ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 51 พระจันทร์เต็มดวงกลม แต่คนอยู่ด้วยกันไม่ได้



ตอนที่ 51 พระจันทร์เต็มดวงกลม แต่คนอยู่ด้วยกันไม่ได้

“เธอคิดว่าฉัน ทาตฤ ขาดเงินเล็กน้อยพวกนี้งั้นเหรอ”

“สัญญาเป็นเรื่องที่ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย เธอคนเดียวไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจยกเลิกสัญญา !”

“ข้อตกลงที่ไม่มีผลทางกฎหมาย ถ้าฉันไม่ทำตาม คุณก็ ไม่มีทางทำอะไรได้หรอกค่ะ”

ผลินไม่ได้อยากฉีกหน้าเขา แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากคิดแก้ปัญหา

“ใช่ ฉันไม่สามารถทำอะไรเธอได้ แต่สำหรับลุงของเธอ

ไม่แน่”

ดวงตาที่มั่นใจของทาตฤมองไปที่ตีรณ

เขาเป็นเหมือนลูกบอลลูนแก๊ซ ลอยหน้าลอยตาไม่กล้าที่จะ

มองหลาน

“หมายถึงอะไรคะ”

“ให้ลุงของเธอบอกเหตุผลกับเธอเองก็แล้วกัน เดี๋ยวตอน บ่ายฉันต้องบินกลับไปที่เมือง T ลุงกับหลานก็พูดคุยกัน ก่อนแล้วค่อยให้คำตอบกับฉัน ถ้าเธอไม่กลับมาหาธาตรี ก่อนวันที่ยี่สิบภายในเดือนนี้ ก็อย่าโทษฉันถ้าทำอะไรรุนแรง ไป”
ทาตถุยื่นคำขาดครั้งสุดท้าย ลุกขึ้นและเดินออกไปด้วย ย่างก้าวของเศรษฐีใหม่

ตลอดนาทีเต็ม ผลินไม่พูดอะไรเลยนอกจากจ้องมองลง

เขม็ง

ในที่สุด ตีรณก็เก็บอาการไม่อยู่อีกต่อไป “ยายลิน อย่าง มองลุงแบบนี้สิ เห็นแกแบบนี้ลุงเสียใจนะ

เธอถามอย่างคลางแคลงใจ “คุณมีอะไรอยู่ในกำมือของ

เขา”

ตีรณถอนหายใจยาว ดึงทิ้งผมของเขาด้วยความ หงุดหงิดและกล่าวว่า “ฉันตกหลุมพรางของเขา ไม่รู้ว่าเขา ได้รู้ข่าวเรื่องการแต่งงานของแกมาจากที่ไหนเมื่อเดือนที่ แล้ว คิดว่าแกอาจจะยกเลิกสัญญา แล้วเขาก็มาพบฉัน มาบ อกวิธีที่จะทำให้ฉันรวย และให้ฉันยืมเงินจำนวนมาก ฉันไม่ ได้ทันคิดมาก ตอบตงลงกับเขาไปอย่างยินดี แต่ใครจะรู้ว่า มันเป็นกับดักของเขา คนที่ฉันไปตกลงด้วยเป็นคนที่เขาจัด

ฉากเอาไว้ แล้วก็ถ่ายภาพการซื้อขายทั้งหมดของเรา…

“ซื้อขายเหรอ คุณซื้อขายอะไร”

ผลินถามด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ซื้อขายบุหรี่” ตีรณตอบกลับไป

เธอถอนหายใจโล่งอก “ไม่มีอะไรที่น่ากลัว ขายบุหรี่ไม่ใช่ธุรกิจผิดกฎหมาย”

“แต่ว่า… ”

หัวใจที่เพิ่งตกลงมาถูกแขวนขึ้นไปอีกครั้ง “แต่ว่าอะไร

คะ”

“ในบุหรี่ผสมเฮโลอีน”

“อะไรนะ!!!”

ยืนขึ้นพร้อมด้วยเสียงอันดัง “คุณค้า…”

คำที่ร้ายแรงยังไม่ทันได้ถูกพูดออกมา ตีรณก็ปิดปาก

ด้วยความกลัว “แกเบาเสียงลงหน่อย ให้ตายสิ

บ้าไปแล้ว ดวงตาสีดำของผลินสั่นไหวด้วยความโกรธ ใช้เวลาสักพักเพื่อระงับอารมณ์ และบอกเขาตรง ๆ “ครั้งนี้ ครั้งนี้ฉันจะไม่สนใจคุณอีกต่อไป” ยกกระเป๋าขึ้นด้วยความ โกรธ และออกจากร้านนำชาไป

“ยายลิน แกฟังลุงอธิบายก่อน คือลุงมีปัญหา…

ตีรณรีบไล่ตามไปจับแขนของหลานสาวเอาไว้อย่างน่า

สงสาร

ผลินปลดปล่อยความโกรธออกมา “มีครั้งไหนเหรอที่ คุณไม่มีปัญหา ฉันไม่อยากได้ยินเหตุผลของคุณอีกต่อไปแล้ว!”

“แต่ครั้งนี้มีปัญหาจริง ๆ ป้าของแกเป็นมะเร็งตับ การ ผ่าตัดต้องใช้เงินมาก ลุงไม่มีหนทาง ถึงได้ไปตกหลุมพราง ของทาตฤ ลุงไม่มีลูก สิ่งเดียวที่เหลือก็คือป้าของแก ดังนั้น ไม่ว่ายังไงลุงก็ไม่สามารถดูเธอตายได้ ความเจ็บปวดของ การสูญเสียญาติสนิทฉันแน่ใจว่าแกเข้าใจดีมากกว่าใคร ๆ นะยายลิน”

“คุณลุง คุณเกินเยียวยาแล้ว” ผลินกล่าวโทษเขาอย่าง ขื่นขม “เพื่อที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากฉัน ถึงกับสาป แช่งภรรยาของตัวเองว่าป่วยหนัก

เมื่อตีรณได้ยินคำพูดสองประโยคนั้นก็น้ำตาไหล “ยา ยลิน ทําไมแกไม่เชื่อลุง ถ้าแกไม่เชื่อ ก็ไปดูที่บ้านกับลุง

ก็ได้”

“ไม่ต้องหรอก ฉันผิดหวังในตัวคุณและคุณป้ามาก

พอแล้ว”

ครั้งหนึ่งก็แล้ว ครั้งสองก็แล้ว ไม่มีใครจะยอมเชื่อเรื่อง เล่าของหมาป่าได้ลงอีก

ผลินก้าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ตีรณคำรามไล่หลังเธอ แกมีสิทธิ์อะไรที่จะไปเกลียดพ่อของแก ในเมื่อพวกแกก็ “ เป็นคนเลือดเย็นไม่ต่างกัน

เธอหยุดเดิน และค่อย ๆ หันกลับมา เอ่ยถามเยาะเย้ย“ฉันต้องเสียสละความสุขของตัวเองเพื่อช่วยให้คุณได้ผล ประโยชน์งั้นเหรอ”

การแต่งงานกับผู้ชายที่หย่ามาแล้วถึงหกครั้งมันจะมี ความสุขสักแค่ไหนกันเชียว”

“จะมีหรือไม่มีความสุขแต่อย่างน้อยก็เป็นทางที่ฉันเลือก

เอง”

“ตั้งแต่ต้นไม่มีใครบังคับแก

ความเศร้าโศกแวบเข้ามาในดวงตาของผลิน “ใช่ค่ะ ไม่มีใครบังคับฉัน แต่ในกรณีนั้น ฉันจะทำอะไรได้งั้นเหรอ”

“งั้นแกก็ไม่สามารถทำสิ่งที่ไม่ชอบธรรมได้

“มันไม่ชอบธรรมที่จะยกเลิกสัญญา แต่ฉันก็ไม่ได้คิดจะ รักษาสัญญานั่นอยู่แล้วตั้งแต่แรก” เธอหยุดสักครู่แล้วพูด เสียงเศร้า “ฉันขอโทษค่ะคุณลุง แต่ครั้งนี้ฉันจะปล่อยมือ

ของคณ”

เมื่อตีรณเห็นว่าเธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็อดไม่ได้ที่จะ ตื่นตระหนก “ยายลิน ไม่ได้นะ ชีวิตของลุงอยู่ในกำมือของ แก ถ้าแกปล่อยมือจากลุง งั้นลุงคนนี้ก็ต้องพบกับจุดจบแน่ ๆ”

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ก็ไม่ควรทำมันต้องแต่แรกสิคะ”
ผลินเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็น เหล็กกล้าได้ หันกลับไปมองญาติเพียงคนเดียวของตัวเอง จำใจร้าย ในที่สุดก็โบกแท็กซี่แล้วจากไป

กลับบ้านเมื่อเวลาได้เย็นลงแล้ว หลังจากแยกจากคุณ ลุง ก็ไปที่สุสานของแม่ พูดคุยกับแม่ที่นั่นเป็นเวลานาน

“หนูลิน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมสีหน้าแย่แบบนี้”

ทันทีที่แม่สามีเห็นเธอก็สอบถามอย่างเป็นกังวล

เธอฝืนยิ้มขื่นขม “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะคุณแม่”

เห็นเธอไม่อยากพูดจึงไม่ได้ถามอะไรมากนัก คุณนาย ท่านชี้ไปที่โต๊ะอาหาร “อาหารพร้อมแล้วไปทานข้าวเถอะ

จ้ะ”

ปยุตลงมาจากข้างบน เห็นสีหน้าผลินดูไม่ค่อยดีจึงเดิน มาหาเธอแล้วถามแผ่วเบา “เกิดอะไรขึ้น

“ไม่มีอะไรค่ะ” เธอพึมพำตอบ

ทานอาหารอย่างกลืนได้ยาก หลังมื้อเย็น เธอกำลังจะ ขึ้นไปข้างบน น้องสามีก็เสนอขึ้นมา “พี่สะไภ้คะ คืนนี้เรา เล่นไพ่กันดีไหม

“ไม่ดีกว่าค่ะ พวกคุณเล่นกันเถอะ ฉันอยากขึ้นไปอ่าน หนังสือข้างบนมากกว่า
“พระเจ้า นี่มันวันหยุดฤดูร้อนนะคะไม่ผ่อนคลายบ้าง เป็น แบบนี้ตลอดเลย แล้วเมื่อไหร่จะจับหัวใจพี่ชายฉันได้ เมื่อ ก่อนพี่จันทรก็เล่น…”

ยังพูดไม่ทันจบ ก็ตีหัวของตัวเอง หันไปเจอเข้ากับ สายตาของแม่ที่กำลังไม่พอใจ จนตกใจและพูดต่อไม่ได้

เป็นช่วงเวลาที่กระอักกระอ่วนจนไม่สามารถอธิบายได้

มองไปที่ชายหนุ่มฝั่งตรงข้าม ใบหน้าที่เคยสดใสนั้น หมองคล้ำลงเสียยิ่งกว่าเมฆครึ้ม

“ใครอยากเล่นบ้างยกมือขึ้น

น้องสามีรู้ตัวว่าได้สร้างปัญหาขึ้นจึงพยายามที่จะแก้ไข สถานการณ์ และเป็นคนแรกที่ยกมือขึ้น แต่ผ่านไปนาน ไม่มีใครยกตามเลย เป็นอีกครั้งที่ต้องอับอาย จึงพูดขึ้น “ถ้า ไม่อยากเล่นก็ไม่เล่นแล้วก็ได้ งั้นฉันไปนอนแล้วนะ

นี่เป็นเทคนิคที่คุ้นเคย แผนที่สามสิบหกเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะหลบหนีหากมีอะไรเกิดขึ้น

ก้าวขึ้นมาบนห้องด้วยเท้าอันหนักหน่วง ตอนแรกรู้สึกไม่ ดี ตอนนี้มันยิ่งแย่ลงยิ่งกว่าเดิม

ไม่มีใครยินดีที่จะถูกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ถึง แม้ว่าเธอจะรู้ว่าน้องสามีไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
ท้องฟ้าสเมือนผืนผ้าสีฟ้าถูกชะล้างด้วยสีดำ ดวงดาวดั่ง เศษทองคําสองแสงระยิบระยับบนผืนผ้า

เธอยืนอยู่ที่หน้าต่าง พิงศีรษะกับกรอบหน้าต่าง ดวงตา สดใสมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่กะพริบตา สายลมพัดเอื่อย ผืนหญ้าสีเขียวร่มรื่น เสียงร้องของจิ้งหรีดแว่วมา

“รู้สึกไม่ดีเหรอ”

ทันใดนั้นก็ได้ยินคำถามขึ้นทางด้านหลัง เธอหันกลับไป มองไปยังปยุตที่เดินเข้ามาหาเธอ

“เปล่าค่ะ”

สายตาเลื่อนไปยังทะเลดวงดาวที่อยู่ไกลออกไป น้ำ เสียงแผ่วเบา “วันนี้ขึ้นสิบห้าค่ำ เป็นวันที่ดีที่จะได้มองเห็น

พระจันทร์”

ปยุตหันมองมาที่เธอ “อืม มันเป็นพระจันทร์เต็มดวง”

“น่าเสียดายที่ดวงจันทร์นั้นกลม แต่คนอยู่ด้วยกันไม่ได้ คืนที่ดีแบบนี้ แต่ต้องกังวลเกี่ยวกับครอบครัว”

ผลินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มันเป็นเพียงความรู้สึก ไม่ ได้จะพูดอะไรเกี่ยวกับปยุต แต่เขาก็ได้ยิน จึงเอ่ยถามด้วย ความสงสัย “อะไร น้องสาวของคุณทำให้คุณโกรธอีกเหรอ”

“เปล่าค่ะ เธอจะทำให้ฉันโกรธได้ยังไง”
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ พ่อคุณเหรอ หรือแม่ของคุณ”

ปยุตรู้แค่ว่า มีเพียงสามคนที่เป็นญาติของผลิน นอกจาก นั้นเขาก็ไม่คิดว่ามีใครอีก

“ไม่ใช่ทั้งหมด”

ด้วยไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก จึงแกล้งทำเป็นเปลี่ยน เรื่อง “คืนนี้ฉันอาบน้ำในห้องน้ำของคุณได้ไหม”

“ทำไม”

“เหนื่อยนิดหน่อย”

ถึงแม้ว่าเธอจะโกหกเก่ง แต่มันจะไม่ทำให้ใครสงสัยใน สิ่งที่เธอพูดเลย ด้วยเพราะความเหนื่อยล้าดูเหมือนจะเขียน อยู่บนใบหน้า ซึ่งใครก็สามารถเห็นได้ทันที

“ได้ ไปอาบสิ”

ปยุตไม่ได้พูดอะไรมาก ไม่ใช่แค่คำพูดรับปาก แต่ยัง มีน้ำใจเปิดเครื่องนวดให้เธอและเปิดเพลงที่ช่วยให้ผ่อน คลาย

ผลินนอนในอ่างอาบน้ำ คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ อดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์เสียขึ้นเล็กน้อย จึงกลั้นหายใจโดย ไม่ลังเล และจมตัวลงไปในอ่าง
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ปยุตที่นอนอยู่บนโซฟาเอ่ยเตือน เธอด้วยความเบื่อหน่าย “โทรศัพท์มือถือของคุณดังตลอด เวลา”

“ค่ะ”

เปรียบเทียบกับความตื่นตัวของเขา คำตอบของเธอกลับ

ดูเหม่อลอย

ตรงไปที่ห้องลับ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู นับสิบสาย ที่ไม่ได้รับโทรศัพท์เป็นเบอร์ที่มาจากคนคนเดียวกัน นั่นคือ ลุงตีรณ

เส้นผมที่เสื่อมโทรมร่วงหล่นลงไปบนขอบเตียง เธอติด อยู่ในการต่อสู้ที่มีแต่ความโศกเศร้าและไม่มีที่สิ้นสุด การ ปรากฏตัวของทาตฤ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้คาดคิดมาก่อนแต่ก็ ไม่ใช่ปัญหา แต่คุณลุงต่างหากที่สร้างความวุ่นวาย มันเป็น ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ เพราะครั้งนี้มันยุ่งเหยิง มัน แย่กว่าที่เคย

ปยุตโยนนิตยสารในมือ เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ และ ออกมาแต่งตัวจนเรียบร้อย

เหลือบไปเห็นเธอถือกระเป๋าออกมาก็เอ่ยถามด้วยความ สงสัย “ดึกขนาดนี้คุณจะออกไปข้างนอกเหรอ”

“อืม”
กลัวว่าเขาจะถามมากเกินไป เธอจึงเดินอย่างรวดเร็ว และเมื่อกำลังจะออกจากห้อง จู่ ๆ เขาก็พูดว่า “อย่าลืมเวลา ที่เคยห้ามไว้ ถึงแม้ว่าผมสัญญาว่าจะดูแลคุณอย่างดี แต่ บางอย่างที่เป็นกฎคุณก็ต้องไม่ทำลายมัน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ