ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 131 คนที่มีชีวิตเหมือนพระเจ้า(1)



ตอนที่ 131 คนที่มีชีวิตเหมือนพระเจ้า(1)

ปยุตรู้สึกไม่ดี แยกกันในตอนเช้าแล้วแต่ในตอนเย็นก็ยัง เจอกันอีก

แม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังรู้สึกว่ามันยากที่จะหลีกเลี่ยง ความสงสัยเล็กน้อยพวกนี้

“ฉันไม่ได้บอกว่าคุณมาที่นี่กับเธอ คุณกังวลอะไร รู้สึกผิด เหรอ”

“ผมไม่ได้รู้สึกผิด ผมกลัวว่าคุณจะเข้าใจผิด

“ฉันอาจจะเข้าใจผิดถ้าคุณสองคนเข้ามาด้วยกัน แต่ใน เมื่อเข้ามาทีละคนแล้วฉันจะต้องเข้าใจผิดอะไร

“ดี ดีแล้วล่ะ มันจะดีกว่าที่ไม่เข้าใจผิด

จันทรถือกระเป๋าไปนั่งที่แถวแรก เดินผ่านปยุตที่อยู่ข้าง ๆ ไม่มีท่าทีแปลกใจ ยิ้มให้เขาน้อย ๆ ขำปยุตจนหนัง ศีรษะ ชาไปหมด

แต่ผลินไม่ตลก ไฟร้อนพวยพุ่งออกมาเผาไหม้ร่างกาย ของปยุต เธอบีบต้นขาของเขาอย่างรุนแรงใบหน้าของเขา บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดแต่ต้องอดทน

ติ้งติ้ง โทรศัพท์มือถือส่งแจ้งเตือนข้อความ เธอก้มลง มอง เป็นชื่นใจที่ส่งมา “คุณครูใหญ่ไวภพมีคำสั่งให้กลับมานั่ง”

เธอไม่ได้ลืมภารกิจของตัวเอง เธอหันไปกระซิบกับปยุต ว่า “ฉันจะไปนั่งข้างหลัง ถ้าตาของคุณกล้าที่จะมองไป ทาง ขวา จะตายอย่างน่าสังเวช

ทำไมต้องไปนั่งข้างหลัง นั่งตรงนี้สิ

ปยุตจับแขนเธอไว้ไม่ให้เธอไป

“พวกเราไม่ได้มาที่นี่เพื่อเล่นสนุก ยังมีเรื่องสำคัญบาง อย่าง ฉันจะบอกคุณทีหลัง”

“คุณอยากให้ผมช่วยอะไรไหม

“กลับไปค่อยคุยกัน

ผลินมองไปยังจันทรอย่างมีความหมายซึ่งอีกฝ่ายก็มอง มาเช่นกัน จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินไปหาทีมตัวเอง

งานเลี้ยงวันเกิดเริ่มอย่างเป็นทางการ การปรากฏตัว ของพิธีกรทำให้ห้องโถงที่วุ่นวายเงียบลงทันที ทุกคนกลั้น หายใจ รอดูพิธีการของงานวันเกิด

ผลินอดที่จะคิดไม่ได้ ว่าจันทรมีความสัมพันธ์ยังไงกับ บุคคลสำคัญนี้กันแน่ เธอไปนั่งอยู่ที่โต๊ะวีไอพีได้ยังไง

“สวัสดีท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี

ยินดีต้อนรับคุณเข้าร่วมงานแซยิดของคุณเฉลิมพล สิบปีผ่านไปแล้วตั้งแต่ งานวันเกิดครบรอบ 50 ปีของคุณเฉลิมพล คุณเฉลิมพล ทําธุรกิจมาสิบปีแล้ว อุทิศตนให้กับทั้งการเมืองและการ ศึกษาจนมิอาจวัดค่าได้ ตอนนี้พวกเรามาปรบมือต้อนรับ อย่างอบอุ่นกันดีกว่า ยินดีต้อนรับการปรากฏตัวอันยิ่งใหญ่ ของคุณเฉลิมพลครับ…”

แปะ ๆ ๆ…

เสียงปรบมือระเบิดกึกก้อง ภายใต้ความคาดหวังของ ทุกคน ตัวละครหลักของงานเลี้ยงก็ปรากฏกายออกมา ชาย ชราในชุดสีขาวสบาย ๆ ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะแตกต่างจาก คนปกติ ผลินจ้องมองชายชราด้วยความตกใจ อยู่ดี ๆ ก็พูด ออกมาว่า ขอทาน…

ห้องโถงที่เสียงเงียบ มันจึงเหมือนการระเบิด ทุกคนต่าง มองไปที่เธอ ชื่นใจที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ หน้าซีดด้วยความ กลัว หยิกเธออย่างรุนแรง แล้วโวยวายออกมา เธอบ้าไป แล้วเหรอ ทำไมเธอถึงไปเรียกเขาว่าขอทานแบบนั้น

“ก็เขาเป็นขอทาน…

ผลินสับสนงุนงง มันเหมือนกับว่าเธออยู่คนเดียวในที่นั้น ไม่ได้ตระหนักเลยว่ามีสายตาหลายคู่มอง

ว่าเธอเหมือนคนบ้า ปยุตมองเธอด้วยความตกใจ ถ้ามัน ไม่ได้ไกลจากตรงนี้ เขาจะตีเธอเพื่อปลุก ที่พูดอะไรไร้สาระ
คุณเฉลิมพลยิ้มเล็กน้อย แล้วเปิดปากทำลายความนิ่ง งัน”สวัสดีทุกคน ผมคิดว่าทุกคนที่นี่น่าจะรู้จักผม แต่ผม ยัง ต้องแนะนําตัว ผมคือเฉลิมพล พรหมจรรย์ เนื่องจาก ตำาแหน่งที่มีมากและยุ่งมากเกินไปนั่นคงไม่จําเป็นต้อง แนะนำ ตัวอีก ขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ของผม ตระหนักดีว่าเวลาล้วนเป็นเงินเป็นทอง ดังนั้นผม จึงมีงานเลี้ยงเพียงสิบปีครั้งเท่านั้น สิบปีที่ผ่านมามีหลาย ใบหน้าที่คุ้นเคย แต่อีกสิบปีข้างหน้าผมอาจจะจําพวกคุณ ไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ว่าผมแก่และสับสน หรือว่าผมเป็นโรค ความจําเสื่อม แต่เป็นไปได้ที่ผมอาจได้รับคําเชิญจากท่านปู่ ยมบาลให้ไปดื่มด้วยกันแล้ว”

“ฮ่า ๆ ๆ…”

เสียงหัวเราะผ่อนคลายบังเกิดขึ้นในงานปาร์ตี้ ทุกคน ขำกับคำพูดอารมณ์ขันของเขา หัวใจของผลินเต็มไปด้วย ความรู้สึก เธอไม่ได้จำคนผิด บุคคลสำคัญที่อยู่ต่อหน้า ที่ เป็นอาจารย์ของปยุต คืนนั้นที่ริมทะเล เป็นคนขอทานที่ ขู่ว่า จะฆ่าตัวตายไปพร้อมกับเธอ

ถึงแม้ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผล และไม่สามารถเข้าใจได้ เลย แต่ก็จะระงับมันเอาไว้ชั่วคราว รอดูโอกาส เพื่อไปถาม เขาอีกครั้ง

เฉลิมพล พรหมจรรย์เริ่มพูดต่ออย่างกระตือรือร้น ผลิน ต้องยอมรับ ว่ามันช่างน่าตกใจ ทุกคำพูดนั้นเป็นเหมือน ชาม ซุปไก่ มันเต็มไปด้วยแง่คิดและสร้างความประทับใจ ชะล้าง หัวใจสีเทาขมุกขมัวของผู้คน
หลังจากพูดจบ ผู้ชมก็บังเกิดการปรบมือ นอีกครั้ง จาก นั้นคุณเฉลิมพลก็ประกาศว่า“สิบห้านาทีก่อนงานเลี้ยง อาหารค่ำจะเริ่มขึ้น ทุกคนสามารถถามคำถามได้อย่างอิสระ ตราบใดที่มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัว จะ ตอบทุก คนหนึ่งคนต่อหนึ่งคำถาม

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็เริ่มมีคนยืนขึ้นและถามคำถามต่อเขา คนหนึ่งนั่งอีกคนหนึ่งลุกขึ้นยืน คำถามต่าง ๆ เกี่ยวข้อง กับ ทางการธุรกิจการค้า ยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และ ยังเกี่ยวข้องกับมุมมองของชีวิตและอื่นๆ

คำตอบของคุณเฉลิมพลนั้นยอดเยี่ยม สร้างความพึง พอใจให้กับผู้ถามเป็นอย่างมาก ผลินต้องการที่จะยืนขึ้นและ ถามว่าเขาเคยเป็นขอทานใช่หรือไม่ แต่เมื่อคิดว่าทุกคนจะ รู้ว่าเธอมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย จึงยับยั้งช่างใจตัวเอง ไว้ เธอไม่ได้รังเกียจที่จะให้คนอื่นรู้เรื่องราวในอดีต แต่ที่เธอ สนใจ คือจันทรจะรู้

บางที มันอาจจะเป็นหลักจิตวิทยาที่ผู้หญิงต้องการ รักษาศักดิ์ศรีของตัวเองต่อหน้าคู่แข่ง

เมื่อการถามคำถามจบลง พิธีกรก็ประกาศให้ทุกคนมา รวมกันที่ห้องอาหารสำหรับอาหารค่ำ ผลินลุกขึ้น และจะ เดินไปยังห้องอาหารพร้อมกับคนอื่น ๆ แต่ถูกไวภพจับเอา ไว้ก่อน

“ตามผมมา”
เธอรู้ว่ามันเกี่ยวกับการเรียกขอทาน อย่างที่คาดไว้ เมื่อ มายืนอยู่หน้าประตูวิลล่า ถามด้วยความโกรธมาก”คุณ เป็น บ้าอะไร”

ไวภพตำหนิเธอเป็นครั้งแรกอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ระเบิดคำพูดออกมาเหมือนว่าโกรธมาก

“ขอโทษนะ ฉันรู้จักคนผู้นั้น

“คุณรู้จักเขาได้ยังไง”

“เขาเคยเป็นขอทานมาก่อนใช่ไหม”

“ผลิน!”

ไวภพระเบิดเสียงออกมาในสี่คนผมคาดหวังคุณมาก ที่สุด แต่ตอนนี้คุณทำให้ผมผิดหวังมากที่สุด”

“ฉันพูดความจริง เขาบอกกับฉันว่าเขาเป็นขอทานจริง ๆ”

ผลินนวดหน้าผาก เธอจะอธิบายยังดีไวภพถึงจะเชื่อว่า เธอพูดความจริง

“ครูใหญ่ไวภพ ยังไม่เข้าไปกันอีกเหรอ”

ชื่นใจออกมาถาม

ไวภพจ้องผลินอย่างโกรธจัด “กลับไปจะจัดการกับคุณ”
ผลินลูบหน้าผากพลางถอนหายใจ และเงียบลง

“เกิดอะไรขึ้นกัน”

ชื่นใจเดินข้างผลินไปยังทิศทางของห้องอาหาร

“ฉันจะบอกเธออีกทีแล้วกันถ้าฉันได้รู้เรื่องราวที่ชัดเจน แล้ว”

ที่ห้องอาหาร เธอมองไปรอบ ๆ แต่ไม่พบคุณเฉลิมพล จึงเดินไปหาปยุตที่กำลังคุยกับคนระดับสูงคนหนึ่งอยู่ ถาม ขึ้นเงียบ ๆ“อาจารย์ของคุณไปไหนแล้วล่ะ”

ใบหน้าของปยุตบึ้งตึง“เมื่อกี้คุณเรียกอาจารย์ของผมว่า อะไรนะ”

“ฉัน…”

เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี

“กลับบ้านไปจะจัดการกับคุณ”

เฮ้อ ผลินร้องไห้ก็ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออก ทำไมพวกเขา ทั้งสองคนต้องจัดการกับเธอ เธอโกหกที่ไหนกัน

“ช่างเถอะ”

เธอหันกลับไปอย่างหงุดหงิด สาบานกับตัวเองว่า รอจนกว่าเรื่องนี้จะกระจ่าง ดูสิว่าใครจะกล้าจัดการกับเธอ

“แล้วครูใหญ่ไวภพล่ะ”

เธอเดินมาหาชื่นใจ มองไปรอบ ๆ และเอ่ยถาม

“ไปเจรจากับคุณเฉลิมพล เพราะคุณเฉลิมพลไม่พบใคร ง่าย ๆ ดังนั้นเขาต้องใช้ความพยายามไม่อย่างนั้นความ หวัง ของเราก็ไม่เป็นผล

หลังจากนั้นไม่นาน ไวภพก็กลับมา มีสีหน้าที่เศร้า หมอง ผลินก็เข้าใจทันทีว่ามันไม่ได้ผล

เป็นยังไงบ้าง เขายินดีให้เราพบไหม

ไวภพส่ายหน้า บอกว่าช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดี ปฏิเสธ การพูดคุยส่วนตัว”

“ฉันจะถามสามีของฉัน ได้ยินว่าเป็นอาจารย์ของเขา อาจ จะช่วยพูดให้พวกเราได้

ผลินไปหาปยุตอีกครั้ง ดึงเขามาพูดด้วยเบา ๆ“สามีจ๊ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ คุณช่วยอะไรหน่อยได้ไหม”

“อืม คณว่ามาสิ”

“คุณจะขอให้อาจารย์ของคุณพบกับครูใหญ่ของเราได้ ไหม”
ปยุตมองไปที่ไหนสักแห่ง“ไวภพ?” “อืม”

“ไม่ช่วย

“ทำไมล่ะ”ผลินร้อนใจ

“ช่วงนี้เขาสุขภาพไม่ค่อยดี ไม่อยากให้ใครรบกวน “แต่พวกเราต้องการพบเขา คุณก็ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้จริง ๆ คุณรู้ไหมว่าหลายคนที่นี่ต้องการคุยกับเขา เป็นการส่วนตัว ถ้าคุณเป็นข้อยกเว้น แล้วที่ปฏิเสธคนอื่น ไป ก็ดูไม่ดีสิ”

“เราแอบพบโดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ได้ไหม”

“คุณคิดว่าทุกคนโง่เหรอ ผมรู้ว่าคุณต้องการให้เขาไป พูดที่โรงเรียน แต่คุณรู้ไหมว่าหลายคนที่นี่มีวัตถุประสงค์ เดียวกัน เพื่อนคือศัตรู คุณถูกจับตามองโดยเพื่อนร่วมงาน คนอื่น ๆ นะ เมื่อพวกคุณสองคนหายไปพวกเขาจะรู้โดย ทันทีว่าพวกคุณได้เข้าพบคุณเฉลิมพล

“รู้อะไรไหม พวกเขาไม่มีประตูหลังสักหน่อยนี่จริงไหม”

“อ่า นี่คุณให้ผมเป็นประตูหลังงั้นเหรอ”

“โอ๊ย คุณก็ไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันวางคุณไว้ตำแหน่ง ไหน ก็แค่ช่วยกันหน่อยได้ไหมล่ะ สามี…
แค่เพียงผลินอ้อน ปยุตก็โอนอ่อน เขาหยิบโทรศัพท์ มือถือขึ้นมา”งั้นก็ได้ ผมจะลองดู แต่เขาจะพบพวกคุณหรือ เปล่า นั่นผมไม่รับประกันหรอกนะ”

“ได้เลยไม่มีปัญหา”

ปยุตกดโทรออกทางโทรศัพท์มือถือ ผลินกลั้นหายใจ และฟังเนื้อหาการสนทนาของปยุต “สวัสดีครับ คือว่า อาจารย์ครับ…เอ่อ ผมปยุตนะครับ…ของขวัญนั่นไม่มีอะไร เลยครับ เมื่อเทียบกับการปลูกฝังของอาจารย์ มันไม่มี อะไรเลยจริง ๆ …ครับ…อืม ผมมีเพื่อนที่อยากพบคุณ ผม สงสัยว่ามันสะดวกสำหรับคุณ… โอ้ คุณรู้สึกไม่สบาย ได้ ครับ ผมจะไม่ให้พวกเขารบกวนคุณ…

เมื่อผลินได้ยิน หัวใจที่ตื่นเต้นก็พลันจมลงไปในหุบเขา ดูเหมือนว่าจะหวังกับประตูหลังไม่ได้แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ