ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 221 การต่อสู้ครงถัดมา



ตอนที่ 221 การต่อสู้ครงถัดมา

เมื่อเอาหูแนบลงบนประตูไม้ที่กั้นอยู่จึงได้ยินเสียงพูด คุยสนทนากันที่ด้านใน

“ช่วงนี้ทัตดาระแคะระคายเรื่องของพวกคุณสองคน บ้างไหม?”

เป็นเสียงของปยุตที่ถาม ตามมาด้วยเสียงคนแปลก หน้าตอบ “ไม่มีครับ เธอไม่ได้สงสัยเลยแม้แต่น้อย”

“ดีมาก ตอนนี้หลักฐานต่างๆรวบรวมเกือบจะครบแล้ว ขอเพียงเอาหลักฐานที่สำคัญที่สุดมาไว้ในมือได้ หน้าที่ ของพวกคุณสองคนเป็นอันเสร็จสิ้น”

“ได้ครับ ท่านประธานปยุต รับรองว่าพวกเราจะไม่ ทำให้คุณผิดหวัง”

สายตาของปยุตมองค้อนไปทางชนัย “ช่วงนี้หล่อน ทางนั้นมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม?”

“ดูเหมือนว่ากำลังต่อกรเรื่องวางแผนความร่วมมือ อะไรสักอย่างอยู่ ยังไม่มีอะไรผิดปกติครับ”

“จับตาดูอย่างใกล้ชิดนะ”

“เข้าใจแล้วครับ”
หลังจากนั้นพวกเขาลดเสียงเบาลงพูดคุยอย่างเป็น ความลับกันสักพัก ปยุตเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว ตี สอง “เอาล่ะ พวกคุณกลับไปได้แล้ว พวกเราจะไม่พบ กันอีกจนกว่าจะได้เอกสารสำคัญที่สุดนั้นมาไว้ในมือ เพื่อไม่ให้คนอื่นสังเกตได้”

ผลินรีบกลับเข้าห้องนอนไป หลังจากที่เห็นชนัยและ ชายแปลกหน้าอีกสองคนออกไปแล้ว เธอถอนหายใจ อย่างโล่งอก เดินตรงไปที่ห้องหนังสือ

ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเสียงเบา ปยุตเปิดประตูออก มา ยังคิดว่าเป็นชนัย จึงหลุดปากถามออกมา “มีอะไร อีกล่ะ?”

แต่คนที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นกลับเป็นผลิน เขาตกใจ “ผลิน ทำไมคุณลุกขึ้นมากลางดึกล่ะ?”

ผลินขมวดคิ้ว รีบร้อนเดินเข้าไปในห้องหนังสืออย่าง โกรธๆ หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาไม่พูดไม่จา

“เป็นอะไรไปหรือ?”

ปยุตนั่งลงตาม พลางโอบกอดเธอไว้ด้วยสีหน้างุนงง

“คุณรับปากกับฉันแล้วไม่ใช่หรือว่ามีปัญหาอะไรเราจะ เผชิญหน้าร่วมกัน ไม่มีความลับใดๆต่อกันอีก? ”
เขาใจหาย ถามเธอด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “คุณคง

ไม่ได้แอบฟังอยู่ที่หลังประตูหรอกนะ?”

“ใช่ค่ะ ฉันแอบฟังอยู่

ปยุตเอามือก่ายหน้าผากและค่อยๆอธิบาย “ผลิน นั่นไม่ใช่ความลับ แต่เป็นสงครามการค้าในตลาด คณ กำลังตั้งท้อง ผมไม่อยากให้คุณมีส่วนร่วมในกลอุบายที่ ผมกำลังทำอยู่”

“งั้นคุณก็บอกฉันมาสิคะว่า ให้ฉันได้ช่วยอะไรคุณ บ้าง”

“ไม่ได้หรอกครับ คณน่ะนะ แค่รักษาอารมณ์ให้เข้า ไว้ ทำใจให้สบายเตรียมตัวเป็นคุณแม่เต็มตัวก็พอแล้ว ล่ะ เรื่องอื่นๆผมจัดการเอง”

“ฉันได้ยินคุณพูดถึงทัตดาด้วย คุณกำลังเตรียมแก้ แค้นเธอหรือคะ?”

ปยุตไม่ได้ปิดบังเธอ “ใช่ครับ ผมคิดไม่ถึงเลยว่า ทัตดาจะใจกล้าขนาดนี้ หลังจากกลับประเทศไปแล้ว ระยะเวลาเพียง2-3ปี ลักลอบขนสินค้าหนีภาษีหลาย ล้านรายการเลย ที่ผมแปลกใจคือว่าทำไมเธอถึงมีเงิน ทุนหนาขนาดนี้ กว้านซื้อหุ้นตั้งหลายแห่ง ธุรกิจก็กำลัง เจริญรุ่งเรือง ยืนอยู่บนความเสี่ยงแบบนี้ เท่ากับฆ่าตัว ตายชัดๆ”
“คุณรู้ได้อย่างไรคะ?”

“ผมจับตาดูเธออยู่ตลอด เธอมีบางอย่างหลบซ่อนอยู่ เบื้องหลัง”

“สองคนเมื่อสักครู่นี้คือ?”

“คือพนักงานของแผนกการเงินที่สำคัญในบริษัทเธอ ทัตดาไว้ใจสองคนนี้มาก รายการบัญชีทั้งหมดต่างมอบ ให้สองคนนี้เป็นคนดูแล

“แล้วพวกเขาจะทรยศเธอหรือคะ?”

“การที่จะทรยศใครคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลใดๆ เช่นเดียวกับเวลาที่คนรักหักหลังเรา มันเป็นเรื่องของ ชะตาฟ้าลิขิตไว้

“ทำไมพวกคุณต้องนัดพบกันในเวลาดึกดื่นด้วยล่ะ? ครั้งก่อนคุณก็ออกไปพบพวกเขาตอนเย็นไม่ใช่หรือ?”

“อ่อ เพราะว่าเรื่องมันลึกลับซับซ้อน จำเป็นต้องลงมือ อย่างแนบเนียนที่สุด”

“คุณมั่นใจได้อย่างไรคะว่าคราวนี้จะเอาชนะทัตดาได้ อย่างแน่นอน?”

ผลินจ้องมองใบหน้าของปยุตที่กำลังครุ่นคิด รู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา บางทีอาจเป็นเพราะเธอโตมาพร้อม กับความเกลียดชังและการล้างแค้น จนถึงตอนนี้เมื่อ เธอโตขึ้นบวกกับว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ เธอจึงไม่อยาก กลับไปมีชีวิตแบบนั้นอีกชีวิตของเธอกำลังเริ่มที่จะสงบ สฃ เธอไม่อยากมีชีวิตที่มืดมนและวุ่นวายในอนาคตอีก

“ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ จัดการเธอได้ สําเร็จในครั้งเดียว ก็จะสามารถเอาชนะเธอได้อย่าง แน่นอน”

ปยุตกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ดวงตาของเขา เปล่งประกายสีดำขลับ เขาลกขึ้นหยิบเอกสารออกมา จากลิ้นชักที่ด้านล่างของโต๊ะทำงาน “คุณลองดูนี่สิ

ผลินพลิกดูเอกสารกลับไปกลับมาอย่างรวดเร็ว ในนั้น ไม่เพียงบันทึกจำนวนเงินที่เกิดจากการหลีกเลี่ยงภาษี ของทัตดาเท่านั้น แต่ยังบันทึกวันเวลาและสถานที่ที่ เธอติดสินบนกับเจ้าหน้าที่ไว้ด้วย

“อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังต้องเก็บไว้เป็นความลับ ก่อน ที่ผมจะมอบหลักฐานให้กับสำนักต่อต้านการคอรัปชั่น ผมจำต้องไม่เปิดเผยต่อใครทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชื่นใจเพื่อนสนิทของคุณ”

ผลินรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ “ทราบแล้วค่ะ”

ชื่นใจเป็นลูกสะใภ้ของทัตดา เธอเห็นผู้ชายคนที่รักที่สุดและแม่สามีของเพื่อนสนิทเธอกำลังทำสงครามกัน ในใจของเธอรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย

เธอนึกถึงวันงานพิธีฝังศพของคุณพ่อสามีชื่นใจ ท่าที ที่ไวภพประคับประคองคุณแม่ของเขา ยิ่งทำให้เธอรู้สึก วิตกกังวลอย่างบอกไม่ถูก

รุ่งเช้า ผลินยังไม่ลืมตาขึ้นมา คุณแม่สามีรีบขึ้นมา เคาะประตูห้อง “หนูผลินจ๊ะ ตื่นหรือยังจ๊ะ?”

เธอพยายามลืมตาทั้งสองข้างขึ้น แล้วลุกจากเตียง ตอบว่า “ตื่นแล้วค่ะ”

ปยุตก็พลางลุกจากเตียง เปิดประตูถามคุณแม่ว่า “เช้าขนาดนี้ รีบมาปลุกผลินทำไมครับ?”

“แม่บอกกับผลินไว้ว่าวันนี้จะชวนไปแก้บนที่ภูเขา หลวงกัน ท่านรอคอยพวกเราบ้านทรัพยสานมานาน มากแล้ว เห็นทีเราจะต้องไปขอบคุณท่านสักหน่อย

“พวกคุณนัดกันเรียบร้อยแล้ว?”

ปยุตหันกลับไปถามภรรยา

ผลินพยักหน้า

“ใช่ค่ะ”

ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว หญิงชราบอกให้คนรับใช้นำของขวัญสำหรับแก้บนจำนวนหนึ่งไปที่รถ จากนั้นจึง ออกเดินทางไปที่ภูเขาหลวงพร้อมกับลูกสะใภ้

พระอาจารย์ที่อยู่ในห้องโถงหลักเห็นหญิงชราแห่ง ตระกูลทรัพยสานมาถึง เขาให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น มาก สองสามปีมานี้หญิงชราบริจาคเงินค่าธูปจำนวน มากให้กับทางวัด ซึ่งถือว่าเป็นการสั่งสมบุญไปในตัว ทุกวันนี้พวกเขาบ้านทรัพยสานในที่สุดก็ได้รับผลบุญ นั้นแล้ว หญิงชรายิ่งเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้ามาก ขึ้นมาดว่าพระองค์แสดงฤทธิ์เดชออกมาแล้ว ดังนั้นเมื่อ เข้าวัด พวกเขาจึงบริจาคเงินค่าธูปเป็นจำนวนมาก

เมื่อขอพร ไหว้พระเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระสงฆ์ในวัด ทำท่าเชิญด้วยมือพร้อมกล่าวว่า “ท่านอาจารย์หยวน จู้กำลังรอพวกคุณอยู่ที่อาคารด้านหลัง วันนี้ธรรมที่ท่าน จะเทศน์คือ ”

หญิงชราหันกลับไปถามลูกสะใภ้ว่า “หนูผลินจ๊ะ หนูจะ ไปฟังกับแม่สักบทหนึ่งไหม?”

ผลินส่ายหน้า “แม่คะ หนูไม่ไปดีกว่าค่ะ หนูขอเดิน เล่นดูรอบๆรอนะคะ”

“ก็ได้จ้ะ พวกเราอยู่ทานอาหารกลางวันที่นี่กันเลยนะ จ๊ะ หนูอย่าไปไกลนักล่ะ”

“อ่อ ได้ค่ะ”
รอจนกระทั่งคุณแม่สามีหายลับไปที่อาคารด้านหลัง แล้ว ผลินจึงเดินออกจากวัดหลวงตรงไปยังถนนที่ คึกคักด้านหน้าของวัด

ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อสองปีก่อนมาก ถนน หนทางกว้างขึ้น เห็นได้ชัดว่าถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ ร้าน เล็กๆตามสองข้างทางก็ปักหลักอย่างมั่นคง ดูแล้วเป็น ระเบียบเรียบร้อยสะอาดตา เธอกวาดสายตามองหา หลางจงที่ตรวจรักษาเธอในปีนั้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า คงจะไม่ได้พบเขาอีก แต่ก็ยังคงมองหาอยู่อย่างนั้น ใน ใจลึกๆหวังว่าจะได้พบเขาที่นี่อีกสักครั้ง

คุณแม่สามีรู้สึกขอบคุณต่อพระพุทธเจ้าและยังรู้สึก ขอบคุณต่อหลางจงท่านนั้นในปีนั้น แม้ว่าเธอจะทานยา จีนของเขาได้เพียง 3 เดือน และตอนนั้นก็ยังไม่มั่นใจ ว่ายาที่ทานจะได้ผลหรือไม่ แต่ความจริงปรากฏออก มาแล้ว ว่าวันนี้เธอตั้งท้องแล้ว ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับ หลางจงคนนั้นเลยก็ตาม

เธอสอดส่ายสายตาไปท่ามกลางกลุ่มคนอย่างไม่ ลดละความพยายาม แต่กลับมองไม่เห็นอะไร แม้ กระทั่งแผงลอยที่เธอเคยซื้อสร้อยข้อมือกับปยุตก็ไม่ เห็นเลย ที่นี่หน้าตาเปลี่ยนแปลงไปทุกปี

เธอหันมองซ้ายมองขวาคนเดียวอยู่นานจนรู้สึก เหนื่อย จึงหันหลังกำลังจะกลับเข้าไปในวัด ทานมื้อ กลางวันซึ่งเป็นอาหารเจกับคุณแม่สามีที่วัด หลังจากลงจากภูเขาแล้ว คุณแม่สามียังไม่รีบกลับบ้าน แต่สั่งคนขับ รถให้พาไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง

“แม่คะ มาที่นี่หาไมคะ?” ผลินรีบถาม

“ซื้อเสื้อผ้าเพิ่มให้หลายชายหน่อยจ้ะ”

แม่สามีเมื่อเอ่ยถึงเด็กที่อยู่ในท้องลูกสะใภ้ ก็ยิ้มหน้า บานเป็นจานเชิง

“เร็วเกินไปหน่อยไหมคะ?”

“ไม่เร็วหรอกจ้ะ ต้องเตรียมการไว้แต่เนิ่นๆ

ผลินไม่อยากขัดใจคุณแม่สามี จึงเดินเป็นเพื่อนเธอใน แผนกเด็กอ่อน เห็นเสื้อผ้าตัวเล็กตัวน้อยเอย รองเท้า เอย ในใจเธอรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกได้ถึง สัญชาตญาณของความเป็นแม่ เอามือลูบคลำสินค้าเด็ก อ่อนอย่างทะนุถนอม น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาโดย ไม่รู้ตัว

ผ่านไปแล้วไม่รู้นานเท่าไหร่ ไม่ว่าเธอจะไปช้อปปิ้ง กับใครก็ตาม เธอจะหลีกเลี่ยงแผนกเด็กอ่อนทุกครั้ง เพราะกลัวว่าเมื่อเห็นข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้แล้วจะ ทำให้ตัวเองรู้สึกเสียใจ จนถึงวันนี้เรื่องราวได้ผ่านพ้นไป แล้ว เธอสามารถเลือกของใช้ให้กับลูกในท้องของเธอ ได้อย่างสบายใจ “แม่คะ ตัวนี้เป็นอย่างไรคะ?”
“อืม สวยดี จัดไป”

“อันนี้ละคะ?”

“อืม ก็สวยนะ เอาด้วย”

แม่ผัวลูกสะใภ้สองคนมือซ้ายหยิบเสื้อสูทชุดเล็ก มือขวาถือรองเท้าคู่น้อย แม้แต่ผ้ากันน้ำลายยังเหมา ซื้อมาตั้งหลายผืน

“แม่คะ พอแล้วค่ะ เต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้วค่ะ”

ผลินมองมือทั้งสองของตัวเองและแม่สามี หอบหิ้ว กันราวกับเป็นนักช้อปตัวยง แม่สามียังไม่ยอมหยุด “เด็กสองคนเชียวนะ ซื้อเยอะหน่อยสิถึงจะพอใช้”

“เอาไว้คราวหลังก็ได้ค่ะ วันนี้ซื้อไปหมดเท่านี้ก่อนดี กว่านะคะ”

หญิงชราเห็นเหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากของลูก สะใภ้ กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป จึงพยักหน้าตอบรับ “ก็ได้จ้ะ งั้นเราไปหาอะไรดื่มกันหน่อยที่ชั้น 1 ดีกว่าแล้ว ค่อยกลับบ้านกัน”

ขณะกำลังลงบันไดเลื่อนมาที่ชั้น 1 ผลินรู้สึกตะหงิด ใจหันหลังกลับไปมองทีหนึ่ง เธอรู้สึกว่าเหมือนมีคน สะกดรอยตามเธอตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้างสรรพสินค้าแต่ว่าพอหันหลังกลับไปดูก็ไม่พบคนที่น่าสงสัยเลย ถึง ชั้น 1 แล้วพักผ่อนเสียหน่อย ผลินดื่มน้ำผลไม้พลาง กระซิบกับแม่สามีว่า “แม่คะ วันนี้คุณแม่รู้สึกไหมคะว่า มีคนสะกดรอยตามเรามา?”

“ไม่นะ ใครกันจะตามพวกเรามา?”

เธอยิ้มๆ “หนูก็พูดไปอย่างนั้นเองค่ะ” พลางจิบน้ำ ผลไม้อีกหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองน่าจะถูกสะกดรอยตามโดย ทาตถุ จึงกังวลใจเล็กน้อย

เมื่อปยุตกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น ผลินรีบพาเขาขึ้น ไปที่ชั้นบน แล้วชี้ไปที่สิ่งของเด็กอ่อนมากมายบนเตียง “คุณดูสิคะ น่ารักไหม?”

เป็นครั้งแรกที่ปยุตเห็นชุดเล็ก ๆ แบบนี้ ในใจเขา รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เขาหยิบถุงเท้าเล็ก ๆ ขึ้นมาพินิจ พิจารณา “น่ารักดีครับ คุณซื้อมา2ชุดเลยใช่ไหม? ”

“ใช่คะ ทั้งพี่ชายและน้องชายจะได้ไม่ต้องแย่งกัน”

“พี่ชายน้องสาว”

“ปยุตแย้งขึ้น

“เอาละ พี่ชายน้องสาวก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดออกมาเป็นผู้ หญิงทั้งสองคนละก็ คุณจะทำอย่างไรคะ”
“จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็ต้องมีอีกคนนะสิ”

“คลอดออกมาเยอะแยะแบบนั้น คุณไม่ปวดหัวแย่หรือ

คะ?”

“ไม่หรอกครับ ความฝันอันสูงสุดของผมก็คือต้องมี ลูกกับคุณให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ตาบ้า ฉันไม่ใช่แม่ไก่นะคะ จะได้คลอดลูกออกมาที เดียวเยอะๆน่ะ”

ผลินก็พูดไปอย่างนั้นเอง ในใจเธอซาบซึ้งเสียนี่ กระไร จะมีอะไรมีความสุขมากไปกว่าการได้มีลูกกับคน ที่ตัวเองรักอีกล่ะ?”

ในขณะที่ผลินเดินทางไปทำงานที่บริษัท ทันใดนั้น เธอได้รับโทรศัพท์จากชื่นใจ น้ำเสียงของชื่นใจผิดปกติ ไปนิดหน่อย “ผลิน เธอว่างไหม ฉันอยากจะนัดเจอเธอ ซักหน่อย”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ