ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 230 เรื่องจริงที่สับสนวุ่นวาย



ตอนที่ 230 เรื่องจริงที่สับสนวุ่นวาย

ค่ำคืนนี้ผลินนอนตะแคงคนละด้าน เธอไม่เอ่ยถามอะ ไรปยุตทั้งนั้น เขาก็ไม่อยากให้เธอลำบากใจ เธอก็ไม่ อยากทําให้เขาผิดหวัง

ตอนกลางวันวันต่อมา เธออาศัยจังหวะตอนที่ปยุต ออกไปข้างนอก เรียกชนัยเข้ามาที่บริษัท ถามเขาออก ไปตรงๆ สองวันที่ผ่านมาท่านประธานเจอปัญหาอะไร เข้าหรือเปล่า?”

ชนัยๆอึ้งๆราวกับว่าไม่ต้องการจะบอกให้เธอทราบ

“ตอนนี้คุณรักปาณีจริงๆใช่หรือไม่? คุณเข้าใจอารมณ์ ของคนที่เป็นห่วงคนที่ตัวเองรักบ้างไหม? ชนัย ถ้าคุณ รักปาณีอย่างจริงใจละก็ กรุณาบอกฉันมาเดี๋ยวนี้

ชนัยรู้สึกตกใจนิดหน่อยกับคำพูดประโยคนั้นของผลิน เขาพูดออกมาเสียงเบาว่า “ใช่ครับ มีปัญหานิดหน่อย”

“เกิดอะไรขึ้น เล่ามาสิ?”

“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้องสาวคุณ ชุดา ขวางทางเราอยู่ ตลอด เดิมทีแผนการของท่านประธานจะสามารถกว้าน ซื้อหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ในมือของทัตดาได้ภายในเดือน เดียว ตอนนี้เพราะเขาเข้ามาแทรกแซง ทุกอย่างเลยไม่ เป็นไปตามแผน ทัตดาได้โอกาสทำปั่นป่วน โครงการที่ชานเมืองนั้นก็มีปัญหา เฮ้อ….เอาเป็นว่า ตอนนี้ทาน ประธานเจอศึกหนักทั้งสี่ด้านยากที่จะแก้ไขเลยครับ

ในใจผลินรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก เธอรู้แค่เพียงว่า ธุรกิจของปยุตไม่ราบรื่น แต่ไม่คิดว่ามันจะร้ายแรงถึง ขนาดนี้ มิน่าเมื่อวานเย็นเขาถึงได้นอนขมวดคิ้วแช่อยู่ ในอ่างอย่างนั้น เขาจะเหนื่อยมากเพียงใดกันนะ ต้อง แบกรับทุกอย่างเอาไว้เพียงคนเดียว

หลังจากคุยกับชนัยจบแล้ว เธอกลับไปจัดของที่ สำนักงานครู่หนึ่ง แล้วสะพายกระเป๋าออกจากบริษัทไป

ในใจเธอตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น เธอขับรถ ออกไปอย่างรวดเร็ว จอดรถลงตรงหน้าคฤหาสน์หลัง หนึ่งที่เธอเคยอยู่มาเกือบสิบปีแต่กลับไม่มีความผูกพัน ใดๆเลย

เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ถอนหายใจอย่างเสียมิได้ ต่อการกลับมาในครั้งนี้ของชุดา คฤหาสน์หลังนี้ตอน แรกถูกหมายศาลยึดเอาไว้ แต่ตอนนี้ได้รับการไถ่ถอน ออกมาเรียบร้อยแล้ว

เธอหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเข้าไปยังประตูห้องรับแขก คนรับใช้ที่อยู่ด้านหน้าคนหนึ่งถามขึ้นว่า “คุณผู้หญิง มา หาใครคะ?”

“คุณผู้ชายตระกูลเจริญมาศอยู่ไหม?” เธอถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“คุณท่านอยู่ที่ห้องหนังสือคะ คุณรอสักครู่นะคะ ฉันจะ ไปเรียนท่านให้

ผลินเดินไปนั่งที่โซฟา ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม ไม่มี เปลี่ยนแปลง ไม่นานนัก เธอได้ยินเสียงฝีเท้า จึงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สายตาพลันปะทะเข้ากับธนวันพอดี

ทันใดนั้นเขาจ้องมองเธอ สีหน้าธนวันไม่สู้ดีนัก ถาม ด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า”เธอมาทำไม?”

“ฉันมาเยี่ยมคุณค่ะ”

“มาดูว่าฉันตายหรือยังน่ะหรือ?”

ธนวันถามตรงๆอย่างเยาะเย้ย คำพูดที่กล่าวออกมา นั้นตำหนิผลินอย่างจงใจทุกถ้อยคำ

“ถ้าคิดว่าคนคนหนึ่งจะต้องตายแทนคนอีกคนหนึ่งละ ก็ เธอเข้าใจหรือยังว่าทำไมเธอถึงมีชีวิตอยู่ถึงทุกวัน

ผลินตั้งใจสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้ ไม่ต่อปากต่อ กํากับธนวัน

เขารู้ดีว่าสองสามปีที่ผ่านมานี้ในระหว่างที่เขาอยู่ในคุกมีคนนิรนามคนหนึ่งคอยส่งข้าวส่งน้ำให้เขา ถึงแม้ คนคนนั้นจะไม่เปิดเผยตัวก็ตาม แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่าคน คนนั้นคือผลิน

หลังจากที่ผลินออกจากเมือง B ไปเมื่อสองปีก่อน แต่ ยังคงคอยดูแลคุณพ่ออยู่ตลอด ถึงเธอจะไม่ได้ไปส่งที่ เรือนจําด้วยตัวเอง แต่เธอก็ใช้วิธีส่งไปรษณีย์เข้าไปให้

เธอไม่เคยคิดเลยว่าธนวันจะรู้สึกซาบซึ้งในการกระทำ ของเธอ เธอเพียงแค่ทำตามหน้าที่ของลูกที่ดีเท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะมีเหตุผลอย่างไรก็แล้วแต่ ผู้ชายที่มีอคติ คนนี้ก็ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น

“พูดมาสิ ตกลงมาหาฉันทำไม?”

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบผ่านพ้นไป ธนวัน เอ่ยปากขึ้น เขามั่นใจว่าผลินมาหาเขาถึงที่นี่ต้องมี เหตุผลแน่

“รบกวนคุณช่วยตักเตือนลูกสาวสุดที่รักของคุณ ชุดา หน่อยได้ไหมคะ”

“ชุดาทําไมหรือ?”

“เธอเอาแต่ขัดขวางปยุตอยู่ตลอด ฉันรู้ว่าถึงไปหา เธอก็ไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นจึงได้แต่หวังว่าคุณจะ ช่วยอะไรได้บ้าง”
ธนวันมองลง ชุดาไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่เธอพูดหรอก”

“ตัวเธอเองคงไม่ได้เป็นอย่างนั้น เธอจึงอาศัยที่พึ่งอัน ร้ายกาจเท่านั้นเองค่ะ”

“เธอจะให้ฉันทำยังไง?”

“ฉันบอกไปแล้วว่าให้คุณช่วยหยุดเธอหน่อย เหตุผล ที่พวกคุณยังยืนอยู่บนโลกใบนี้ได้ ก็เพราะตอนนั้นฉัน ปราณีพวกคุณ ถึงวันนี้ทำไมต้องทำให้ฉันหมดทางต่อสู้ ด้วยละคะ?”

“พูดอย่างนี้ หมายความว่าพวกเราต้องขอบคุณเธองั้น สิ?”

ทันใดนั้นน้ำเสียงแหลมคมดังมาจากทางด้านหลัง เธอหันกลับไปมองด้วยความสงสัย เห็นชุดากำลังยืน อยู่ที่ปากประตูพร้อมบอดี้การ์ดสองคนตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้

“ชุดา”

ธนวันลุกขึ้นยืน สายตาของเขาช่างแตกต่างกันอย่าง สิ้นเชิงกับเวลาที่มองผลิน นั่นคือสายตาที่เต็มไปด้วย ความรักจากคุณพ่อสู่ลูกสาว สายตาแบบนั้นบาดลึกลง ไปในหัวใจของผลิน
“พ่อคะ ดูเหมือนว่าหนูจะต้องหายามมาเฝ้าประตูให้ พ่อสัก2-3คนแล้วละค่ะ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนก็ สามารถเข้าออกบ้านเราได้ตามอำเภอใจ”

ผลินมีสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ คำพูด เหยียดหยามดูถูกของชุดาไม่ใช่ว่าเธอพบเจอวันนี้เป็น วันแรก

“เธอมาทำอะไรที่บ้านของพวกเรา? ฉันคิดไม่ถึงเลย ว่าเธอยังมีหน้ามาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก?”

ชุดายืนกอดอกทำท่าดั่งนางพญาอยู่ต่อหน้าผลิน เธอ นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง จึงลุกขึ้นเอนตัวไปทางธนวันพูด ว่า “ท่าทางวันนี้เราคงต้องพอแค่นี้ก่อนนะคะ เอาไว้วัน หลังฉันมาใหม่

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”

ชุดาสะกัดเธอเอาไว้”เธอเป็นแขกที่บ้านนี้หรือยังไง? คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปต๊ะ?”

เธอเดินมาดักหน้าผลินไว้ที่มาคุยกับพ่อของฉันก็ เรื่องไม่ให้ฉันเข้าไปขัดขวางปยุตใช่ไหมล่ะ?” เธอหัว เสียงดังจนแสบแก้วหู“เรื่องแบบนี้เธอมาหาฉันเองสิ เธอมาหาพ่อของฉันจะมีประโยชน์อะไร? เธอทำให้พ่อ ของฉันต้องเข้าไปอยู่ในคุกตั้งหลายปี เธอคิดว่าเขาจะ ยินดีช่วยเธออย่างนั้นหรือ?”
ผลินไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับเธอ ได้แต่ เดินอ้อมเธอออกไปโดยไม่พูดอะไร

“คุกเข่าลงต่อหน้าฉันสิ ขอเพียงเธอคุกเข่าลงให้ฉัน ความบาดหมางที่เรามีระหว่างกันเป็นอันจบสิ้น จากนี้ไป พวกเราต่างคนต่างอยู่

“ฝันไปเถอะ”

ผลินหันหลังกลับไป กัดฟันทิ้งท้ายไว้

“ถ้างั้นอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน”

ชุดาส่งสายตาให้ บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนหน้าประตูจับ ตัวเธอเอาไว้

“พวกแกจะทําอะไรน่ะ?”

“ฉันบอกแล้วไงว่า คุกเข่าลงให้ฉัน ถึงจะสาสมกับ เรื่องเลวร้ายที่แกทำกับพวกเราเอาไว้”

ข้างหน้าก็หมาป่า ข้างหลังก็เสือ ผลินสะกดกลั้น อารมณ์โกรธเอาไว้ในหัวใจ ส่งสายตาไปทางผู้เป็น พ่อ คุณจะยืนดูอยู่เฉยๆอย่างนั้นหรือคะ? หรือว่าคุณ เห็นด้วยกับเธอที่จะให้ฉันคุกเข่าลงไป?”

ธนวันนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไร
ท่าทางของผู้เป็นพ่อทำให้เธอหนาวเหน็บถึงขั้วหัวใจ เธอถามชุดาออกไปตรงๆด้วยน้ำเสียงย็นชาว่า”ถ้าฉัน ยืนยันไม่ยอมคุกเข่าล่ะ?”

บอดี้การ์ดสองคนนั้นเดินมาที่ข้างหน้าเธอ คนหนึ่งจับ แขนของเธอไว้ บังคับให้เธอคุกเข่าลงไปที่พื้น

“ปล่อยฉันนะ ถ้าแกกล้าทำร้ายลูกในท้องของฉันละก็ ปยุตเอาพวกแกตายแน่!”

ผลินดิ้นสุดชีวิต

“จ๊..จ๊ ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเธอท้องไม่ได้นี่นา ตอน นี้ตั้งท้องแล้วต้องทะนุถนอมหน่อยนะ ถ้าจะต้อง ระมัดระวังหน่อย ก็ควรจะรู้จักกาละเทศะบ้าง คุกเข่าลง แค่นี้เรื่องทุกอย่างก็จบลงแล้ว ฉันยังไม่ได้บังคับเหมือน ที่เธอเคยบังคับให้ฉันคุกเข่าทั้งวันทั้งคืนอยู่ที่หน้าหลุม ศพแม่ของเธอเลยนะ ขอเพียงยอมคุกเข่าลงด้วยความ เต็มใจ แค่นั้นพวกเราก็พอใจแล้วล่ะ”

“ฉันบอกแล้วไงว่า ฝันไปเถอะ!”

ท่าทางที่ผลินแข็งข้อทำให้ชุดาเริ่มโมโห เธอออกคำ สั่ง“ถ้ามันไม่ยอมคุกเข่า ก็ทำให้มันคุกเข่าลงไปซะ!”

บอดี้การ์ดทั้งสองจับแขนเธอไว้อีกครั้ง อีกใจหนึ่ง ก็กลัวว่าจะทำร้ายเด็กในท้องของเธอเข้า จึงไม่กล้าออกแรงมาก ทั้งสามคนจึงยื้อยุดกันอยู่อย่างนั้น ผลิน ส่งสายตาไปทางผู้ชายผู้เป็นพ่อเป็นครั้งที่สอง เมื่อเห็น ว่าพ่อยังเพิกเฉย ความคับแค้นใจและความรู้สึกไม่เป็น ธรรมที่เธอสะสมเอาไว้ในใจมานานหลายปีก็พลันระเบิด ออกมา…”

ทันใดนั้นไม่รู้ว่าเธอเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอดิ้น จนหลุดจากมือของชายร่างยักษ์ทั้งสอง วิ่งออกไปตรง หน้าพ่อของเธออย่างบ้าคลั่ง กระชากคอเสื้อของเขา ขึ้นมาถามออกไปตรงๆว่า “ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณเลย ใช่ไหม? เลือดในตัวของฉันไม่ใช่เลือดของคุณเลยใช่ ไหม? ทำไมเห็นฉันเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ สองตาของคุณยังทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้อีก? คุณเกลียด ฉันมากขนาดนั้นเลยหรือ ทำไมตอนแรกคุณถึงปล่อย ให้ฉันมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ล่ะ? เพราะคนที่ไร้ความรับผิด ชอบอย่างคุณไง ฉันถึงต้องทนลำบากอยู่นานหลาย ปี? ตอนอายุ 7 ขวบฉันต้องทำงานรับจ้างล้างจานอยู่ใน ตลาดนัดกลางคืนที่แสนจะสกปรก คุณก็ขับรถผ่านฉัน ไปต่อหน้าต่อตา เมื่อเห็นความเหนื่อยยากและอ่อนแอ ของฉันแล้ว ในใจคุณไม่เคยรู้สึกผิดบ้างเลยหรือยังไง? ตอนอายุ 10 ขวบ แม่ของฉันพาฉันไปที่ประตูบ้านของ พวกคุณขอให้คุณรับเลี้ยงฉันเอาไว้ ฉันอดทนเป็นเพื่อน แม่ไม่ยอมกินอะไรเลยถึงสองวันเต็ม คุณไม่คิดบ้าง เลยหรือว่าเด็กคนนั้นเขาจะหิวบ้างไหม? เด็กคนนั้นจะ รู้สึกเสียใจที่พ่อของเขาโหดเหี้ยมขนาดนั้นไหม? ตอน อายุ 12 ปีคุณกับภรรยาคุณจับฉันขังเอาไว้ในห้องมืด ตอนที่พวกคุณถอดหน้ากากอ๊อกซิเจนบนหน้าของแม่ฉันออก คุณไม่คิดบ้างเลยหรือว่ามันจะทําให้เกิดผลก ระทบในจิตใจอย่างไรกับเด็กคนหนึ่งบ้าง เด็กคนนั้นจะ สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเพียงคนเดียวที่ยังเหลืออยู่ ไหม? ตั้งแต่อายุ 12 ปีจนถึงอายุ 20 ปี ระยะเวลา 8 ปี นั้น ฉันจะเห็นภรรยาของคุณและลูกสาวคุณมองข้าม ฉันอยู่ทุกๆวัน ที่แท้คุณไม่เคยที่จะคิดเลยสักครั้งเลยว่า เด็กคนนั้นจะเจ็บปวดบ้างไหม? เวลาผ่านไป 30 ปี คุณ รู้สึกเสียใจบ้างไหมที่คุณได้ทำลายชีวิตของผู้หญิงคน หนึ่งไปเพื่อตัวคุณเอง ทำลายชีวิตครึ่งหนึ่งในวัยเด็ก ของเด็กตัวน้อยๆคนหนึ่ง? ที่ผ่านมาฉันไม่เคยพูด ไม่ใช่ เพราะในใจของฉันไม่มีความเกลียดชังใดๆอยู่เลย ที่ฉัน ไม่เคยร้องตะโกนบอกเล่าถึงความเจ็บปวดที่มีอยู่ในใจ นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันไม่ได้รู้สึกอะไร ฉันก็เป็น คนเหมือนกันมีเลือดมีเนื้อ ฉันก็เสียใจเป็นเหมือนกัน นะที่ไม่ได้รับความรักใคร่เอ็นดูจากคนเป็นพ่อบ้างเลย ทำไมละคะ? จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองทำผิด บ้างเลยหรือ ต้องรอจนถึงเมื่อไหร่หรือคะ คุณถึงจะมอง เห็นความเศร้าโศกเสียใจในหัวใจของลูกสาวคนนี้ที่คุณ ไม่เคยเหลียวแลบ้าง.………….”

ผลินหลั่งน้ำตาออกมาไม่ขาดสายในระหว่างที่พรรณา ถึงความอัดอั้นที่มีอยู่ในใจนั้นออกมา แต่ละคำที่หลั่ง ไหลออกมาจากใจที่กำลังร้องไห้ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วย คราบน้ำตา แม้แต่ชายร่างยักษ์ทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหลัง ยังอดที่จะสะเทือนใจไม่ได้

ธนวันที่มีสีหน้าสงบนิ่งหลังจากที่ได้ฟังคำถามจากหัวใจที่เจ็บปวดแทบกระอักเลือดของเธอแล้ว เขาไม่ได้ นิ่งนอนใจอีกต่อไป ทีแรกสีหน้าขาวซีด ต่อมาสีหน้ามี สีขึ้นมาหน่อย หากจะพูดว่าเขาไม่เคยรู้สึกผิดเลยคงไม่ ได้ ที่จริงเขาก็ยังมีมโนธรรมอยู่บ้างเหมือนกัน

ผลินเอามือปาดน้ำตาที่เต็มไปทั่วใบหน้า เอ่ยปาก บอกอีกว่า”เท่าที่คุณเห็น ในที่สุดตอนนี้ชีวิตฉันเริ่มที่จะ มีความสุขบ้างแล้ว แต่ความสุขของฉันยังจะโดนพวก คุณตามรังควาญอีกหรือ? คุณไม่ให้ฉันดื่มยาพิษ แต่ กลับให้ฉันมีชีวิตอยู่เหมือนตกนรกทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันระบายความอัดอั้นตันใจที่มีอยู่ออก มาและอาจจะทำให้คุณไม่พอใจแค่เพียงครั้งนี้เพียงครั้ง เดียวเท่านั้น และจะเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งแต่วันที่แม่ของ ฉันจากโลกนี้ไป ฉันบอกกับตัวเองเอาไว้ว่าฉันเป็นลูก กำพร้า จนถึงวันนี้ ความจริงข้อนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง ฉัน ไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ฉันกลับรู้สึกว่าสบายใจมากกว่า ในที่สุดฉันก็ได้พูดในสิ่งที่ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีวันพูดมัน ออกมาแม้ในวันที่คุณได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ