ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 226 ต้องเจ็บปวดถึงเมื่อไหร่กัน



ตอนที่ 226 ต้องเจ็บปวดถึงเมื่อไหร่กัน

ผลินเห็นท่าทีปยุตราวกับสัตว์ป่า รู้ว่าเขาคงจะไม่เพียง ทําไปตามความเหมาะสมแค่นั้นแน่ เมื่อความปรารถนา กำลังครุกรุ่น อะไรก็หยุดเขาไม่ได้แล้วตอนนี้

“ปยุตคะ คุณช่วยเบาๆหน่อยนะคะ”

เขาเหลือบตามอง แล้วยื่นมือทั้งสองไปโอบเอวของ เธอพลางบอกว่า”ผมก็เบาแล้วนี่ไงล่ะ”

ปยุตไซ้คอเธอพลางตอบอย่างมั่นใจ

“คุณทำแบบนี้อาจจะส่งผลถึงเด็กในท้องได้นะคะ…..

“แหม มือเพิ่งจะเท่าฝาหอยเองเนี่ยนะ จะมารู้ได้ยังไง ว่าสอนผิดๆ จะรู้มากเกินไปแล้ว”

เธอสั่นไปหมดทั้งตัว ร้องโอดครวญออกมาและตื่น จากภวังค์ รู้ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เธอกัดริม ฝีปากตั้งใจบอกออกไปว่า “โอ๊ย ฉันเจ็บท้องมากเลย”

แผนนี้ได้ผล ศรีษะของปยุตที่จมอยู่ในหน้าอกของ เธอ เงยขึ้นทันที ถามด้วยความตื่นตระหนก เจ็บตรง ไหนครับ”

“ตรงนี้ค่ะ”
เธอชี้ไปที่ท้องด้านขวาอย่างฉับไว

ปยุคแสดงท่าทีตื่นตัวจนเกินเหตุกับลูกในท้องของ เธอ ดังนั้นเมื่อได้ยินเธอร้องว่าเจ็บท้อง สุดกลับคืนมา ทันที มองลงไปที่ท้องของเธอ ปลอบใจตัวเองว่า “ไม่ เป็นไร ไม่เป็นไร น่าจะเป็นลูกเขาถีบเธอแน่ๆเลย

ผลินถลึงตามอง ยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์”เด็กที่มีอา ฝาหอยจะถีบได้แล้วหรือ?”

“งั้นแสดงว่าคุณความรู้สึกไวเกินไปหรือเปล่า? หรือว่า คิดไปเอง?”

“เปล่านะคะ ฉันเจ็บจริงๆ

ปยุตหัวเสียอย่างมาก “เอาล่ะ ช่างมันเถอะ ผมไม่และ ต้องคุณแล้ว พอผมแตะต้องทีไรคุณก็ร้องเจ็บทุกที และ ตรงไหนเจ็บตรงนั้นทันทีเลย

ผลินอมยิ้มอย่างพอใจ“ถ้างั้นคุณจะแช่น้ำเย็นหน่อย ไหมคะ?”

“ทำไมจะไม่ล่ะ? ก็ตอนนี้ผมเหมือนถูกคุณผลักเข้าไป ในกองไฟแล้วนี่!”

เขาลุกขึ้นอย่างเซ็งๆ ปยุคเดินตรงเข้าห้องอาบน้ำไป เสียงน้ำเย็นดับความร้อนในร่างของเขาดังออกมาจากในห้องนํ้าอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปราวสิบนาทีเศษ เขาอาบน้ำเสร็จแล้ว บอกกับ ผลินที่นอนอ่านนิตยสารอยู่บนเตียงว่า”มานี่หน่อยสิครับ ผมอยากให้คุณดูอะไรหน่อย”

“อะไรคะ?”

ผลินลงจากเตียงอย่างกะตือรือล้น ท้องของเธอไม่ เจ็บแล้ว

ปยุตหยิบภาพวาดม้วนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเดิน ทางของเขา แกะเชือกตรงกลางออก ค่อยๆคลื่ภาพวาด ทิวทัศน์อันงดงามออกมาตรงหน้าเธอ

“ว้าว ช่างดูมีชีวิตชีวาจริงๆเลยคะ….”

ผลินอุทานออกมาอย่างตกตะลึง สายตากวาดมอง ภาพวาดนั้นไปทั่วจนถึงตราประทับ”นี่คงเป็นภาพวาดฝี มือจางต้าเฉียนของแท้เลยใช่ไหมคะ?”

“ถูกต้อง คุณช่างตาแหลมคมจริงๆ”

ปยุตพยักหน้า“คุณรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในภาพนี้ ไหมครับ?”

“ยังมีความหมายอื่นแฝงอยู่อีกหรือคะ ก็คุณชอบสะสมภาพวาดของจิตรกรที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วนี่คะ”

“เปล่าครับ ภาพนี้ผมซื้อมาให้คนอื่น”

“ให้ใครหรือคะ?”

“ท่านนภันต์”

“ท่านนภันต์? ทำไมต้องซื้อให้เขาด้วยคะ?” ผลินรีบ ตัดบท แล้วตอบกลับทันที“คุณคิดว่าจะเอาชนะใจเขา ด้วยภาพวาดนี้หรือคะ?”

“ถูกต้องแล้วครับ”

เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย ภาพวาดนี้ก็สวยอยู่หรอกนะ คะ แต่ว่าเขาจะชอบมันไหมคะ?”

“เขาจะต้องประทับใจแน่ๆ”

“คุณมั่นใจได้อย่างไรคะ?”

“คำพังเพยว่าเอาไว้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อย ครั้ง”

“ความหมายของคุณคือท่านนภันต์คนนี้รู้สึกสนใจใน ภูเขาและแม่น้ำงั้นหรือ?”
“ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือเขาสนใจภาพวาดทิวทัศน์ ของจางต้าเฉียนอย่างมาก คนที่รู้จักเขาต่างก็รู้ดี เขา โปรดปรานจางด้าเฉียนเป็นพิเศษเลยล่ะ”

ผลินเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว แล้วคุณจะส่งมอบให้ เขาเมื่อไหร่คะ?”

“พรุ่งนี้ครับ”

“ฉันไปกับคณด้วยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะรู้ว่าท่าน นภันต์คนนี้แท้จริงเป็นคนอย่างไรกันแน่ ร้ายกาจขนาด ไหนกันเชียวถึงได้กล้าฝ่าฝืนอำนาจศาลได้”

“ไม่ได้ครับ

ปยุตปฏิเสธทันควัน ตอนนี้คุณกำลังตั้งท้อง ผมไม่ อยากให้คุณเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย”

ผลินรู้ว่าปยุตเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ยังไงซะเขาก็ไม่ ยอมเปลี่ยนใจแน่ จึงไม่อยากเซ้าซีเขาอีก ได้แต่เลิกล้ม ความตั้งใจไปแบบโกรธๆ

บ่ายวันต่อมา ปยุตนำภาพวาดตัวอักษรมาให้ท่าน นภันต์ที่พำนักชั่วคราว ในบ้านหลังใหญ่โตนั้นมีเพียงคน รับใช้เพียงสองคนเท่านั้น นี่คือเพื่อปิดบังสายตาผู้คนไม่ ให้เป็นที่สังเกต ปยุตรู้ดีอยู่แก่ใจว่าองค์กรใต้ดินของเขา ต้องมีจํานวนไม่น้อยแน่
ท่านนภันต์เห็นเขาแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ที่ จริงนี่เป็นครั้งที่สองที่พวกเขาพบหน้ากัน เมื่อห้าปีก่อน พวกเขาเคยพบกันครั้งหนึ่งแล้วที่บ้านชายชราแท่ง

“คุณชายปยุต โชคดีจริงๆ”

ท่านนภันต์แทบไม่เปลี่ยนไปเลยจากเมื่อห้าปีก่อน ทั้ง ยังช่ำชองและรอบรู้อีกด้วย

“ท่านครับ วันนี้กระผมถือโอกาสขอเข้ามาเยี่ยมหน่อย นะครับ คงไม่รบกวนท่านจนเกินไปนะครับ?”

“ไม่หรอกๆ นั่งก่อนสิ

ท่านนภันต์ยื่นมือชี้ไปที่โซฟาในห้องรับแขก สั่งคนรับ ใช้“ชงชาชั้นเลิศมาเสิร์ฟให้แขกหน่อย”

หลังจากเสิร์ฟชาเรียบร้อยแล้ว เขาเปิดประตูมองไปที่ ภูเขาเอ่ยถามตรงๆไม่ทราบว่าคุณชายปยุตที่มาในครั้ง นี้มีธุระอะไรหรือ?”

ปยุตมองเขาอยู่นานหลายครั้ง จึงตอบไปตรงๆ ว่า“เรื่องคนสนิทของท่านน่ะครับ คิดว่าท่านคงทราบ ดีแล้วว่า คนคนนั้นเป็นน้องสาวต่างมารดาของภรรยา ผม”

เขาเล่าเรื่องที่เกิดความขัดแย้งขึ้นในมุมที่ถูกต้องระหว่างธามัน ชุดาและผลินให้ท่านนภันต์ฟังอีกรอบ หนึ่ง ถึงแม้เขาจะรู้ว่าท่านนภันต์รู้ดีอยู่แก่ใจ แต่ไม่กล้า รับประกันว่าเรื่องที่เล่าออกจากปากของ ดานั้นจะเป็น ความจริงร้อยเปอร์เซ็นต์

รอจนเขาพูดจบ ท่านนภันต์ถามขึ้น“ที่คุณชายปยุต พูดมาทั้งหมดก็คือหวังว่าผมจะไม่ฟังความคิดเห็นของ คนสนิทผมในการกระทำบางอย่างที่จะทำให้คุณเสีย เปรียบ ว่างั้นเหอะ”

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”

ปยุตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ข่าวการกลับมาของท่าน แพร่สะพัดไปทั่ว ขอให้ท่านเข้าใจกระผมด้วยว่าขณะนี้ กระผมกำลังเผชิญหน้ากับผู้หญิงอยู่คนหนึ่งชื่อทัตดา ดังนั้น ณ เวลานี้ ผมหวังว่าท่านจะไม่ร่วมมือกับเธอเพื่อ เป็นอริกับผม ท่านเป็นเพื่อนของอาจารย์ที่เป็นที่เคารพ รักของผม หวังว่าท่านจะเห็นแก่อาจารย์ที่ผมเคารพรัก วางตัวเป็นกลาง

หลังจากเขาพูดจบ จึงถือโอกาสนำภาพวาดตัวอักษร ที่ติดมาด้วยนั้นส่งให้เขาต่อหน้า“นี่เป็นภาพวาดของแท้ จากจิตรกรชื่อดังจางต้าเฉียน หวังท่านคงจะโปรดปราน นะครับ”

หลังจากที่ท่านนภันต์ดูภาพวาดแล้ว เอ่ยชื่นชม ทันที สวยงามมาก
“คุณตามผมมาสิ

เขาลุกขึ้นยืน พาปยุตเข้าไปที่ห้องหนังสือ

ที่กําแพงด้านซ้ายของห้องหนังสือ มีภาพของแท้ที่ จิตรกรจางต้าเฉียนวาดอยู่อีกหนึ่งภาพ ท่านนภันต์เอ่ย ถามถึงรายละเอียดของภาพว่า คุณคิดว่าเป็นอย่างไร บ้าง?”

“ฝีมือชำนาญการ เนื้อเรื่องน่าประทับใจ ซ่อนความ หมายไว้อย่างลึกซึ้ง ปราณีตละเอียดอ่อน โดยรวมแล้ว เป็นภาพที่สมบูรณ์ไร้ที่ติภาพหนึ่งเลยครับ”

เปรียบเทียบกับภาพของคุณแล้ว?”

“แต่ละภาพมีสวยงามแตกต่างกันไปครับ”

ท่านนภันต์หัวเราะ“คุณรู้ไหมว่าภาพนี้ใครเป็นคนส่งมา ให้ผม?”

ปยุตส่ายหน้า แต่ในใจเขามีลางสังหรณ์บางอย่าง

เขาสังหรณ์ใจไว้ไม่มีผิด ท่านนภันต์ประกาศออกมา อย่างชัดเจน ทัตดา”

สายตาของปยุตหม่นหมองลงทันที แต่กลับพูด ติดตลกว่า“คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าหญิงชราทัตดาที่อายุมากนั้น ฝีเท้ายังไวกว่าผม

ปยุตมาถึงโค้งสุดท้าย ท่านครับ ตอนนี้คุณรับภาพวาด อันมีชื่อเสียงของเธอมาแล้ว นั่นแสดงว่า คุณได้ตกลง ยืนอยู่ข้างเธอแล้วใช่ไหมครับ?”

นภันต์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แน่นอน ผมต้องยืนข้าง คนสนิทของผม ศัตรูของคนสนิมผมย่อมเป็นศัตรูของ ผมเช่นเดียวกัน”

“ผมไม่เชื่อ”

“งั้นหรือ? ทําไมคุณถึงไม่เชื่อล่ะ?”

ท่านนภันต์ถามอย่างสนใจ

“ท่านอยู่ได้ทั้งฝ่ายดำและฝ่ายขาว ขึ้นอยู่กับความ จงรักภักดี ที่เรียกว่าจงรักภักดีก็คือช่วยเหลือตาม เหตุผลไม่ช่วยตามอารมณ์ คนที่โอนอ่อนไปตามลมพัด ย่อมไม่อาจทําธุรกิจประสบความสำเร็จได้

ฮาฮาฮา—–

ท่านนภันต์เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง พลางตบไหล่ป ยุต“คุณช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลนัก ตอนนี้ผมก็มีจุดยืน ของผมเหมือนกัน”
เขาเผยรอยยิ้มและพูดอย่างจริงจังว่า“ถึงแม้ผมจะไม่ เห็นด้วยกับภรรยาเท่าไหร่ แต่ก็รับภาพวาดของทัตดา เอาไว้ คุณก็รู้ว่าตามกฏระเบียบเส้นทางของพวกเรา นั้น ผมไม่อาจมองเธอเป็นศัตรูได้ จนวันนี้คุณก็มาหาผม เพื่อถามหาความยุติธรรม ผมมีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่งว่า ใครก็ตามที่ช่วยผม ผมก็อยู่ข้างคนนั้นน่ะแหละ”

“บอกมาได้เลยครับ?”

ท่านนภันต์ถอนหายใจยาว สายตาเศร้าหมอง “ผม อยากให้พวกคุณช่วยตามหาลูกชายที่หายไปของผม ให้หน่อย”

“ลูกชาย?” ปยุตถลึงตามองด้วยความประหลาดใจ ท่า นภันต์ครับ ลูกของท่านหายไปหรือครับ?”

“ใช่ หายสาบสูญไปยี่สิบกว่าปีแล้ว ตอนนั้นภรรยา ของผมเพิ่งจะคลอดเขาออกมาได้ไม่ถึงสามเดือน ก็ถูก ศัตรูขโมยไป จนถึงปัจจุบันไม่รู้อยู่ที่ไหน ผมให้คนที่มี อยู่ทั้งหมดออกตามหามายี่สิบกว่าปีแล้ว ก็ยังหาไม่พบ บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็เป็นได้ แต่ผม ก็ยังคงจะตามหาต่อไป ภรรยาของผมมัวแต่คิดถึงไม่ ออกตามหา นี่เป็นความทุกข์ใจที่ผมมองไม่เห็น ดังนั้น ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ขอเพียงยังมีลมหายใจ ผมจะต้องหา เด็กคนนั้นให้เจอจนได้.……..….

เมื่อท่านนภันต์กล่าวถึงมุมที่เจ็บปวดในชีวิต นี่ทำให้ยมทูตคนหนึ่งที่อยู่ทั้งฝั่งดำและขาวรู้สึกสะเทือนใจจน ขอบตาแดง

“เด็กคนนั้นตอนนี้อายุประมาณเท่าไหร่แล้วครับ? มี สัญลักษณ์หรือตำหนิตรงไหนบ้างไหมครับ?”

“ที่ต้นขาด้านในของเขามีไผ่สีแดงขนาดเท่าเล็บมือ อยู่หนึ่งที่ อายุน่าจะประมาณ28-29ปีแล้ว”

“ได้ครับ ผมจะพยายาม

ปยุครับปากท่านนภันต์แล้ว ลึกๆในใจเขารู้ดีว่าเรื่อง นี้มันยากแค่ไหน ขนาดคนอย่างท่านนภันต์เองตามหา ทั่วประเทศมากว่า20ปีแล้วยังหาไม่เจอเลย ถ้าเขาจะ ต้องตามหาอีกก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรนั่นแหละ

แต่ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใด เขาทำได้เพียงรับปาก ท่าน เพราะเขาไม่ใช่คนที่ยอมถอดใจอะไรง่ายๆ

ตอนเย็นระหว่างทางกลับบ้าน ปยุตเล่าประสบการณ์ เมื่อตอนกลางวันให้ผลินฟัง ผลินตกใจอย่างมาก นึกไม่ ถึงว่าท่านนภันต์คนนี้จะเอาปัญหาเรื่องตามหาลูกชาย มาให้สามีของเธอ

“คุณคิดว่าจะหาเจอได้อย่างไรคะ? หนทางที่พอจะ เป็นไปได้เขาก็ตามหาจนหมดแล้ว”
ปยุตนอนอยู่บนโซฟา ศรีษะหนุนอยู่ที่ตักของผลิน หลับตาลงพลางพูดว่า”คุณวางใจเถอะ ถ้าผมหาไม่เจอ นังทัตดาก็ไม่มีวันหาเจอ สถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะ แย่อะไร อย่างน้อยในระหว่างที่ยังไม่มีใครหาเจอ ท่าน นภันต์ก็ยังไม่ได้อยู่ข้างใดข้างหนึ่ง สำหรับผมแล้วพูด ได้ว่าเราได้เปรียบ ผมสามารถใช้ช่วงเวลานี้ ตามหา ลูกชายของท่านและต่อกรกับทัตดาในเวลาเดียวกัน ผม วางแผนการณ์เอาไว้หมดแล้ว แผนการณ์ที่จะทำให้ บริษัทของเขาสิ้นเนื้อประดาตัวอย่างรวดเร็ว หุ้นที่เธอ ถืออยู่ในมือทั้งหมดจะถูกผมดูดกลืนไปจนหมดสิ้น


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ