ภรรยาคนที่เจ็ดของประธาน

ตอนที่ 129 งานแซยิดลึกลับ(1)



ตอนที่ 129 งานแซยิดลึกลับ(1)

ผลินมองเขากลับมาแบบนี้ ภายในใจรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่ทำปากแข็งพูดว่า”ไม่ใช่เรียกให้คุณออกไปแล้วหรือ ทำไมยังกลับมาอีก

ปยุตมองเธออย่าวตั้งใจ ค่อยๆยื่นมือออกไป เช็ดรอย คราบน้ำตาที่จมูกของเธอ พูดห่างๆว่า”หากว่าผมไปจริงๆ แบบนี้ กลัวว่าคุณจะไม่ให้อภัยผมอีกเลย”

ผลินดื้อรั้นมาก ไม่เห็นด้วยหรือไม่คัดค้านคำพูดของเขา

“ดีแล้ว อย่าโกรธได้ไหม ครั้งนี้เป็นความผิดของผมคน เดียว ผมสำนึกผิดแล้ว กลับไปแล้วแต่คุณจะเอากลับผม ยัง ไงก็ได้ ตอนนี้พวกเรารักษาตัวให้หายก่อน โอเคนะ”

ผลินสูดลมหายใจเข้า หันมาถามเขาว่า“สำนึกผิดแล้ว

จริงหรือ”

“รู้แล้วจริงๆ”

“อยากให้ฉันอภัยให้คุณ

“อยาก”

“งั้นดี ฉันให้โอกาสคุณไถ่โทษ”

“โอกาสอะไร”
ดวงตาทั้งสองอันเหน็ดเหนื่อยของปยุตมีประกายสายรุ้ง ออกมา

“กลับไปอยู่ที่บ้าน”

ทันใดนั้น เขาตะลึง ใบหน้าแสดงความรู้สึกล่องลอยใน อากาศ เห็นเขาไม่พูด เธอถามว่าเป็นอะไรไป ลำบาก ใจ มากใช่ไหม”

“เรื่องอื่นผมตกลงหมด ยกเว้นเรื่องเดียว”

“งั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันอยากให้คุณปยุตทำเพื่อฉัน เพียงแค่เรื่องนี้ หากว่าคุณไม่รับปาก ระหว่างพวกเราก็ ไม่มี อะไรจะคุยกันได้แล้ว”

“ผลิน คุณทั้งที่รู้ผมรู้สึกอย่างไร ทำไมยังขอให้ผมสิ่งที่ ลำบากใจแบบนี้”

“ยิ่งคุณรับปากคำขอที่ลำบากใจยิ่งพิสูจน์ให้เห็นความรู้สึก ที่คุณมีต่อฉันไม่ธรรมดา ไม่ใช่บอกเองว่าจริงใจ งั้นก็ ทำให้ ฉันรู้สึกหน่อยสิ”

ปยุตลุกขึ้นครุ่นคิดที่จะทำหรือไม่ทำ กำลังนวดที่ระหว่าง คิ้ว เดินวนไปวนมาในห้อง สุดท้ายเพื่อให้ผลินยอมให้ อภัย ตัวเอง จำเป็นต้องตอบตกลงอย่างฝืนใจทำ“โอเค กลับไป”

ผลินหน้าเคร่งเครียดแล้วคลี่คลายลงหน่อย สายตาเธอ มองที่เขาคำไหนคำนั้นนะ
“คำไหนคำนั้น”

“กลับบ้านแล้วห้ามทะเลาะกับคุณพ่อคุณแม่อีก ไม่ว่าพวก ท่านจะเคยทำอะไร ก็ต้องรักพวกท่านเหมือนแต่ ก่อน”

ปยุตเดินไปที่อยู่ตรงหน้าเธอ สองมือวางข้างเตียง”คุณ ไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับไปหน่อยหรือ”

“งั้นฉันให้คุณกลับบ้านทำไม เพื่อให้คุณกับพวกท่าน ทะเลาะกันทั้งวันไม่หยุดหรือ

“ตกลง ผมรู้แล้ว”

ปยุตถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ชี้ไปที่อาหารเช้าที่ซื้อ มาบนโต๊ะ“กินให้หมด”

“ไม่อยากกินแล้ว

“ทำไม คำขอของคุณผมจำต้องรับปาก คำของของผมคุณ เพิกเฉยได้ใช่ไหม”

“งั้นพวกเรามากินด้วยกัน”

ผลินที่ดื้อรั้นมองเขา เขาหายใจเข้า “เฮ้ ไม่รู้จะทำยังไง

กับคุณดี”

หลังจากปาณีส่งจันทรกลับบ้าน แล้วขับรถไปทางโรง พยาบาลอีก ครั้งนี้ ไม่ได้ขับเร็วเหมือนเมื่อกี้ ค่อยๆขับไปอย่างช้าๆ ชมทิวทัศน์สวยงามระหว่างทาง

ผ่านร้านขนมแอร์แค เธอจอดรถไว้ เตรียมจะเข้าไปซื้อ อะไรหน่อยให้พี่สะใภ้ มีร้านกาแฟอยู่ติดร้านขนม ปาณีเดิน ตรงเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจเห็นเงาคน ที่รู้จัก เธอเดินย้อนกลับมาดู มองเข้าไปในร้านกาแฟ ติด กระจกใส เธอมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ใกล้หน้าต่าง ผู้ หญิงคนนั้นแม้นกลายเป็นธุลี เธอก็จำได้ ธารีคือผู้หญิง ที่ ชนัยบอกว่ารัก แฟนสาวของชนัย แต่ผู้ชายคนนั้นกลับไม่ใช่ ชนัย

ยิ่งทำให้เธออยากรู้ ธารีสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้นราวกับ เป็นคู่รักกัน สองคนนั่งด้วยกัน เขาเข้ามาชิดไหล่ของเธอ กระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหู ทำให้ธารีหัวเราะออกมา อย่างมีความสุข เสียงหัวเราะจนทำให้ปาณีอยากจะอาเจียน

ปาณีหยิบมือถือออกมาทันที หันหลังโทรหาชนัย พอ โทรติด เธอก็พูดอย่างโกรธว่า”คุณรีบมาที่ร้านกาแฟเบอร์6”

“มาทำอะไร”ชนัยไม่เข้าใจ

“แฟนคุณกำลังนอกใจคุณ พลอดรักกับผู้ชายคนอื่น”

“พูดเหลวไหล”เขาไม่เชื่อแน่ๆ

ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง คุณไม่เชื่อก็มาดูเอง”

“ตอนนี้ฉันยุ่งอยู่ พี่ชายเธอก็ไม่อยู่บริษัทด้วย คุณอย่าสร้างเรื่องไร้เหตุผล

ปาณีคิดไม่ถึงว่าชนัยไม่เชื่อเธอเลย โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทันที”ใครไร้เหตุผล ถึงฉันจะชอบคุณ ฉันก็คงไม่กินอิ่ม แล้ว หาเรื่องยุยงคุณใส่ร้ายธานี คุณคอยฉันก่อน เดี๋ยวฉันถ่ายรูป ส่งให้คุณดู

เธอโกรธจนวางหูโทรศัพท์ แล้วหันหลังกลับไป เตรียม ถ่ายรูปธานีกับผู้ชายคนนั้นกำลังพลอดรักกันส่งให้ชนัย แต่พอหันหลังกลับมาแป๊ปเดียว ทั้งสองคนที่เพิ่งนั่งอยู่ตรง นั้นไม่รู้ลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

เธอวิ่งเข้าไปในร้านกาแฟ มองไปรอบๆทั้งซ้ายและขวา ให้แน่ใจว่าธารีไม่อยู่แล้ว แต่ตรงที่เธอนั่ง กาแฟทั้งสอง ถ้วยยังร้อนคุกรุ่นอยู่เหลืออยู่ครึ่งแก้ว

“ช่างโง่จริงๆ”

ธานีถ่ายรูปหน้าตัวเอง เธอทำไมไม่รู้จักถ่ายรูปพวกเขา ก่อนค่อยโทรหาชนัย แบนนี้ชนัยก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ

เธอ

ปาณีเดินออกจากร้านกาแฟ ยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ เธอนั่งใน รถ ขับแล่นเร็วปรื้อถึงบริษัทเจ. เอส. ทรัพยสาน ต่อมากด ลิฟขึ้นไปชั้นเก้าอย่างโกรธ

ผลักประตูห้องเลขา ชนัยไม่อยู่ที่โต๊ะ เธอนั่งคอยเขา มองเห็นจอคอมเป็นรูปของธานีเป็นพื้นหลัง โมโหจนเอาเมา เปลี่ยนภาพพื้นหลังเป็นทิวทัศน์ภูเขาและแม่น้ำ

ชนัยเดินกลับมาจากข้างนอกมองเห็นปาณีนั่งที่ออฟฟิต ของเขา เขาถามอย่างโกรธว่า คุณไม่ยอมจบใช่ไหม”

เอาเอกสารวางบนโต๊ะ นั่งบนเก้าอี้ออฟฟิต มองเห็น ภาพพื้นหลังบนคอมเพิ่งถูกเปลี่ยน สีหน้านิ่งทันที”คุณมา เล่นคอมใช่ไหม”

“ก็แค่ช่วยคุณเคลียร์ภาพพื้นหลังเท่านั้น”

“ใครสั่งให้คุณเคลียร์ภาพพื้นหลังของผม

“ไม่มีใครสั่ง ฉันแค่มองแล้วไม่สบายตา

ชนัยจ้องตา”ไม่ได้ให้คุณมองแล้วสบายตา แค่ตัวฉันเอง มองแล้วสบายตาก็พอ”

“ผู้หญิงที่ลับหลังคุณนอกใจอยู่กับผู้ชายคนอื่น คุณชอบ เธอที่ตรงไหน คุณชอบเธอ ผู้หญิงชั้นต่ำแบบนั้นใช่ไหม”

“ปาณี”

ชนัยคำราม ทำให้เธอตกใจ มองเขาอย่างตะลึงงง ในใจ เจ็บปวดมาก ชนัยไม่เคยใช้อารมณ์พูดกับเธอแบบนี้มา ก่อน

“ไม่ว่าคุณคิดยังไงกับธานี เธอก็คือผู้หญิงของผม ผมไม่ อนุญาตให้เธอพูดดูหมิ่นเธอต่อหน้าผม มิฉะนั้น ไม่ว่า คุณเป็นน้องสาวของใคร ผมก็จะไม่เกรงใจกับคุณทั้งนั้น

“เอายังไง จะดีฉันใช่ไหม”

ปาณีก็ยิ่งโกรธ ยืนอยู่หน้าชนัย ด่าด้วยความโมโหว่า “ตา คุณบอดหรือเปล่า อยู่กับเธอสองปียังไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิง ประเภทไหน

“ผมสั่งให้คณออกไป

ชนัยชี้ไปที่ประตู พูดรุนแรงกับเธอ

ปาณีตะลึงไปแป๊ปนึง แล้วผลักชนัยอย่างโกรธทีหนึ่ง ตะโกนเสียงดังอย่างน่าขำว่า คุณมันโง่ เป็นคนที่โง่ที่สุด ใน โลก สักวันหนึ่ง คุณจะเสียใจภายหน้ากับท่าทีที่ทำกับฉันวัน นี้”

ผลินให้นําเกลือหมดสองขวดก็สิบโมงพอดี ปยุตอยู่ เคียงข้างเธอตลอด ออกจากโรงพยาบาล เธอพูดกับเขาว่า “ไปส่งฉันที่โรงเรียนเถอะ”

“ยืนจะไม่ไหวอยู่แล้วจะไปโรงเรียนทำไม กลับบ้านไปพัก ผ่อนเถอะ”

“ไม่ต้องแล้ว ไม่เป็นไร

ผลินยืนยันหนักแน่น ปยุตรู้ว่าเธอดื้อรั้น เอามือเปิด ประตูและพูดว่า “กินข้าวกลางวันด้วยกันนะ กินเสร็จแล้วฉันค่อยไปส่งคุณที่โรงเรียน

“เพิ่งกินอาหารเช้าไม่นาน ใครจะไปกินลง ตรงไปส่งฉันที่ โรงเรียนเถอะ”

ปยุตเอารถขับถึงโรงเรียนมัธยมปรานต์ คอยผลินลงจาก รถ เขาถามให้แน่ใจด้วยความเป็นห่วงมาก”ไม่เป็นไร แล้ว จริงๆนะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่คนที่อ่อนแอแบบนั้น ใน คืนเดียวต้องเข้าห้องฉุกเฉินหลายรอบ

ผลินพูดเป็นนัย ปยุตน่าจะฟังออก เขาพยักหน้างั้น เลย ตอนบ่ายผมค่อยมารับคุณ”

คอยเขาขับรถแล่นผ่านไปไกลแล้ว เธอถึงจะรีบเดินเข้า ในโรงเรียน พระอาทิตย์บนหัวแยงตาเธอมาก ขณะที่เดิน เกือบจะถึงออฟฟิต สองตาดำเกือบจะตาลายล้มลงไปที่พื้น โชคดีที่มีแขนคู่หนึ่งเข้ามาพยุงเธอไว้ทันเวลา ถึง ทำให้เธอ ไม่ตกหกล้ม

เธอค่อยๆเงยหน้าขึ้น เจอกับสายตาอันห่วงใยของไวภพ รีบหดแขนกลับ พูดอย่างรีบร้อนว่า “ขอบใจนะ”

“ไม่สบายตรงไหน”

ในคำพูดของไวภพแสดงออกถึงความห่วงใยชัดเจน เธอส่ายหน้า เปล่า ฉันไปสอนแล้วนะ”
เดินไปข้างหน้าสองก้าว มองเห็นชื่นใจยืนอยู่ข้างหน้า กำลังมองพวกเขาอย่างโดดเดี่ยว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ