็นแผลว่า “ที่รักคะ ดูสิปากฉันเป็นแผลแล้วเนี่ยะ”

ปยุตเข้ามาใกล้เธอ : “อุ้ย เป็นแผลจริงๆด้วย”

“ทำยังไงดีละคะ?”

“จะทำยังไงได้ละครับ ก็ต้องใช้วิธีที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายช่วยรักษาให้คุณน่ะสิ”

“อ๋อ? ที่บ้านคุณมีวิธีอย่างนั้นด้วยหรือคะ? ทำไมฉัน ไม่เห็นเคยรู้เลย…..

“มีสิครับ คุณหลับตาลง ผมจะรักษาให้คุณเอง”

เธอเชื่อเขาสนิทใจหลับตาลง รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ อบอุ่นกำลังใกล้เข้ามา ตามมาด้วยริมฝีปากอันเร่าร้อน ที่คุ้นเคย จูบลงที่แผลเล็กๆนั้นด้วยความอ่อนโยน และใกล้ชิด
ในใจเธอรู้สึกอ่อนแรง เธอจูบตอบเขาอย่างเรารอน ทั้งสองกำลังเข้าได้เข้าเข็มกัน ทันใดนั้นเด็กทั้งสองไม่มี อารมณ์อยากดูจึงพากันร้องไห้จ้าขึ้นมา

“สงสัยคงจะหิวน่ะคะ”

ผลินผลักปยุตออกไป รีบอุ้มเด็กขึ้นมาไว้ในอ้อม กอด ถอดกระดุมเสื้อออกรีบให้นมลูก

เมื่อคนหนึ่งอิ่มแล้ว เธอจึงอุ้มอีกคนหนึ่งขึ้นมา…

เมื่อฤดูใบไม้ผลิผ่านไปจนฤดูใบไม้ร่วงมาถึง เวลา 5 เดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งฮีฮีและฮาฮาโตขึ้นหม่ำ อย่างกับตุ๊กตา

หญิงชราแห่งตระกูลทรัพยสานรักใคร่เอ็นดูหลานทั้ง สองคนเป็นอย่างมาก เมื่อผลินให้นมเสร็จ เธอรีบเรียก พี่เลี้ยงทั้งสามคนเข้ามาดูแลเด็กๆ

ด้วยวิธีนี้ ผลินจึงมีเวลาได้พักผ่อนอย่างมีความสุข

วันนี้เธอบังเอิญได้รับโทรศัพท์จากไวภพ เขานัดเธอ ออกมาพบ

ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอึดอัดเลยก็คงจะไม่ใช่ เรื่องราว การเสียชีวิตของทัตดาตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นปมในใจ แต่ว่าผลินก็ไปตรงเวลาตามนัด

ไม่ได้เจอกันนานหลายเดือน ไวภพดูดีขึ้นมาก ไม่เหมือนกับในคืนนั้นที่เธอไปหาเขาทั้งซูบซีดและเศรา หมอง

“คุณนัดฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ?” ผลินถามออกไป ตรงๆ

“เออคือมีเรื่องปรึกษานิดหน่อยครับ ตอนนี้คุณต้อง เลี้ยงลูกเองหรือเปล่า?”

“เปล่าคะ ทำไมหรือคะ?” เธอตอบอย่างงงๆ

“ถ้างั้นขอรบกวนคุณสักเรื่องหนึ่งได้ไหม?”

“คะ ว่ามาสิคะ”

“ชื่นใจตั้งท้องได้ 7 เดือนกว่าแล้ว ผมอยากให้เขาอยู่ บ้านพักผ่อน แต่ว่าที่โรงเรียนตอนนี้ขาดแคลนคุณครู ดังนั้น..…………….

“อ้อ ฉันเข้าใจแล้วคะ คุณอยากให้ฉันกลับไปสอน หนังสือที่โรงเรียนแทนเธอใช่ไหมคะ?”

“ครับ”

“ได้คะ ไม่มีปัญหา!”

เธอรับปากทันควัน ชื่นใจเป็นใคร? แล้วไวภพเป็นใคร ล่ะ?” เรื่องของทั้งสองคนก็เปรียบเสมือนเป็นเรื่องของ เธอเช่นเดียวกัน ไม่ช่วยไม่ได้แล้ว
ไวภพพยักหน้าด้วยความกระตือถือร้น “ขอบคุณครบ ขอรบกวนคุณด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องเกรงใจคะ”

บรรยากาศยังน่าอึดอัดใจอยู่นิดหน่อย ผลินลังเลใจ ก่อนจะพูดออกไปว่า “ขอบคุณคุณมากนะ

“ขอบคุณผมเรื่องอะไรครับ?”

“ขอบคุณที่คุณไม่ทำให้ฉันผิดหวัง ออกมาแสดงหลัก ฐานยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับสามีของฉัน”

ไวภพยิ้มให้ด้วยความรู้สึกหวานอมขมกลืน นต้อง ยกความดีความชอบให้คุณ คุณคิดว่าผมไม่รู้หรือว่า เรื่องที่คุณเฉลิมพลนัดผมออกมาเป็นความตั้งใจของ คุณ?”

ผลินรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เอ่ยปากถามออกไปว่า “เขาพูดกับคุณว่ายังไงบ้างคะ?”

“เขาพูดหลายเรื่อง แต่สิ่งที่ผมจำได้ขึ้นใจเลยก็คือ ความเกลียดชังไม่มีวันลบล้างด้วยความเกลียดชังลงได้ มีเพียงความเมตตาเท่านั้นที่จะลบล้างความเกลียดชัง ลงได้ การปิดบังความจริง นำไปสู่ความเสื่อมถอยทาง ชีววิทยาในสังคมมนุษย์อย่างแท้จริง การปัดความรับ ผิดชอบ จะนำมาซึ่งการแผ่กระจายความไม่สนใจไยดี อันยิ่งใหญ่
วันนั้นเมื่อผลินกลับถึงบ้านแล้วก็เล่าเรื่องทั้งหมด ห ปยุตได้ฟัง ปยุตพูดว่าความเศร้า “คุณเฉลิมพลเปรียบ เหมือนอาจารย์ที่มีจิตวิทยาชั้นสูงที่สามารถส่งผลกับ คนรุ่นใหม่ได้ คำพูดของเขานั้นแฝงความหมายที่ลึกซึ้ง”

“ใช่คะ ปยุตคะ ฉันรับปากไวภพแล้วว่าตั้งแต่พรุ่งนี้จะ เริ่มกลับไปสอนหนังสือที่โรงเรียน”

“อะไรนะ?”

ปยุตเต้นผางขึ้นมาทันที “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมคุณ ไม่มาปรึกษาผมก่อน?”

“เรื่องใหญ่หรือคะ แต่ว่าก็แค่บางส่วนเท่านั้นเอง ชื่น ใจตอนนี้ตั้งท้องอยู่ โรงเรียนก็ขาดแคลนคุณครูด้วย

“ไม่พอแล้วทําไมเขาไม่ทำหนังสือร้องไปที่กระทรวง ศึกษาล่ะ? ทําไมต้องมาขอร้องภรรยาผมด้วย?”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะ เดิมทีฉันก็เป็นครูที่โรงเรียน นั้นอยู่แล้ว”

แต่ว่าคุณก็ลาออกมาตั้งหลายปีแล้วนี่?! “

“ฉันยังไม่ได้ลาออกคะ แค่ขอลาหยุดแบบไม่รับเงิน เดือน”

“ผมไม่สนใจว่าจะลาอะไร แต่ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วย!
“ทําไมละคะ?”

“ลูกยังเล็กเกินไป ทำไมคุณถึงไม่สนใจไยดีพวกเขา บ้าง?”

“เด็กๆมีคนคอยดูแลอยู่แล้วทั้งวัน ฉันเป็นแม่ก็แค่คอย ดูอยู่ใกล้ๆ”

“ก็ไม่ได้ครับ เร็วๆนี้ผมกำลังจัดเตรียมเรื่องความร่วม มือระหว่างบริษัทเอดีพีของสหรัฐอเมริกาอยู่ คนใน บริษัทก็ไม่พอเหมือนกัน คุณไปเป็นเลขาฯให้ผมบ้างสิ ตำแหน่งนั้นของคุณก็ว่างอยู่นานแล้ว”

เฮ้อ ผลินพูดไม่ออก สัญชาตญาณความเป็นเจ้าเข้า เจ้าของของผู้ชายคนนี้หนักแน่นอยู่เสมอ

ถึงแม้ว่าปยุตจะไม่เห็นด้วย แต่วันต่อมาผลินก็ยัง ดันทุรังไปที่โรงเรียน ผลลัพธ์ก็รู้ๆกันอยู่ ตอนเย็นเมื่อ ปยุตกลับมาถึงสีหน้าของเขาหม่นหมองยิ่งนัก โมโหใส่ เธอ “คุณไม่ได้ยินที่ผมพูดหรือยังไงต๊ะ?”

“ก็ฉันรับปากเขาไปแล้วนี่คะ ไม่อาจผิดคำพูดได้

“ไม่ต้องมาทำเป็นตีหน้าซื่อเลย? เห็นทีถ้าวันนี้ผมยัง ไม่ให้บทเรียนคุณบ้างละก็ อำนาจของผมในฐานะที่เป็น หัวหน้าครอบครัวคงจะไม่เหลือแล้วล่ะ!”

ปยุตเงื้อมือขึ้น ยังไม่ทันจะลงมือ ผลินก็กุมหัวเอาไว้ แน่น ร้องอย่างกับผีเข้า “แม่คะ……..ช่วยด้วย ระเบิดลงแล้วคะ!!”

ปยุตโกรธจนหันหลังออกจากบ้านไป ผลินได้แต่จ้อง มองเขาจากด้านหลัง ถอนหายใจออกมา “ว่าแต่ฉันชอบ หนีออกจากบ้าน เวลาโกรธใครก็อยากออกไปจากบ้าน ทั้งนั้นแหละ?”

เวลาผ่านไปแล้ว 1 สัปดาห์ ผลินเริ่มรู้สึกกังวล ทำไม ถึงกังวลนะหรือ? เพราะว่านับตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา เขาก็ไม่สนใจเธออีกเลย

เธอนอนอยู่บนเตียงอย่างเป็นทุกข์โทรศัพท์ไปหาชื่น ใจ พร่ำบ่นกับเธอและระบายความในใจออกมา

เมื่อชื่นใจฟังจนจบแล้ว เธอสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ ฟังอีกรอบหนึ่ง “ฉันว่านะ ปยุตไม่ได้โกรธที่เธอไม่เชื่อ ฟังเขาหรอก แต่ว่าชีวิตคู่ของเธอทั้งสองคนเดินเข้ามาสู่ ปีที่ 7 ซึ่งเป็นตัวเลขอาถรรพ์”

“เธอคำนวณผิดหรือเปล่า มันยังไม่ถึง 7 ปีเลยนะ”

“นี่มันเป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าของพวกเธอน่ะสิ”

“ถ้างั้นทำอย่างไรดีล่ะ?”

“มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ก็คือสร้างความโรแมนติก ให้เกิดขึ้น หลังจากนั้นจู่โจมด้วยความอ่อนโยนให้เขาตกหลุมรักเธอเข้าอีกครั้งหนึ่ง”

“เอาละ ฉันจะลองดูนะ……

จู่โจมอย่างอ่อนโยน อืม……จู่โจมอย่างอ่อนโยน……..

วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ เธอไปที่สถานีรถไฟเลือกหาแผ่น หนังวาบหวิว จากนั้นเตรียมลงมือปฏิบัติการในตอนเย็น

เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเธอขึ้นไปที่ชั้นบนเร็ว หน่อย อาบน้ำอาบท่าจนหอมฟุ้งไปทั้งตัว สวมชุดนอน บางเฉียบ ตั้งท่ารออย่างยั่วยวน รอให้ปยุตเข้ามาใน ห้อง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ